Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กุมภาพันธ์ 2541








 
นิตยสารผู้จัดการ กุมภาพันธ์ 2541
ไอซีไอรอดไปอีกเฮือกใหญ่!             
 


   
search resources

ICI




เช้าวันศุกร์ที่ 16 มกราคม โรงงานสีไอซีไอ บนถนนแจ้งวัฒนะถูกจัดให้เป็นที่แถลงข่าวความร่วมมือของ 2 บริษัทสียักษ์ใหญ่ แทนที่จะเป็นห้องประชุมตามโรงแรมใจกลางเมือง เหมือนเมื่อครั้งประเทศยังรุ่งเรือง แต่กระนั้นก็กลายเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้วสำหรับบริษัททั้งหลาย สุภัทร ตันสถิติกร ประธานและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทไอซีไอ 1996 (ประเทศไทย) เริ่มกล่าวเป็นคนแรกถึงข่าวดีของเขาเอง "ในบรรยากาศ IMF ข่าวความร่วมมือระหว่างไอซีไอและเฮอร์เบิรตส์ จะเป็นข่าวดีชิ้นหนึ่งของเมืองไทย ที่จะเรียกร้องความมั่นใจในบรรยากาศการลงทุนในไทยกลับมา"

ความร่วมมือครั้งนี้เป็นการซื้อลิขสิทธิ์เทคโนโลยีสีอุตสาหกรรมรถยนต์ จากบริษัทเฮอร์ เบิรตส์ ประเทศเยอรมนี เนื่องจากประเทศไทยถูกวางให้เป็นศูนย์กลางการผลิตและประกอบรถยนต์ และสุภัทรเชื่อว่า ไอซีไอมีความเข้าใจในตลาดรถยนต์ในประเทศไทยอย่างแท้จริง และทีมขายมีความสัมพันธ์อันดีกับผู้ผลิตรถยนต์หลายรายในประเทศ

ไอซีไอตั้งเป้าหมายในการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในอุตสาหกรรมนี้ ซึ่งมีมูลค่า 2,000 ล้านบาท จากเดิม 5% เป็น 10% ภายในเวลา 3 ปี และเพิ่มเป็น 20% ภายในเวลา 5 ปี โดยจะใช้เทคโนโลยีดังกล่าวมาผลิตในประเทศไทย เพื่อจำหน่ายในขั้นแรกให้กับผู้ผลิตรถยนต์ค่ายยุโรป อาทิ เมอร์เซเดสเบนซ์ บีเอ็มดับบลิว วอลโว่ จากนั้นจะขยายไปยังค่ายญี่ปุ่น โดยขณะนี้ก็ผลิตให้กับค่ายอีซูซุ และนิสสันไปบ้างบางส่วนแล้ว และกำลังเจรจากับค่ายโตโยต้า ฮอนด้า และมิตซูบิชิ ต่อไป

การเริ่มต้นในตอนนี้อาจจะไม่เหมาะกับสถานการณ์ที่ทุกอย่างกำลังชะลอตัว แต่สุภัทรเชื่อว่า "แม้ว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยจะอยู่ในช่วงปรับตัว ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลา 3-5 ปีสำหรับอุตสาหกรรมประกอบรถยนต์ที่จะกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง แต่ทางไอซีไอก็เล็งเห็นถึงศักยภาพของอุตสาหกรรมนี้ในระยะยาว จึงได้ตัดสินใจลงทุน โดยคำนึงถึงปัจจัยพื้นฐานของประเทศที่ผู้ผลิตรถยนต์ทุกค่าย ไม่ว่าจะเป็นค่ายยุโรป ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา ได้ย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทย"

ธุรกิจของเครือไอซีไอในประเทศไทยทั้งหมด 3 ประเภท แบ่งตามยอดขายได้เป็น ธุรกิจสี 55%, เคมีภัณฑ์ 25%, และโพลียูรีเทน 20% โดยปี'40 มียอดขายรวมเป็นเงินประมาณ 6,500 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นยอดขายจากธุรกิจสีถึง 3,500 ล้านบาท

สำหรับธุรกิจสีซึ่งเป็นธุรกิจหลักนั้น แบ่งได้ 3 กลุ่ม คือ 1. กลุ่มสีทาบ้านและวัสดุเคลือบผิวงานสถาปัตยกรรม ซึ่งมีสัดส่วนถึง 80% ของยอดขายสีโดยรวม 2. กลุ่มสีพ่นรถยนต์ ออโต้คัลเลอร์ และกลุ่มสีอุตสาหกรรมที่บริษัทต้องการรุกขยายส่วนแบ่ง และ 3. กลุ่มสีเคลือบภาชนะบรรจุภัณฑ์

เมื่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ประสบปัญหา ไอซีไอย่อมถูกกระทบโดยตรง แม้ว่าไอซีไอจะมีส่วนแบ่งการตลาดของสีทาบ้านอยู่ถึง 28% ของมูลค่าตลาดสีโดยรวม ซึ่งมีมูลค่า 60,000-70,000 ล้านบาทก็ตาม (จากเดิมที่มีอยู่ประมาณ 90,000 ล้านบาท)

"เพราะตลาดบ้านเองก็ตกลงประมาณ 20-30% จากเดิมที่มีโครงการบ้านประมาณ 100 โครงการ คาดว่าปีนี้จะเหลือโครงการใหม่เพียง 15-20 โครงการเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นโครงการขนาดเล็กและอยู่ในเขตพื้นที่รอบนอก เพราะในขณะนี้ซัปพลายบ้านที่อยู่อาศัยในตลาด ก็มีเหลือพอที่จะสามารถขายได้อย่างสบายๆ ในช่วง 2-3 ปีโดย ไม่ต้องสร้างใหม่เลย" สุภัทรกล่าว

