Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กุมภาพันธ์ 2541








 
นิตยสารผู้จัดการ กุมภาพันธ์ 2541
สมิทไคล์น บีแชม ออกวัคซีนรวมตัวใหม่ ใช้ต้าน 4 โรคในเข็มเดียว             
 


   
search resources

สมิทไคล์น บีแชม




แม้ว่าบริษัทสมิทไคล์น บีแชม อินเตอร์เนชั่นแนล (เอสบี) มีการผลิตยารักษาโรคออกมาหลายชนิด/ประเภท แต่ผลิตภัณฑ์ยาที่บริษัทมีความรอบรู้ชำนาญและสร้างชื่อเสียงให้บริษัทอย่างมาก คือวัคซีน โดยวัคซีนตัวแรกที่บริษัทเริ่มผลิตเมื่อปี ค.ศ. 1956 คือวัคซีนป้องกันโปลิโอ ซึ่งตอนนี้บริษัทก็เป็นผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่จำนวน 2 ใน 3 ของวัคซีนโปลิโอทั้งหมดเพื่อป้อนตลาดโลก

และมาในปี 1997 นี้ เอสบีก็ได้นำวัคซีนรวม ที่สามารถใช้สร้างภูมิต้านทานโรคระบาดร้ายแรงแก่เด็กทารกถึง 4 โรคในเข็มเดียว เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย หลังจากใช้เวลาทดลองและติดตามผลจนผ่านการอนุมัติจากคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย.แล้ว ทั้งนี้โรคระบาดทั้ง 4 คือ โรคไวรัสตับอักเสบ "บี", คอตีบ, ไอกรน และบาดทะยัก ซึ่งวัคซีนตัวนี้มีชื่อว่า ไตรตันริกซ์-เอชบี หรือ Tritanrix-HB

มร.ฌอง สเตฟเฟนน์ รองประธานอาวุโส และผู้จัดการทั่วไป บริษัทสมิทไคล์น บีแชม ไบโอโลจิคัลส์ ซึ่งเดินทางมาสำรวจตลาดเอเชียในไทย เปิดเผยว่า ไตรตันริกซ์-เอชบี เป็นผลงานการวิจัยและพัฒนาของเอสบี ไบโอโลจิคัลส์ ซึ่งผ่านการทดสอบทางคลีนิกว่า มีประสิทธิผลพร้อมความปลอดภัยสำหรับเด็กทารก และเป็นวัคซีนรวม จึงช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายกว่าการแยกให้วัคซีนครั้งละ 2 เข็ม โดยปัจจุบันมีใช้แล้วในกว่า 10 ประเทศทั่วโลก รวมทั้งในยุโรปและเอเชีย

เอสบีมียอดขายในทั่วโลกประมาณ 7 พันล้านปอนด์เมื่อปี 1995 และเพิ่มเป็น 7.9 พันล้านปอนด์เมื่อปี 1996 โดยยอดขายเฉพาะวัคซีนอย่างเดียวนั้นคิดเป็นมูลค่าประมาณ 1 พันล้านปอนด์ ศูนย์กลางการผลิตวัคซีนของเอสบีตั้งอยู่ที่ประเทศเบลเยียม และมีการขยายกิจการเข้ามาร่วมทุนตั้งโรงงานผลิตวัคซีนในจีนและอินเดียด้วย

สำหรับในประเทศไทยนั้น เอสบีก็เป็นผู้นำในตลาดวัคซีน มร.เจฟฟรี่ย์ เบลี่ กรรมการผู้จัดการ บริษัทสมิทไคล์น บีแชม อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดวัคซีนในไทยได้ 30% และในปี 2540 ที่ผ่านมา ซึ่งมีการนำวัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใส (Varilrix) เข้ามาทำตลาด เพียงแค่ 8 เดือน บริษัทประสบความสำเร็จอย่างมากสามารถทำยอดขายได้ถึง 100,000 โดส ธุรกิจวัคซีนในปีที่ผ่านมาเป็นตัวผลักดันผลดำเนินงานของเอสบีในประเทศไทยอย่างมาก บริษัทมีอัตราการเติบโตของยอดขาย (ผลิตภัณฑ์ยา) ประมาณ 35% ซึ่งเป็นผลการดำเนินงานที่ดี ชนิดสวนกระแสความตกต่ำทางเศรษฐกิจของประเทศ

