Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน17 สิงหาคม 2547
กรุงไทยตั้งทีมสอบหนี้ฉาว "สมคิด" ชี้ปีนี้กำไรหมื่นล้าน             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารแห่งประเทศไทย
โฮมเพจ ธนาคารกรุงไทย

   
search resources

ธนาคารกรุงไทย
ธนาคารแห่งประเทศไทย
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
สมคิด จาตุศรีพิทักษ์
ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล
พงศธร สิริโยธิน
Banking and Finance
เชษฐทวี เจริญพิทักษ์
ศุภรัตน์ ควัฒน์กุล




ธนาคารกรุงไทยตั้ง "เชษฐ์ทวี-ศุภรัตน์-พงศธร" เป็นกรรมการสอบปัญหาหนี้ตามคำสั่ง "สมคิด" มั่นใจภายใน 2 เดือนรู้ผลพร้อมประกาศให้สาธารณชนทราบ ขุนคลังคาดว่ากรุงไทยกำไรปีนี้ไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท ขณะที่ผู้บริหารกรุงไทยยันสินเชื่อยังปกติตามหลักกระแสเงินสดและการชำระดอกเบี้ยตามเกณฑ์ธปท. ด้าน ก.ล.ต.พร้อมเอาผิดไอ้โม่งทุบหุ้น ไม่หวั่นแม้เป็นรัฐมนตรี ตำรวจเตรียมข้อมูลรอก.ล.ต.ร้องทุกข์

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับผู้บริหารธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB ในโอกาสตรวจเยี่ยมว่า ธนาคารกรุงไทยต้องตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อตรวจสอบการใช้เงินกู้ของลูกหนี้ที่มีปัญหาบางราย หลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีการตรวจพบเส้นทางการใช้เงินของลูกหนี้ที่ไม่ตรงต่อวัตถุประสงค์ในการ ขอกู้ เพื่อแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับข่าวลือที่กระทบต่อฐานะทางการเงินและราคาหุ้นที่ได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยคณะกรรมการชุดดังกล่าวจะต้องตรวจสอบและสรุปผลให้เสร็จภายใน 2 เดือน และแถลงข้อมูลในสาธารณชนได้รับทราบเพื่อความโปร่งใส

ทั้งนี้ คณะกรรมการชุดเฉพาะกิจดังกล่าวประกอบด้วยนายพงศธร ศิริโยธิน รักษาการกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกรุงไทย นายเชษฐทวี เจริญพิทักษ์ ผู้ช่วยผู้ว่าฯธปท. และนายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล อธิบดีกรมสรรพากร ในฐานะรองประธานคณะกรรมการธนาคารกรุงไทย ซึ่งมีนายชัยอนันต์ สมุทวณิช ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบธนาคารกรุงไทย ทำหน้าที่ในการควบคุมดูแลว่าการปล่อยสินเชื่อดังกล่าวเป็นไปตามหลักเกณฑ์หรือไม่ ซึ่งจะมีการเสนอรายชื่อคณะกรรมการชุดเฉพาะกิจดังกล่าวในระหว่างการประชุมคณะกรรมการของธนาคารภายในวันที่ 23 สิงหาคม 2547

"การที่ธปท. มีการใช้เกณฑ์กระแสเงินสด ในการจัดชั้นลูกหนี้ทำให้ธนาคารพาณิชย์มีความ แข็งแกร่งในอนาคต การเข้าตรวจสอบของคณะ กรรมการชุดดังกล่าวจะเข้าไปตรวจสอบว่า การใช้เงินกู้ถูกต้องหรือไม่ หากทำผิดก็ว่าไปตามผิด เนื่องจากปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้เกิดข้อสงสัยและไม่มีความมั่นใจ หากเรื่องดังกล่าวสรุปได้เร็วก็จะเป็นผลดีต่อธนาคารเอง โดยที่การสั่งการในครั้งนี้ไม่ได้เป็นการแทรกแซงการทำงานของแบงก์ชาติแต่อย่างใด" นายสมคิดกล่าว

