Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน11 สิงหาคม 2547
"เสริมสิน" ชี้คุมไม่ได้N-PARKร่วงปลอบรายย่อยลงเรือลำเดียวกัน             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารกรุงไทย

   
search resources

ธนาคารกรุงไทย
แนเชอรัล พาร์ค, บมจ.
แปซิฟิค แอสเซ็ทส์, บมจ.
เสริมสิน สมะลาภา
Real Estate




มรสุมกระหน่ำ "แนเชอรัล พาร์ค" ทำมาร์เกตแคปหุ้นหายกว่า 82% จากต้นปี "เสริมสิน" ระบุหุ้นร่วงควบคุมไม่ได้ แต่ปลอบใจรายย่อยลงเรือลำเดียวกัน เหตุส่วนตัวยังถือ N-PARK กว่า 5% คนหุ้นชี้ต้นทุนผู้ถือหุ้นเดิมต่ำแค่ 0.80 บาท เทียบกับผู้ถือหุ้นรายย่อยไม่ได้ ส่งผลรอไปเก็บราคาต่ำกว่า 1 บาท ด้าน "เกียรตินาคิน" ประเมินหลังควบกิจการการรับรู้รายได้จากการลงทุนก็ยังไม่ชัดเจน

ปี 2547 นับเป็นปีที่สาระพัดเรื่อง ร้ายๆ กระหน่ำใส่บริษัท แนเชอรัลพาร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ หุ้น N-PARK ในตลาดหลักทรัพย์มาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกรณีตกเป็นข่าวพัวพันหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL ของธนาคารกรุงไทย (KTB) ท่ามกลางสถานการณ์ตลาดปั่นป่วนกับปัจจัยเรื่องของราคาน้ำมัน และอัตราดอกเบี้ย จนราคาหุ้นรูดลงมาเป็นลำดับ ทำให้ N-PARK ตัดสินใจปรับโครงสร้างกลุ่มด้วยการควบรวมกิจการกับ บริษัท แปซิฟิก แอสเซทแมเนจเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ PA ซึ่งต้องเพิ่มทุนจดทะเบียนอีกครั้ง ในขณะที่ราคาหุ้นได้ปรับตัวลงมาเคลื่อนไหวที่ระดับ 1 บาทเศษแล้ว

"เสริมสิน" ปลอบรายย่อยชี้ลงเรือลำเดียวกัน

นายเสริมสิน สมะลาภา กรรมการผู้จัดการบริษัท แนเชอรัล พาร์ค จำกัด (มหาชน) (N-PARK) เปิดเผยว่า ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น N-PARK ถือว่าเป็นไปตามกลไกตลาด บริษัทไม่สามารถควบคุมได้ โดยเฉพาะการซื้อขายในระยะสั้นที่หุ้นมีการขึ้น-ลงรายวัน และมีนักลงทุนเข้ามาซื้อขายหุ้น N-PARK เป็นหมื่นราย

อย่างไรก็ตาม ในฐานะผู้บริหาร ก็พยายามทำหน้าที่อย่างดีที่สุด เพื่อที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ถือหุ้น และโดยส่วนตัวแล้วก็มีการถือหุ้นใน N-PARK อยู่กว่า 5% จึงน่าจะให้ความมั่นใจแก่นักลงทุนรายย่อยได้ว่า ผู้บริหารเสมือนกับลงเรือลำเดียวกัน และอยู่ในสถานะเดียวกัน

"ตัวผมเองถือหุ้นใน N-PARK ประมาณ 5% ซึ่งถือว่าลงเรือลำเดียวกับรายย่อย เหมือนกินข้าวหม้อเดียว กัน ซึ่งคงสามารถสร้างความมั่นใจกับนักลงทุนได้ ส่วนราคาหุ้นที่ขึ้นลงเป็นรายวันนั้น ในฐานะผู้บริหารก็ต้อง ยอมรับว่าไม่สามารถเข้าไปควบคุมได้ เพราะเป็นกลไกตลาด" นายเสริมสินกล่าว

ซื้อของถูก-ขยายธุรกิจ

เขากล่าวต่อว่า สาเหตุที่บริษัทต้องเร่งขยายการลงทุน เนื่องจากออก จากแผนฟื้นฟูกิจการค่อนข้างช้า โดย N-PARK หลุดจากรีแฮบโกประมาณเดือน ก.ค. 2546 ซึ่งขณะนั้นมีทุนประมาณ 8,000 ล้านบาท และเงินกู้อีก 6,000 ล้านบาท ดังนั้นเมื่อมีโอกาสในการซื้อสินทรัพย์ราคาถูกจึงต้องรีบดำเนินการ แต่ก็เป็นการเดินอย่างระมัดระวังในเรื่องของความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น และเลือกซื้อในสิ่งที่มีคุณภาพจริงๆ ซึ่งเห็นได้จากการที่มีผู้เสนอขายมาเป็น 1,000 รายการ แต่ที่ N-PARK เลือกซื้อคิดเป็นเพียงแค่ 1% เท่านั้น