แผนดำเนินงานในปี 2541 ของบริษัทคงยึดมั่นกับการลงทุนระยะยาว ในตลาดการดูแลรักษาสุขภาพของคนไทยต่อไป ทั้งนี้จะเห็นได้จากการที่บริษัทริเริ่มโครงการ "พันธะสังคม" หรือ community partnership ด้วยการมอบทุนการศึกษาแก่นักศึกษาพยาบาลในต่างจังหวัดปีละ 50 คนเป็นเวลา 4 ปี โครงการนี้มีมูลค่า 500,000 ปอนด์สเตอริง หรือ 750,000 เหรียญสหรัฐ ซี่งนักศึกษาเหล่านี้จะกลับไปทำหน้าที่ใช้ทุนในท้องถิ่นบ้านเกิดของตนเมื่อสำเร็จการศึกษา

อนันต์ วิทยศักดิ์พันธุ์ ผู้จัดการผลิตภัณฑ์อาวุโส บริษัทสมิทไคล์น บีแชม อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) กล่าวว่า "วัคซีนไตรตันริกซ์-เอชบีถูกนำมาศึกษาทดลองที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นการทำการศึกษาที่ใหญ่มาก ใช้เวลา 4 ปี มีประชากรร่วมถึง 20,000 คน พบว่า ให้ประสิทธิภาพดีมาก มีความปลอดภัยสูง เป็นที่ชื่นชอบของบุคลากรทางการแพทย์และพ่อแม่เด็ก นอกจากนี้ในเรื่องราคาจำหน่ายก็มีต้นทุนที่ใกล้เคียงกับวัคชีนแยกเข็ม ทำให้ลดค่าใช้จ่ายในเรื่องอุปกรณ์ทางการแพทย์, เวลา, และความเจ็บปวดของเด็กที่ถูกฉีดวัคซีนด้วย"

กลุ่มเป้าหมายของวัคซีนตัวนี้คือ พ่อแม่ที่มีลูกในวัย 6 เดือนแรก, และหญิงมีครรภ์ ที่มารับบริการในภาคเอกชนซึ่งสามารถจ่ายเงินเพิ่มเล็กน้อย เพื่อให้ลูกได้วัคซีนรวมและมีการเจ็บตัวน้อยลง บริษัทฯ คาดว่า จะสามารถทำตลาดวัคซีนตัวนี้ได้ประมาณ 10% ของยอดขายรวมของบริษัทฯ ในปีนี้ ซึ่งยอดวัคซีนรวมของบริษัทในปีนี้ตั้งเป้าไว้ที่ 230-250 ล้านบาท และยอดขายรวมปีที่แล้วคือ 700 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี การปรับระบบอัตราแลกเปลี่ยนมาเป็นแบบลอยตัว ซึ่งมีผลทำให้เงินบาทมีค่าลดลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญของโลก ก็ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทฯ พอสมควร ซึ่งบริษัทฯ กำลังศึกษาหาทางออกในเรื่องนี้อยู่

แต่ในเรื่องของการปรับราคาขายสินค้านั้น บริษัทฯ ได้ดำเนินการปรับราคาขายสินค้าไปครั้งหนึ่งแล้ว โดยการอนุญาตของกรมการค้าภายในเมื่อกลางเดือนตุลาคม 2540 ประมาณ 5%-15% โดยในตอนนั้น อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 32 บาทต่อดอลลาร์ แต่มาในเวลานี้ อัตราแลกเปลี่ยนเคลื่อนไหวต่างไปมาก บริษัทฯ จึงยังศึกษาเรื่องนี้อยู่ แต่ก็มีความเชื่อมั่นว่าอัตราแลกเปลี่ยนของเงินบาทน่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us