นายสมคิดกล่าวว่า ธนาคารกรุงไทยเป็นธนาคารที่มีศักยภาพสูง เงินกองทุนเข้มแข็ง สำรองได้เกินเกณฑ์ธปท.กำหนด รวมทั้งเป็นผู้นำในการปล่อยสินเชื่อเริ่มตั้งแต่ช่วงวิกฤตเศรษฐกิจที่ผ่านมา ทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นต่อเนื่อง จนทำให้ธนาคารพาณิชย์อื่นๆ เริ่มปล่อยสินเชื่อตามมาจากผลประกอบการงวดล่าสุดธนาคารมีกำไรสุทธิถึง 6,000 ล้านบาท หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ประมาณ 12% ถือว่าเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดในระบบธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ จึงเชื่อว่าธนาคารมีศักยภาพเพียงพอในการ สร้างกำไรได้ต่อเนื่อง คาดว่าธนาคารจะมีกำไรในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท

ด้านนายชัยอนันต์ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบ กล่าวว่า ปัจจุบันธนาคารมีคณะกรรมการตรวจสอบสินเชื่อ และดำเนินการ อนุมัติสินเชื่อตามปกติอยู่แล้ว โดยจะเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบให้มากขึ้นกว่าเดิม เพื่อไม่ให้การปล่อยสินเชื่อของธนาคารหละหลวมซึ่งจะก่อให้เกิดเอ็นพีแอลในภายหลัง ซึ่งคณะกรรมการฯ จะนำข้อมูลที่สรุปได้จากการตรวจสอบยื่นเสนอต่อธปท. ต่อไป

สำหรับคณะกรรมการเฉพาะกิจที่จัดตั้งขึ้นมาและทำงานร่วมกับธปท.นั้น เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาเอ็นพีแอลของธนาคาร จะมีหน้าที่ในการติดตามดูแลและตรวจสอบการใช้เงินของลูกหนี้ที่มีปัญหา และรายงานต่อคณะกรรมการตรวจสอบของธนาคารเพื่อยื่นต่อธปท.

ด้านนายพงศธร กล่าวว่า โดยปกติธนาคารได้มีการตรวจสอบคุณภาพของสินเชื่ออยู่เป็นประจำ โดยหลักเกณฑ์ที่ธนาคารใช้คือ หลักเกณฑ์กระแสเงินสด และการชำระดอกเบี้ยตามกำหนดของลูกหนี้แต่ละราย ซึ่งตรงตามเงื่อนไขที่ธปท. ได้กำหนด โดยเกณฑ์ที่ทางธปท. ออกมาเมื่อปี 2546 นั้น ธปท. ได้มีการกำหนดให้เอ็นพีแอลเป็นสินเชื่อด้อยคุณภาพตามเกณฑ์กระแสเงินสด ซึ่งจากเดิมเป็นเพียงสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้เท่านั้น

ทั้งนี้ สินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2547 มีจำนวน 45,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนแรก 25,000 ล้านบาท เป็นสินเชื่อเดิม ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2546 หรือคิดเป็นจำนวนลูกค้า 81 ราย ซึ่งในจำนวนดังกล่าวเป็นเอ็นพีแอลที่อยู่ในระหว่างการปรับโครงสร้าง หนี้จำนวน 4,000 ล้านบาท ส่วนที่สองเป็นสินเชื่อด้อยคุณภาพเพิ่มขึ้นอีก 20,000 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2547

"การที่แบงก์ชาติสั่งให้ธนาคารตั้งสำรองลูกหนี้กลุ่มนี้เนื่องจากแบงก์ชาติมีความเป็นห่วงว่ากระแสเงินสดของลูกหนี้ดังกล่าวจะสามารถนำมาชำระหนี้ต่อไปได้หรือไม่ จึงมีคำสั่งให้ธนาคารจัดชั้นเป็นสินเชื่อด้อยคุณภาพ" นายพงศธรกล่าว

อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากทำการตรวจสอบโดยคณะกรรมการเฉพาะกิจซึ่งคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายใน 2 เดือนตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสั่งการแล้ว ธนาคารจะส่งข้อมูล ไปให้ธปท. วิเคราะห์อีกครั้งหนึ่ง โดยในเบื้องต้นธนาคารมีความเห็นว่าลูกหนี้กลุ่มนี้มีความสามารถในการชำระเงินดีเพียงพอ โดยในเบื้องต้น ธนาคารยืนยันว่าลูกค้ากลุ่มนี้มีความสามารถในการชำระหนี้และไม่ได้มีปัญหาทางการเงินแต่อย่างใด แต่ในท้ายที่สุดก็ต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจ ของธปท.เท่านั้น

