|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
บลจ.พรีมาเวสท์ ติดเบรกขายกองทุนกรุงศรี-พรีมาเวสท์ ชอร์ทเทอมอินคัม 3 เลี่ยงขายพร้อมพันธบัตรออมทรัพย์เตรียมจะเสนอขายกลางเดือนนี้ ขณะที่กองทุน 1 และ 2 เริ่มลงทุนแล้ว ตั้งเป้าผลตอบแทนให้ผู้ถือหน่วย 2% ด้านโบรกฯพัฒนสิน ประเมินพันธบัตรออมทรัพย์กระทบสภาพคล่องตลาดหุ้น
รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แจ้งว่าสำนักงาน ก.ล.ต.ได้อนุมัติให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) พรีมาเวสท์ สามารถจัดตั้งกองทุนปิดกรุงศรี-พรีมาเวสท์ ชอร์ทเทอมอินคัม 3 ซึ่งเป็นกองทุน ที่ลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น ประเภทตั๋วสัญญาใช้เงิน และตั๋วแลกเงินที่บริษัทเงินทุนหรือบริษัทจดทะเบียนเป็นผู้ออกและมีกำหนด ระยะเวลาไถ่ถอนใกล้เคียงกับวันครบกำหนดอายุของโครงการ
กองทุนปิดกรุงศรี-พรีมาเวสท์ ชอร์ทเทอมอินคัม 3 มีจำนวนเงินทุนของโครงการ 500 ล้านบาท โดยในระหว่างระยะเวลาการเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก อาจเสนอขาย หน่วยลงทุนของโครงการได้ไม่เกิน 75 ล้านบาท และมีอายุโครงการประมาณ 1 ปี วันครบกำหนดอายุโครงการ 15 สิงหาคม 2548
ทั้งนี้ ได้กำหนดมูลค่าขั้นต่ำของการซื้อหน่วยลงทุนครั้งแรกจำนวน 10,000 บาท โดยจะเสนอขายแก่นักลงทุนทั่วไป ซึ่งกองทุนนี้เป็นทางเลือกแก่ผู้ลงทุนที่ต้องการ มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่า เงินฝากประจำระยะสั้นของธนาคาร พาณิชย์จากการกระจายการลงทุนในหลักทรัพย์ประเภทตราสารการเงินระยะสั้นของบริษัทเอกชน
นายเพิ่มพล ประเสริฐล้ำ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม พรีมาเวสท์ จำกัดเปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดวันที่จะเสนอขายหน่วยลงทุนของกองทุนปิดกรุงศรี-พรีมาเวสท์ ชอร์ทเทอมอินคัม 3 เนื่องจากจะต้องรอให้พันธบัตรออมทรัพย์ที่รัฐบาลจะออกเสนอขายไปก่อน เพราะคาดว่าพันธบัตรออมทรัพย์จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างมาก ดังนั้นจึงต้องรอจังหวะที่เหมาะสมในการเสนอขายกองทุน
อย่างไรก็ตาม คาดว่าถ้าเปิดขายหน่วยลงทุนกองทุนปิดกรุงศรี-พรีมาเวสท์ ชอร์ทเทอม อินคัม 3 น่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เพราะช่วงที่ผ่านมากองทุนปิดกรุงศรี-พรีมาเวสท์ ชอร์ทเทอมอินคัม 1 และ 2 นักลงทุนได้เข้ามาซื้อเต็มมูลค่าโครงการและได้เริ่มทยอยลงทุนเรียบร้อยแล้ว ซึ่งตั้งเป้าว่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหน่วยประมาณ 2%
"ช่วงที่ออกกองทุนปิดกรุงศรี-พรีมาเวสท์ ชอร์ทเทอมอินคัม 1 นั้นบริษัทมีสินค้าที่เตรียมจะไปลงทุนไว้แล้ว ซึ่งกองทุนก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีมาก ดังนั้น จึงต้องหาสินค้าใหม่ที่จะเข้าไปลงทุนจึงได้ออกกองทุน ชอร์ทเทอมอินคัม 2 ก็ได้รับความสนใจเหมือนกับกองทุนแรก" นายเพิ่มพลกล่าว