"โมเดลธุรกิจของ N-PARK ถือเป็นเรื่องใหม่สำหรับประเทศไทย ทำให้มีข้อสงสัยและการต่อต้านเกิดขึ้นมากมาย ซึ่งเราต้องพยายามทำความเข้าใจแก่นักลงทุนว่าการทำธุรกิจแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับต่างประเทศ เป็นสิ่งที่เป็นสากล และผมคาดว่าในอนาคตบริษัทอสังหาริมทรัพย์ก็ต้องเดินไปในทิศทางนี้ เพื่อต่อยอดธุรกิจ แต่ด้วยความที่เราไปเป็นคนแรกจึงมีคำถามเยอะหน่อย" นายเสริมสินกล่าว

ทั้งนี้ นอกเหนือจากการรุกลงทุน เพื่อขยายฐานรายได้แล้ว ประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นอีกอย่างหนึ่งคือ จะทำให้ขนาดของ N-PARK ใหญ่ขึ้น และสามารถดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้า มาลงทุนได้ ซึ่งโดยปกติแล้วนักลงทุน ต่างชาติจะสนใจลงทุนในกิจการที่มีขนาด 8,000-10,000 ล้านบาทขึ้นไป และหากนักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจลงทุนใน N-PARK จะเป็นประโยชน์กับผู้ถือหุ้น ทำให้มีฐานทุนที่ใหญ่ขึ้น

ยืนยันไม่เป็น NPL

สำหรับเรื่องของความเสี่ยงในการลงทุนของบริษัท ซึ่งนักลงทุนค่อน ข้างให้ความสำคัญนั้น ในฐานะผู้บริหารได้ดูแลในเรื่องนี้เป็นอย่างดีและมีความระมัดระวังในการลงทุน ดังจะเห็นได้จากการจำกัดอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนของบริษัทไว้ที่ 1 เท่า หรือในส่วนของรายได้มีการวางนโยบายให้บริษัทมีรายได้จากค่าเช่า คือกิจการโรงแรม 50% และรายได้จากการขาย 50% เพื่อให้เกิดความสมดุล นอกจากนั้นในด้านการลงทุนมีแผนที่จะขยายการลงทุนไปยังต่างประเทศ 50% และในประเทศ 50% เพื่อ กระจายความเสี่ยง

นายเสริมสิน ยังกล่าวถึงประเด็นที่มีความกังวลว่า N-PARK จะกลายเป็น NPL ด้วยว่า ขอยืนยันบริษัทไม่ใช่ NPL อย่างแน่นอน เนื่องจากมีการชำระหนี้ตรงตามกำหนดเวลามาโดยตลอด ในขณะที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังคงไปได้ดี และมีความต้องการที่แท้จริงเข้ามาอยู่อย่างต่อเนื่อง

ฮึดออกหุ้นกู้แปลงสภาพระดมทุนต่างชาติเจ้าแรก

นอกจากนั้น บริษัทยังเตรียมที่ะระดมทุนโดยการออกหุ้นกู้แปลงสภาพเพื่อขายนักลงทุนต่างชาติ มูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถสรุปได้ภายในเดือนนี้ เงินที่ได้จะนำมาใช้หนี้และขยายกิจการ ซึ่งถือว่าเป็นตราสารที่ไม่มีใครออกมานานแล้วนับตั้งแต่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ดังนั้นการที่ N-PARK สามารถออกได้ถือว่านักลงทุนต่างชาติมีความมั่นใจในบริษัท รวมถึงมั่นใจในอนาคต ทางเศรษฐกิจของประเทศไทยด้วย ส่วนอัตราดอกเบี้ยคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 3-4% หรือต่ำกว่า

ชี้รายย่อยต้นทุนสูง

แหล่งข่าวจากวงการหลักทรัพย์ให้ความเห็นว่า ถึงแม้ว่านายเสริมสินจะบอกว่าถือหุ้น N-PARK อยู่เป็นจำนวนมาก แต่ก็มีข้อสังเกตว่า ต้นทุนของนายเสริมสิน นั้นอยู่ที่ระดับต่ำเพียงแค่ 0.80 บาทเท่านั้น ดังนั้น จึงนำมาเทียบกับรายย่อยไม่ได้ ทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจ และเห็นว่าผู้ถือหุ้นเดิมมีต้นทุนถูกมาก ดังนั้นจึงมีคนที่ต้องการเก็บหุ้นที่ราคาเดียวกับผู้ถือหุ้นเดิมคือที่ระดับ 0.80 บาท