เมื่อธุรกิจสีทาอาคารบ้านเรือน ย่ำแย่ สุภัทรจึงต้องพยุงฐานะของบริษัทให้ได้ ซึ่งก็เห็นความพยายามที่จะเข้ามาในธุรกิจสีอุตสาหกรรมรถยนต์มาตั้งแต่กลางปีที่แล้ว แต่ทั้งนี้ก็เป็นเรื่องยากพอสมควรในสถานการณ์ปัจจุบัน เพราะที่ผ่านมาสุภัทรยอมรับว่า การดำเนินงานของบริษัทต้องปรับชนิด "อาทิตย์ต่ออาทิตย์" ดังนั้นการร่วมมือกับยักษ์ใหญ่อย่างเฮอร์เบิรตส์ จึงถือเป็นความสำเร็จที่งดงามของสุภัทรและไอซีไอ ประเทศ ไทย

สำหรับเฮอร์เบิรตส์เองเป็น 1 ใน 6 บริษัทสีอุตสาหกรรมรถยนต์ระดับโลก และเป็นบริษัทในเครือของบริษัทเฮิกซ์ เอจี ซึ่งเป็นบริษัทเคมีภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงของเยอรมนี

ความร่วมมือของเฮอร์เบิรตส์กับไอซีไอนี้ ไม่เพียงแต่ในประเทศไทยเท่านั้น ก่อนหน้านี้ได้เซ็นสัญญามาแล้ว ที่มาเลเซียเมื่อวันจันทร์ที่ 12 มกราคม และอินเดียเมื่อวันพุธที่ 14 มกราคม สำหรับมาเลเซียนั้นได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางการผลิตและประกอบรถยนต์อยู่แล้ว เห็นได้จากมีรถยนต์ยี่ห้อของมาเลเซียเอง ส่วนอินเดียนั้นเป็นการเปิดเกมรุกใหม่ หลังจากที่มีการสร้างโรงงานสีที่นั่นมาแล้ว 1 แห่ง และในปีนี้จะสร้างเพิ่มอีก 1 แห่ง

การเปิดเกมรุกของเฮอร์เบิรตส์ในภูมิภาคเอเชียครั้งนี้ ดร.ฮาน เจอส์เก้น ฟรอมม์ ผู้จัดการใหญ่ให้ความกระจ่างว่า "เป็นการเปิดเกมแบบ Globalisation เพราะเรามองโลกเป็นตลาด เมื่อลูกค้าเรากระจายไปทั่วโลก เราก็ต้องตามไปดูแลและบริการให้กับลูกค้า เพราะในความเป็นจริง แม้ว่าสีจะมีคุณภาพดีอยู่แล้ว แต่ถ้าไม่ได้รับการแนะนำการใช้ที่ถูกวิธี ก็ย่อมจะไม่เกิดประสิทธิภาพสูงสุด"

สำหรับเรื่องค่าลิขสิทธิ์เทคโนโลยี แม้จะไม่มีการเปิดเผย แต่ทั้งสองค่ายยืนยันว่า ได้ผลประโยชน์เป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่าย เพราะไอซีไอเองก็มีบุคลากร มีช่องทางการผลิตและจำหน่าย และเป็นคนในพื้นที่ "แต่ที่ผ่านมา เราไม่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างเต็มที่ เพราะเทคโนโลยีเราไม่พอจึงไม่สามารถผลิตสินค้าบางประเภทได้" สุภัทรกล่าว

ด้านของเฮอร์เบิรตส์มีไฮเทคโนโลยี และมีความพร้อม ความเชี่ยวชาญในการให้ความรู้และบริการแก่คู่ค้าอยู่แล้ว การขายลิขสิทธิ์เทคโนโลยีแต่ละครั้ง นอกจากเป็นการเผยแพร่วิทยาการที่มีอยู่แล้ว ยังเป็นการสนับสนุนให้มีการค้นคว้าวิจัยเทคโนโลยีใหม่ๆ ขึ้นมาอีกด้วย

ที่สำคัญอย่างที่ ดร.ฟรอมม์กล่าวคือ เป็นการขยายตัวสู่ระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคเอเชีย แม้ขณะนี้ระบบเศรษฐกิจยังไม่มีเสถียรภาพ แต่ในระยะยาวทุกฝ่ายก็มองว่าจะดีขึ้น การเข้ามาของเฮอร์เบิรตส์จึงเห็นถึงจุดยืนการทำธุรกิจในเชิงรุกอย่างชัดเจน

และอย่างที่สุภัทรได้กล่าวไว้ว่า ความร่วมมือครั้งนี้เป็นการยืนยันศักยภาพการลงทุนของประเทศไทย ซึ่งนอกจากทำให้บรรยากาศของประเทศดีขึ้นแล้ว บรรยากาศของไอซีไอเองก็ดีขึ้นด้วยเหมือนกัน เพราะถ้าไม่มีพันธมิตรรายใหญ่เข้ามาช่วยกอบกู้สถานการณ์ตอนนี้ สุภัทรกล่าวอย่างไม่สะทกสะท้านว่า "อย่างช้าที่สุด ปีหน้าเราก็เลิกทำธุรกิจสีในไทย"

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us