ฉัตรชัย บุนนาค ประธานฟอร์ดประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้บริหารไทยคนเดียวที่นั่งตำแหน่งประธานบริษัทยานยนต์ในไทย ประกาศลาออกหลังเข้าบริหารงานในฟอร์ด 4 ปีครึ่ง อ้างถึงจุดสูงสุดของตำแหน่งผู้บริหารมืออาชีพ พร้อมเผยชีวิตหลังจากนี้ขอทำงานด้านที่ปรึกษา ด้านฝึกอบรม และเป็นอาจารย์พิเศษตามถนัด

นายฉัตรชัย บุนนาค ประธาน ฟอร์ด ประเทศไทย จำกัด เปิดแถลงข่าวถึงการตัดสินใจประกาศลาออกจากการทำงานให้กับฟอร์ด มอเตอร์ คอมปานี โดยสาเหตุที่ตัดสินใจเช่นนี้ก็เนื่องจากว่าได้มาถึงจุดสูงสุดในอาชีพการงานแล้ว และได้บรรลุเป้าหมายที่ได้วางแผนไว้แต่แรกเริ่ม

"ผมได้ตัดสินใจแล้ว ถึงเวลาที่ผมต้องเปลี่ยนแปลงชีวิตการทำงานของผม หลังจากที่ได้ไตร่ตรองอย่างรอบคอบ จึงตัดสินใจที่จะเกษียณตนเองจากการทำงานด้านการบริหารจัดการองค์กรเพื่อให้เวลาอย่างเต็มที่กับอาชีพรองคืองานด้านที่ปรึกษา ด้านการฝึกอบรม และการเป็นอาจารย์พิเศษซึ่งผมรักและที่สำคัญผมจะมีเวลาให้ครอบครัวมากขึ้น"

อย่างไรก็ดี ฉัตรชัยได้ตกลงที่จะเป็นที่ปรึกษาให้กับฟอร์ด ประเทศไทย ต่อเป็นเวลาอีก 6 เดือน คือถึงเดือนเมษายนปีหน้า ถึงจะไปรับผิดชอบงานใหม่ จากระยะเวลาที่อยู่ในตำแหน่งนี้ประมาณ 4 ปีครึ่ง สำหรับผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งแทนนั้น บริษัทฯกำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการและจะแจ้งให้ทราบในภายหลังหากมีความคืบหน้า

นายฉัตรชัย กล่าวยืนยันว่าการลาออกครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากความขัดแย้งใดๆ ภายในบริษัท แต่เกิดจากความต้องการส่วนตัวที่อยากจะเป็นอาจารย์ ไม่มีใครมาบีบผมให้ออก ถ้าถูกบีบคงไม่มานั่งแถลง ข่าวอย่างนี้ ผมภูมิใจที่ได้มาทำงานที่นี้และยืนยันว่าที่นี้คือหน่วยงานที่ดีมาก เพียงแต่ตอนนี้อยากจะใช้ชีวิตตามที่ต้องการ

ผลงานที่โดดเด่นของฉัตรชัยในการเข้าบริหาร คือ การเปิดตัวรถกระบะ 4 ประตู, การเปิดตัวกระบะโอเพ่น แค็บ, การเปิดตัวเอเวอร์สต์เป็นครั้งแรกในโลก, การครองความเป็นเจ้าตลาดรถเอสยูวี ในช่วงเวลากว่า 1 ปีที่ผ่านมา

เมื่อย้อนกลับไปปี 2543 การเข้าดำรงตำแหน่ง ประธานฟอร์ด ประเทศไทย ในครั้งนั้นถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของประวัติศาสตร์ยานยนต์ไทย เพราะว่าฟอร์ดเป็นบริษัทรถยนต์รายแรกที่ให้คนไทยเป็นผู้บริหารสูงสุดแทนผู้บริหารฝรั่ง

เบื้องหลังของคนไทยได้เป็นใหญ่ ส่วนหนึ่งเกิดจากนโยบายอย่างหนึ่งของฟอร์ดที่ต้องการให้คนท้องถิ่นในแต่ละประเทศเข้ามีส่วนในการบริหารกิจการของฟอร์ดที่ไปลงหลักปักฐานอยู่ในประเทศนั้นๆ ซึ่งก็รวมถึงประเทศไทยด้วย เนื่องจากว่า คนไทยจะเข้าใจวัฒนธรรมของตนเองได้ดีกว่า ผู้บริหารฝรั่งที่เข้ารับตำแหน่งทั้งเรื่องจิตใจ ภาษาและความคิด