ทีโออาร์มือถือซีดีเอ็มเอ เตรียมเสนอบอร์ด กสท 17 ส.ค.นี้ ด้วยหลักการสำคัญต้องเป็นเทคโนโลยี EV-DO 1,200 สถานีฐาน และต้องพร้อมอัปเกรด (EV-DV Ready) ขณะเดียวกัน ใช้ควอคอมม์เป็นที่ปรึกษาโครงการ ด้านซัมซุงขอความเห็นใจ เพราะอีริคสันซื้อแผนกซีดีเอ็มเอจากควอคอมม์ เกรงไม่เป็นธรรม

นายอำนวยศักดิ์ ทูลศิริ กรรมการบอร์ดบริษัท กสท โทรคมนาคม กล่าวว่า ได้ข้อสรุปเงื่อนไขการประกวดราคา หรือทีโออาร์โครงการโทรศัพท์มือถือในระบบซีดีเอ็มเอภูมิภาค ซึ่งพร้อมเสนอเข้าที่ประชุม บอร์ด กสท ในวันที่ 17 ส.ค.ที่จะถึงนี้

โทรศัพท์มือถือในระบบซีดีเอ็มเอ เป็นอีกเทคโนโลยีหนึ่งที่มีความแตกต่างจากเทคโนโลยีจีเอสเอ็ม ที่ครองส่วนแบ่งตลาดจำนวนมาก ในประเทศไทยผ่านผู้ให้บริการอย่างเอไอเอส ดีแทค และออเร้นจ์ ส่วน ซีดีเอ็มเอมีเพียงฮัทช์เป็นผู้ให้บริการรายเดียวในกรุงเทพฯและภาคกลาง 25 จังหวัด โดยความแตกต่างของซีดีเอ็มเอกับจีเอสเอ็ม อยู่ที่ความสามารถในการส่งข้อมูลที่เทคโนโลยีซีดีเอ็มเอมีเหนือกว่า

เขากล่าวว่าประเด็นหลักในทีโออาร์จะประกอบด้วย 1.จะเป็นการขยายการลงทุนเพื่อ ติดตั้งโครงข่าย สถานีฐานจำนวน 1,200 แห่งครอบคลุม 51 จังหวัดทั่วประเทศ นอกเหนือจากภาคกลาง 2.ในส่วนของเทคโนโลยีเห็นชอบให้เลือก CDMA 2000-1X EV-DO ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ มีความเร็วในการส่งข้อมูลถึง 2.4 เมกะบิตต่อวินาที เพื่อสร้างความแตกต่างในการให้บริการจากผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือรายอื่น ซึ่งบริษัท ฮัทชิสัน ซีเอที ไวร์เลส มัลติมีเดียหรือฮัทช์ก็มีแผนเปิดให้บริการ EV-DO ในไตรมาส 4 ปีด้วยด้วยเช่นกัน

การเลือก EV-DO เพราะบริการที่จะเกิดขึ้นในอนาคตต้องเน้นเรื่องความเร็วในการสื่อสารข้อมูล และการให้บริการแบบมัลติมีเดีย นอกจากนี้อุปกรณ์ที่ผู้เข้าร่วมประมูลเสนอมาต้องเรียกว่า EV-DV Ready หรือต้องพร้อมอัปเกรดไปสู่เทคโนโลยีที่ทันสมัยขึ้นได้ ซึ่ง EV-DV ยังไม่ได้มีการให้บริการเชิงพาณิชย์ แต่เป็นทิศทางการพัฒนาของเทคโนโลยีซีดีเอ็มเอในอนาคต เนื่องจากการอัปเกรดไป EV-DV จะทำให้ผู้ให้บริการอย่าง กสทมีความคล่องตัว และยืดหยุ่นสูงในการบริหารโครงข่าย

3.ทีโออาร์ยังให้ความสำคัญต่อการพัฒนาตามทิศทางหรือได้รับความเห็นร่วมกับควอคอมม์ (comply Qualcomm technology) ซึ่งเป็นเจ้าของ เทคโนโลยี CDMA

