|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
"บัณฑูร ล่ำซำ" เผยแบงก์ชาติเข้าตรวจสอบสินเชื่อ เป็นเรื่องปกติ ขณะนี้ถึงคิวแบงก์กสิกรไทยแล้ว คาดภายใน 2 เดือนน่าจะเสร็จสิ้นแน่นอน เชื่อมั่นถูกแบงก์ชาติสั่งสำรองเพิ่มแน่ แต่ไม่มีปัญหาเพราะทุนยังเหลือเยอะ เปรยกรณีแบงก์กรุงไทยเสมือนทำน้ำให้กระเพื่อม ชี้การเข้าตรวจสอบส่งผลดีทำให้ระบบธนาคารพาณิชย์มีความแข็งแกร่งขึ้น ยันอัตราดอกเบี้ยยังไม่ปรับขึ้นแน่นอน เหตุสภาพคล่องยังล้นระบบ
นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK) เปิดเผยว่า ขณะนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เข้ามาทำการตรวจสอบการปล่อยสินเชื่อของธนาคารกสิกร ไทย ซึ่งถือเป็นการตรวจสอบประจำปี และจะมีการหมุนเวียนตรวจสอบธนาคารพาณิชย์ทุกแห่ง โดยขั้นตอนการตรวจสอบธนาคารกสิกรไทยคาดจะใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือนจึงจะแล้วเสร็จ
ทั้งนี้ หลังจากการตรวจสอบเชื่อว่าธปท.จะสั่งให้ธนาคารกันสำรองหนี้จัดชั้นเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน แต่คงไม่มีปัญหากับธนาคารกสิกรไทยแต่อย่างใด เพราะธนาคารมีเงินทุนสำหรับส่วนนี้เพียงพออยู่แล้ว ซึ่งเกณฑ์การกันสำรองที่ธปท.นำมาใช้ในครั้งนี้มีความเข้มงวดมากและใกล้เคียงกับมาตรฐานสากลมากขึ้น โดยในจุดนี้ถือว่าจะส่งผลดีต่อธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบ เพราะในระยะยาวจะทำให้ธนาคารพาณิชย์มีความแข็งแกร่งมากขึ้น
"ในช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมา แบงก์ชาติมีการผ่อนผันเรื่องมาตรการกันสำรองให้ธนาคารพาณิชย์มาตลอด และในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ธปท.ได้มีการส่งสัญญาณเรื่องความเข้มงวดในการกันสำรอง ซึ่งถือว่าไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นใหม่แต่อย่างใด เพราะธนาคารพาณิชย์ในต่างประเทศได้มีการนำมาตรการกันสำรองนี้มาใช้บ้างแล้ว และการที่ธปท.เพิ่มความเข้มงวดมากขึ้น จะทำให้เกิดผลดีต่อธนาคารพาณิชย์ในระยะยาว ทั้งนี้ การที่มีข่าวของธนาคารกรุงไทยออกมาทำให้ตลาด มีการแตกตื่นเป็นธรรมดา เป็นเสมือนทำให้น้ำที่นิ่งอยู่กระเพื่อม แต่ท้ายที่สุดแล้วก็จะส่งผลดีต่อระบบอย่างแน่นอน"
นายบัณฑูร กล่าวเพิ่มเติมว่า จำนวนหนี้จัดชั้นที่เพิ่มขึ้นกับเรื่องของคุณภาพสินเชื่อถือว่าเป็นคนละ เรื่องกัน หนี้จัดชั้นที่เพิ่มขึ้นถือว่าเป็นไปตามกฎเกณฑ์กันสำรองที่มีความเข้มงวดขึ้น แต่คุณภาพของสินเชื่อยังดีอยู่เนื่องจากธนาคารพาณิชย์แต่ละแห่งมีมาตรฐานการปล่อยสินเชื่อที่ดีอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม หากธปท.สั่งให้ธนาคารมีการกันสำรองเพิ่มขึ้นก็ไม่มีปัญหา เนื่องจากธนาคารยังมียอดสำรองหนี้จัดชั้นส่วนเกินอยู่ เพียงพอกับหนี้จัดชั้นที่เพิ่มขึ้น โดยธนาคารไม่ต้องเพิ่มทุนจดทะเบียนแต่อย่างใด
ส่วนประเด็นที่มีการขู่การก่อการร้ายในประเทศสหรัฐอเมริกา และราคาน้ำมันที่มีการปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น นายบัณฑูร กล่าวว่าปัจจัยดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่ออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศไทย เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลได้มีการปรับลดประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไปแล้ว ส่วนการที่ราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิต ซึ่งจะกระทบต่อบางภาคอุตสาหกรรม เท่านั้น แต่โดยภาพรวมแล้วการเติบโตของเศรษฐกิจยังถือว่ามีความแข็งแกร่งดีอยู่
สำหรับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนั้น ตามทิศทางแล้วดอกเบี้ยจะเป็นขาขึ้น แต่ในช่วงนี้เชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยจะยังไม่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่าง แน่นอน เนื่องจากยังมีสภาพคล่องส่วนเกินในระบบเหลือ เป็นจำนวนมาก แต่หากธปท.จะส่งสัญญาณชี้นำด้วยการปรับขึ้นดอกเบี้ยก็สามารถ ทำได้ ส่วนธนาคารพาณิชย์จะปรับขึ้นดอกเบี้ยตามหรือไม่นั้นน่าจะพิจารณาจากปัจจัยสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์แต่ละแห่งมาก ซึ่งท้ายที่สุดแล้วหากสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์แต่ละแห่งหมดไป คาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราขึ้นดอกเบี้ยอย่างแน่นอน
ก่อนหน้านี้ ธปท. ได้สั่งให้ธนาคารกรุงไทย หรือ KTB ตั้งสำรองเพิ่มประมาณ 10,000 ล้านบาท หลังจากได้เข้าไปตรวจสอบคุณภาพหนี้และพบว่ามีความเสี่ยงที่จะกลับมาเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ประมาณ 46,000 ล้านบาท แต่ธนาคารกรุงไทย ได้ตั้งสำรองส่วนนี้แล้ว 6,000 ล้านบาท ทำให้ต้องตั้งสำรองเพิ่มอีก 3,200 ล้านบาท จนส่งผลกระทบต่อราคาหุ้น KTB และกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ร่วงติดต่อกันเป็นเวลาหลายวัน
สำหรับความเคลื่อนไหวหุ้น KBANK วานนี้ (4 ส.ค.) ราคาหุ้นได้ปรับตัวลดลงจากวันก่อนหน้า โดยมีราคาสูงสุดที่ 45.50 บาท ต่ำสุดที่ 45.00 บาท ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 45.25 บาท ลดลงจากวันก่อนหน้า 0.50 บาท หรือลดลง 1.09% ปริมาณการซื้อขาย 3,281,300 หุ้น คิดเป็นมูลค่า การซื้อขายรวม 148.22 ล้านบาท
|
|
|
|
|