นอกจากนี้ บลจ.พรีมาเวสท์ยังมีแผนที่จะออกกองทุนใหม่อีกซึ่งได้แก่ กองทุนตราสารทุน เพื่อสิทธิประโยชน์ด้านภาษี และกองทุนตราสารหนี้ เนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทมีกองทุนตราสารทุนแล้วหลายกองทุน
นายเพิ่มพลกล่าวว่า นับตั้งแต่ต้นปีจนถึง ปัจจุบันบริษัทได้ออกกองทุนใหม่แล้ว 5 กองทุนซึ่งมีมูลค่าสินทรัพย์ที่บริหารเกือบ 3 พันล้านบาท แล้ว ซึ่งเมื่อรวมกับกองทุนเดิมที่มีมูลค่าสินทรัพย์ ประมาณ 3 พันล้านบาท ดังนั้นจึงเชื่อว่าภายในปีนี้จะสามารถขยายสินทรัพย์เพิ่มขึ้นได้ประมาณ 1 เท่าตัวตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
อนึ่งสำหรับพันธบัตรออมทรัพย์นั้นมีมูลค่า 7 หมื่นล้านบาท โดยได้กำหนดที่จะเปิดขายภายในวันที่ 16-20 สิงหาคมนี้ ซึ่งการออกพันธบัตรเพื่อชดเชยความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน และเป็นการส่งเสริมให้เกิดการออมเงินของประชาชน
ด้านนายสาธิต วรรณศิลปิน ผู้จัดการฝ่ายวิจัยในประเทศ บริษัทหลักทรัพย์พัฒนสิน (จำกัด) (มหาชน) (CNS) ให้ความเห็นว่า กรณีที่รัฐบาลออกพันธบัตรระยะยาวมูลค่าประมาณ 2.3 หมื่นล้านบาทในช่วงนี้ ย่อมส่งผลกระทบต่อเม็ดเงินที่ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ เนื่องจากมีช่องทางใหม่ให้เลือกลงทุนมากขึ้น ในขณะที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ค่อนข้างผันผวน และชะลอตัวลง ประกอบกับการเล่นเก็งกำไรทำได้ยากกว่าเมื่อก่อน ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติที่นักลงทุน ต้องการผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝากและไม่เสี่ยง มาก ก็จะเลือกลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล
ทั้งนี้ แม้ว่าตลาดหุ้นอาจไม่ให้ผลตอบแทน สูงเท่ากับปีก่อน แต่โดยรวมแล้วก็ยังถือเป็นโอกาสของนักลงทุนสถาบันหรือผู้ที่ต้องการลงทุน ระยะยาว เนื่องจากเศรษฐกิจยังเป็นขาขึ้น ถึงแม้ว่าในระยะสั้นอาจมีการแกว่งตัวบ้าง แต่ในระยะยาวยังถือว่าเป็นแหล่งลงทุนที่ดี
นายสาธิตกล่าวว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาถือว่าเม็ดเงินในตลาดเงินและตลาดทุนไม่สมดุลกัน เนื่องจากสภาพคล่องในระบบที่มีมากแต่ไม่สามารถนำไปลงทุนโดยตรงได้ จึงเกิดการลงทุน ทางอ้อมโดยผ่านตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งถือว่าไม่ได้ ก่อให้เกิดผลทางเศรษฐกิจ แต่เป็นการเข้ามาเก็ง กำไรและผลักดันให้ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นเท่านั้น ส่วนในปีนี้สภาพคล่องในระบบปรับตัวลดลง ทำให้การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ยากขึ้น ดังนั้น นักลงทุนต้องพิจารณาคุณภาพและราคาหุ้นของบริษัทที่จะเข้าไปลงทุน
|
|
|
|
|