"ในส่วนของเรื่องงบลงทุนโครงการนี้ที่ตั้งไว้ 13,000 ล้านบาท ได้ศึกษามานานแล้วจึงถือเป็นเพียงเพดานเท่านั้น ในการประมูลจริงไม่ถึงขนาดนั้น"

นอกจากนี้ ทีโออาร์ยังได้ระบุไว้ว่าการซื้ออุปกรณ์เพิ่มเติมหลังจากการจัดซื้อครั้งแรกจะต้องมีการปรับฐานราคาเดิมอย่างน้อยปีละ 5% และควรต่อรองราคาจากฐานใหม่นั้นลงไปอีก 5% ด้วย เช่นปีแรกซื้อได้ที่ราคา 100 บาทหากมีการซื้อเพิ่มในปีที่ 2 ฐานราคาเต็มต้องอยู่ที่ 95 บาท เพราะเทคโนโลยีจะต้องถูกลง และควรต่อรองราคาให้ลงไปอีกราว 5%

นายทอม เครือโสภณ ผู้จัดการประจำประเทศไทย ด้านอินฟราสตรักเจอร์ บริษัท ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ (ไทยแลนด์) กล่าวว่า การที่ กสท ให้ควอคอมม์ทำหน้าที่คล้ายเป็นที่ปรึกษาโครงการนี้ สมควรดำเนินการด้วยความรอบคอบและตระหนัก ถึงความเป็นกลางไม่เอื้อประโยชน์ให้แก่เวนเดอร์รายใดรายหนึ่งเป็นพิเศษ

"อีริคสันได้ซื้อแผนกซีดีเอ็มเอจากควอคอมม์มาดำเนินการเอง และคาดว่าอีริคสันจะเป็นหนึ่งที่เข้าร่วมประมูลด้วย ความสัมพันธ์ระหว่างควอคอมม์กับอีริคสันน่าเป็นห่วงสำหรับเวนเดอร์รายอื่น โดยเฉพาะซัมซุงที่เราผลิตชิปด้านซีดีเอ็มเอเองซึ่งถือเป็นคู่แข่งกับควอคอมม์มาโดยตลอด"

ก่อนหน้านี้ซัมซุงยืนยันหนักแน่นว่าการประมูลครั้งนี้ราคาไม่ถึง 1 หมื่นล้านบาทแน่นอน อาจลดลงมาระดับ 8 พันล้านบาทด้วยซ้ำ ซึ่งการที่กสท เลือกเทคโนโลยีของโครงข่ายเป็นระบบ EV-DO หรือ (Evolution Data Optimize) ทั้งหมด ถือเป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญสำหรับอนาคตของกสท เพราะไม่เพียงแต่ได้โครงข่ายที่ให้บริการด้านเสียง (วอยซ์) หรือโทรศัพท์มือถือ แต่ยังได้โครงข่ายที่พร้อมให้บริการอินเทอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูงหรือไวร์เลส-บรอดแบนด์ ที่คุณภาพดีกว่าการให้บริการอินเทอร์เน็ตไร้สายที่เรียกว่าไว-ไฟ หรือไว-แมกซ์ ที่ถึงแม้เป็น บริการไร้สายแต่ใช้ได้เฉพาะจุด(ฮอตสปอต) เท่านั้น ในขณะที่ซีดีเอ็เอ สามารถใช้บริการได้ทั่วถึงและครอบคลุมมากกว่า

"ต้องถือเป็นวิชันที่แหลมคมมากของบอร์ด กสท ถึงแม้เดิมตั้งใจสร้างโครงข่ายซีดีเอ็มเอให้บริการแค่เสียง แต่เมื่อเลือกที่จะลงทุนโครงข่ายเป็นระบบ EV-DO ก็เท่ากับเป็นการสร้างโครงข่ายอินเทอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูงทั่วประเทศด้วยความเร็ว 2.4 เม็กที่ลดการลงทุนซ้ำซ้อน และเป็นบริการที่จะเป็นจุดแข็งของกสทในอนาคต"