ก.ล.ต.ยันเอาผิดไอ้โม่งทุบหุ้น

นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า กรณีที่ข่าวลือมาจากนักการเมืองนั้น สำนักงานก.ล.ต.ก็จะต้องพิจารณาต่อไปว่าจะทำอย่างไรได้บ้าง เช่นกรณีที่คณะรัฐมนตรีมีการประชุมพิจารณาเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่มีผลกับอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรม หนึ่ง ซึ่งผู้ที่รู้ก่อนอาจจะไปซื้อดักไว้ก่อนหรือขาย ไปก่อนก็ได้นั้น ถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม

"หากมีข่าวหลุดออกมาและคนที่รู้ข่าวก่อน ได้เข้าไปซื้อหุ้นหรือขายหุ้นก่อนคนอื่น ถือว่าเป็น การใช้ข้อมูลภายใน ซึ่งสิ่งนี้จะต้องหาต้นตอ และเชื่อมโยงเหตุการณ์ซึ่งสามารถตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังได้" นายธีระชัยกล่าว

อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่มีรัฐมนตรีหรือโฆษกรัฐบาลได้ออกมาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่อง ที่จะนำเข้าประชุมคณะรัฐมนตรีนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่ดำเนินตามปกติไม่มีความผิดแต่อย่างใด

ตำรวจรอก.ล.ต.ร้องทุกข์

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ วานนี้ (16 ส.ค.) พล.ต.ต.เอกรัตน์ มีปรีชา รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยถึงกรณีที่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จะดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่ปล่อย ข่าวโจมตีธนาคารกรุงไทย การขายหุ้นธนาคารที่กองทุนฟื้นฟูถือหุ้นและข่าวปลดผู้ว่าการธนาคาร แห่งประเทศไทย (ธปท.) ทำให้ดัชนีตลาดหลัก- ทรัพย์ติดลบว่า ยังไม่มีการประสานมาจาก ก.ล.ต. แต่อำนาจหน้าที่ในการดำเนินการทางกฎหมายเป็นหน้าที่ของ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งก่อนหน้านี้ พล.ต.ท.วงกต มณีรินทร์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางได้มีคำสั่งแต่งตั้งชุดเฉพาะกิจขึ้นมาติดตามข่าว และความเคลื่อนไหวภายในตลาดหลักทรัพย์ เนื่องจากเกรงว่าจะมีการปั่นราคาหุ้น โดยในขณะนี้ชุดเฉพาะกิจดังกล่าวยังคงดำเนินการอยู่ และเชื่อว่ามีข้อมูลอยู่มากพอสมควร

อย่างไรก็ตาม โดยมารยาทแล้วการที่จะเข้าไปดำเนินการทางกฎหมายในเรื่องดังกล่าว ผู้เสียหายหรือทาง ก.ล.ต.จะต้องดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษมาก่อน ทางตำรวจจึงจะสามารถ เข้าไปดำเนินการได้ ทั้งนี้เชื่อว่าทาง ก.ล.ต. มีข้อมูล อยู่มากพอสมควร

สำหรับโทษของการปล่อยข่าวหรือวิเคราะห์ โดยไม่อิงปัจจัยพื้นฐานนั้นมีทั้งโทษตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ตามมาตรา 240 ซึ่งกำหนดบทลงโทษครอบคลุมนักวิเคราะห์บุคคลทั่วไปซึ่งมิใช่พนักงานของบริษัทหลักทรัพย์ที่วิเคราะห์โดยไม่ดูปัจจัยพื้นฐานมีโทษทั้งจำคุกและปรับไม่เกิน 500,000 บาท และยังมีโทษตามประมวลกฎหมายอาญาซึ่งเข้าข่ายหลอกลวงประชาชน และหากมีการสืบทราบว่าทางบริษัทหลักทรัพย์มีส่วนรู้เห็นในการปั่นราคาหุ้นก็จะถูกดำเนินคดีด้วย   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us