Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน10 สิงหาคม 2547
KTCกำไรครึ่งปีพุ่ง102%ลูกค้าสินเชื่อบุคคลเติบโต             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน)

   
search resources

บัตรกรุงไทย, บมจ.
นิวัตต์ จิตตาลาน
Credit Card




เคทีซี โชว์กำไร 6 เดือนแรกปี'47 รวม 302.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 101.9% เผยยอดผู้ถือบัตรเครดิตเพิ่มเป็น 955,129 บัตร รวม 12,392.81 ล้านบาท ชี้สินเชื่อบุคคลโดนใจลูกค้า ดันยอดทะลุเป้า 3,525.48 ล้านบาท

นายนิวัตต์ จิตตาลาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTC) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานงวด 6 เดือน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2547 ว่า บริษัทฯ มีกำไรสุทธิจำนวน 302.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 101.9% เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิในช่วงเดียวกันของปี 2546 และคิดเป็นกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐานเท่ากับ 1.20 บาทต่อหุ้น

ทางด้านรายได้รวมมีจำนวน 1,894.12 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 62.5% เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมของธุรกิจบัตรเครดิต และการเปิดตัวธุรกิจใหม่คือธุรกิจสินเชื่อบุคคล ซึ่งเป็นธุรกิจที่เริ่มมีบทบาทสำคัญในการสร้างรายได้เพิ่มให้แก่บริษัทมากขึ้น โดยปัจจุบันสัดส่วนของดอกเบี้ยจากธุรกิจสินเชื่อบุคคลเพิ่มขึ้นเป็น 18.5% ของรายได้ดอกเบี้ยรวม

ในขณะที่ค่าใช้จ่ายรวมมีจำนวน 1,311.74 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากครึ่งปีหลังของปี 2546 โดยค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นนั้นเกิดจากการขยายตัวตามการเติบโตของธุรกิจ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากค่าใช้จ่ายด้านการตลาด เพื่อส่งเสริมการขายและสนับสนุนผลิตภัณฑ์ทางการเงินรูปแบบต่างๆ โดยในไตรมาสที่ 2 นี้ บริษัทฯ มีโครงการด้านการตลาดพิเศษ เพื่อสร้างภาพลักษณ์และความแข็งแกร่งของแบรนด์ของบริษัท (Brand Building) ให้เป็นที่รู้จักโดยทั่วไป รวมทั้งการขยายฐานเงินกู้ยืมเพื่อเสริมธุรกิจสินเชื่อบุคคล ซึ่งส่งผลถึงการเพิ่มขึ้นของดอกเบี้ยจ่าย

ส่วนฐานะทางการเงิน ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2547 บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 17,892.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.5% จากสิ้นปี 2546 โดยสินทรัพย์หลักของบริษัทประกอบด้วย ยอดลูกหนี้จากธุรกิจบัตรเครดิต 12,392.81 ล้านบาท ลูกหนี้ธนวัฏบัตรเครดิต 788.83 ล้านบาท และสินเชื่อบุคคล 3,525.48 ล้านบาท รวมมูลค่าทั้งสิ้น 16,707.12 ล้านบาท หรือ 93.4% ของสินทรัพย์รวม และมีจำนวนบัตร 955,129 บัตร เพิ่มขึ้น 6.34% จากไตรมาสที่ 1 ปี 2547

ทั้งนี้นอกจากบริษัทฯ จะให้ความสำคัญกับการเพิ่มจำนวนฐานบัตรแล้ว ยังให้ความสำคัญกับการใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลลูกค้าบัตรเครดิตที่มีขนาดใหญ่ โดยใช้การวิเคราะห์ข้อมูลในระบบของ Customer Relationship Management (CRM) เพื่อออกผลิตภัณฑ์ด้านการเงินใหม่ที่สนองตอบต่อความต้องการของลูกค้าเฉพาะกลุ่ม

ส่วนในด้านธุรกิจสินเชื่อบุคคล ที่บริษัทฯ เริ่มเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม 2546 เป็นต้นมานั้น ยอดลูกหนี้อยู่ในขั้นเริ่มต้นและยังมีโอกาสที่จะเติบโตได้อีกมาก ทั้งนี้บริษัทฯ มุ่งทำการตลาดด้วยการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า โดยใช้กลยุทธ์ทางการตลาดในตลาดสินเชื่อบุคคลที่แตกต่างจากคู่แข่งทั่วไป อาทิ การคิดอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก ทำให้บริษัทสามารถขยายฐานลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว

"สำหรับการจัดการดูแลด้านความเสี่ยงของลูกหนี้ บริษัทฯได้มีฝ่ายงานด้าน Risk Management เป็นผู้คอยควบคุมดูแลบริหารความ เสี่ยงด้านการผิดนัดชำระหนี้ มีผลให้บริษัทมีอัตราการค้างชำระ 30-179 วัน (Delinquency Rate) อยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรม โดยงวดครึ่งปี 2547 บริษัทมีอัตราการค้างชำระ 30-179 วัน (Delinquency Rate) ของลูกหนี้บัตรเครดิตและลูกหนี้สินเชื่อบุคคลเท่า กับ 2.70% และ 4.75% ตามลำดับ"

"จากผลประกอบการข้างต้นอัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญของบริษัทในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2547 แสดงดังนี้ อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (ROA) เท่ากับ 3.8% อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) เท่ากับ 12.3% เมื่อเปรียบเทียบกับ ณ สิ้นปี 2546 ที่เท่ากับ 3.0% และ 11.0% แสดงให้เห็นว่าบริษัทฯ มีอัตราผลตอบแทนทั้งจากสินทรัพย์และส่วนของผู้ถือหุ้นที่บริษัทได้รับนั้นเพิ่มสูงขึ้นซึ่งเกิดมาจากการที่บริษัทสามารถขยายธุรกิจใหม่ ๆ ที่เพิ่มรายได้ให้กับบริษัท อีกทั้งแสดงว่าบริษัทมีความสามารถในการทำกำไรเพิ่มขึ้นด้วย" นายนิวัตต์กล่าว   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us