โบรกฯชี้รับรู้รายได้ไม่ชัด

ด้านบทวิเคราะห์ บล.เกียรตินาคิน ได้แนะนำให้หลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้น N-PARK โดยระบุว่า การกระจายธุรกิจที่ยังไม่สามารถรับรู้รายได้ที่ชัดเจนในช่วง 2 ปีนี้ยังเป็นประเด็นที่มีความเสี่ยงของธุรกิจ N-PARK ซึ่งผู้บริหารคาดว่าในช่วงระยะเวลา 1-2 ปีนี้อยู่ในช่วงระหว่างการลงทุน ทำให้ผลประกอบการใน 1-2 ปีนี้ยังไม่รับรู้รายได้จากโครงการต่างๆได้อย่างชัดเจน โดยผู้บริหารคาดว่าโครงการต่างๆจะให้ผลตอบ แทนที่ชัดเจนและการรับรู้รายได้จะเริ่มมีขึ้นหลังจากนี้อีก 2 ปี

ทั้งนี้ ในช่วงระหว่างการลงทุนจะมีปัจจัยเสี่ยงทั้งภายนอกและภาย ในที่อาจจะเข้ามากระทบและจะมีผลต่อโครงการต่างๆ ของ N-PARK ไม่เป็นไปตามคาดและจากการเพิ่มทุนมีผลทำให้เกิด Dilution effect ซึ่งถ้าคำนวณมูลค่าทางบัญชีปัจจุบัน (BV) แบบ Fully dilute (จากจำนวนหุ้นที่ 9,546 ล้านหุ้นเพิ่มขึ้น 18.48%) อยู่ที่ 0.86 บาทต่อหุ้น จากเดิมอยู่ที่ 1.01 บาทต่อหุ้น ซึ่งก็มีผลทำให้มูลค่าทางบัญชีปรับลดลง สะท้อนถึงราคาหุ้นที่ปรับลดลงเช่นกัน

ประกอบกับผลประกอบการในไตรมาส 1/47 ที่ผ่านมา ยังคงขาดทุน 79.58 ล้านบาท โดยบริษัทมีรายได้จากการขาย 311 ล้านบาท เพิ่มขึ้นค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียว กันของปีก่อน และกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี (EBIT) ที่ 37.18 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้มีการหักดอกเบี้ยจ่าย ที่ 73.72 ล้านบาท แล้วทำให้ N-PARK มีผลประกอบการในไตรมาส 1/47 ออกมาขาดทุน ซึ่งสาเหตุที่ NPARK มีดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้นมากก็มาจากการกู้เงินเพื่อนำไปลงทุนในการขยายโครงการต่างๆ ถึงแม้ว่าจะมีแผนการ Re-finance โดยการออกหุ้นกู้แปลงสภาพแต่คาดว่ายังคงต้องใช้ระยะเวลาสำหรับการลดภาระดอกเบี้ยจ่าย ซึ่งคาดว่าปัญหาเรื่องดอกเบี้ยจ่ายยังคงมีผลกระทบต่อผลประกอบการในไตรมาส 2 และไตรมาส 3/47 ต่อไป

N-PARK มาร์เกตแคปวูบ 82%

สำหรับความเคลื่อนไหวราคาหุ้น N-PARK ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องนับจากต้นปีทั้งจากภาวะตลาดรวมที่ทรุดลง นอกจากมาตรการชะลอความร้อนแรงของอสังหาริมทรัพย์ที่เริ่มมาตั้งแต่ปลายปี 46 ตลอดจนข่าวร้ายที่เข้ามากระทบตลอดเวลาในปี 47 นี้ อาทิ ข่าวลือเพิ่มทุน ข่าวลือความขัดแย้งระหว่างกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ บวกกับมีการลงทุนเป็นจำนวนมากในช่วงที่ผ่านมา จนส่งผลให้ราคาหุ้นทรุดตัวลงมาเคลื่อนไหวที่ระดับ 3-4 บาท ก่อนจะหลุด 2 บาท หลัง N-PARK ตกเป็นข่าวพัวพันหนี้ NPL ของธนาคารกรุงไทย

อีกทั้งล่าสุดยังมีการเพิ่มทุน 489 ล้านหุ้นเพื่อรองรับการแลกหุ้นเพื่อการควบรวมกิจการกับ PA ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงแรงต่อเนื่องมาเคลื่อนไหวที่ 1 บาทกว่า

ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับในช่วงต้นปี ที่ราคาเคยขึ้นไปสูงสุดถึง 8.40 บาท เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2547 ที่ผ่านมา แต่ล่าสุดวานนี้ (10 ส.ค.) ราคาหุ้นปิดที่ระดับ 1.25 ลดลงรวมทั้งสิ้น 7.15 บาทจากราคาสูงสุด

ในส่วนของมูลค่าตามราคาตลาด (มาร์เกตแคป) ของ N-PARK ปรากฎว่าปรับตัวลดลงจากเมื่อวันที่ 5 ม.ค. 2547 มีมาร์เกตแคปอยู่ที่ระดับ 64,054.42 ล้านบาท มาอยู่ที่ 10,957.74 ล้านบาท เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 2547 หรือปรับตัวลดลงถึง 82.89%   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us