|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
เผยกลุ่มทุนไทยอาจจะซื้อหุ้นหงส์แดงแค่ 10% หวั่น 4,000 ล้านบาท สูงเกินไป จับตาพันธมิตรร่วมทุน ผุดแผนสำรองไอเดียเก๋ผลิตสินค้ายี่ห้อลิเวอร์พูลวางขาย
ขณะที่แผนการซื้อหุ้นสโมสร ลิเวอร์พูลของกลุ่มทุนธุรกิจคน ไทย ภายใต้การนำของนายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม บิ๊กบอสของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ซึ่งย้ำอยู่เสมอมาว่าเป็นการซื้อหุ้น ในนามส่วนตัวไม่เกี่ยวข้องกับ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่แต่อย่างใดนั้น ยังไม่มีความคืบหน้าที่ชัดเจนมากนักภายหลังจากที่นายไพบูลย์และทีมงานเดินทางไปเจรจากับผู้บริหาร สโมสรลิเวอร์พูลเมื่อเดือนที่ผ่านมา
โดยที่เงื่อนไขการเจรจาในครั้งนั้น นายไพบูลย์ เสนอไปว่าหากซื้อหุ้นหงส์แดงแล้วไทยจะได้รับสิทธิ์อะไร บ้าง โดยเฉพาะ 1. ตราสินค้าที่ติดบนเสื้อทีม 2. ตราสินค้าที่ไม่ได้ติดบนเสื้อทีม 3. สปอนเซอร์คิตส์ 4. สถาบันฝึกอบรมฟุตบอล 5. ทัวร์นาเมนต์ของ ลิเวอร์พูลที่จะมาทัวร์เอเชีย
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของแผนงานที่มี การวางแผนไว้นั้นมีความน่าสนใจอย่างมาก โดย เฉพาะการดึงกลุ่มพันธมิตรธุรกิจของคนไทยด้วย กันเองเข้ามาร่วมด้วยในครั้งนี้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเจรจาเงื่อนไขขอซื้อ หุ้นในสโมสร ซึ่งในเบื้องลึกแล้วว่ากันว่า กลุ่มทุน ไทย มีแนวคิดที่จะขอซื้อหุ้นลิเวอร์พูลเพียง 10% เท่านั้น หรือเป็นเงินลงทุนประมาณ 1,000 กว่าล้านบาทเท่านั้น จากเดิมที่เคยมีการเจรจาถึงปริมาณหุ้นที่จะซื้อ 30% หรือมูลค่า 4,000 กว่าล้านบาท ซึ่งตรงนี้เองกลุ่มทุนไทยที่จะเป็นผู้ซื้อหุ้นนั้นมองว่าเป็นปริมาณหุ้นที่สูงเกินไปซึ่งความ เหมาะสมน่าจะอยู่ที่ 10% เท่านั้น แต่ขึ้นอยู่กับการเจรจา แต่ถ้าหากได้แค่ 10% รายละเอียดย่อม เปลี่ยนไปอีกโดยเฉพาะเรื่องโอกาสและสิทธิประโยชน์อื่นๆ ก็อาจจะลดน้อยลงไปด้วยตามจำนวนการถือหุ้น
อีกทางหนึ่งก็คือ การที่ไม่ได้ซื้อหุ้นลิเวอร์พูล แต่เป็นการรับสิทธิ์ไลเซนส์ในการทำตลาดสินค้าเมอร์ชันไดซ์ต่างๆ
นอกจากนั้นแล้ว แผนงานที่กำหนดไว้คร่าวๆ ในการดึงพันธมิตรธุรกิจแต่ละรายเข้ามา ร่วมซื้อหุ้นด้วยนั้น จะมีความแตกต่างกันไปแล้วแต่ว่า รายใดมีความพร้อมหรือต้องการซื้อหุ้นใน ปริมาณเท่าใด หรือเพียงแค่ต้องการมาขอสิทธิ์ต่อจากกลุ่มผู้ซื้อ ซึ่งขณะนี้ได้จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทไปแล้วชื่อว่าบริษัท ลิเวอร์พูล ไทย โฮลดิ้ง จำกัด
ทั้งนี้พันธมิตรหลักๆ เช่น กลุ่มเนสกาแฟของนายประยุทธ มหากิจศิริ ซึ่งมีรากฐานการผลิตกาแฟอยู่แล้ว จะใช้แบรนด์ ลิเวอร์พูล ในการ ผลิตกาแฟจำหน่ายในแต่ละประเทศและในไทยด้วย ซึ่งตรงนี้ถือว่าไม่ยากเกินไป จากพื้นฐานเดิม ที่ทำอยู่แล้ว เพียงแต่เป็นการสร้างแบรนด์ขึ้นมาอีกแบรนด์ซึ่งเป็นชื่อที่ตลาดโลกรู้จักดีอยู่แล้ว
อีกรายคือ กลุ่มโอสถสภา ซึ่งมีข่าวตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นแล้วว่า สนใจเข้าร่วมด้วย โดยเฉพาะ การขอสิทธิ์ในการผลิตสินค้า ซึ่งในเบื้องต้นนี้ คาดว่าทางโอสถสภาจะขอสิทธิ์ตราลิเวอร์พูล เพื่อนำไปใช้ในการผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มเกลือ แร่และเครื่องดื่มให้กำลังงานในชื่อว่าลิเวอร์พูล
ส่วนอีกรายอย่างสยามสปอร์ตนั้นก็มีความ สนใจโดยรูปแบบนั้นยังไม่ชัดเจนว่าจะเป็นแบบใด แต่มีแนวคิดเบื้องต้นที่จะเข้ามาร่วมในแง่ของการจัดอีเวนต์ เพราะสยามสปอร์ตก็มีความเชี่ยวชาญด้านกีฬาและมีสื่อกีฬาในมืออยู่แล้ว อีกทั้งนายระวิ โหลทอง ผู้บริหารของสยามสปอร์ตก็มีความสนิทสนมกับนายไพบูลย์เป็นอย่างดีด้วย นอกจากนั้นสยามสปอร์ตกับไอทีวีก็มีความสัมพันธ์กันอย่างดี ซึ่งตรงนี้จะยิ่งทำให้มีแรงผลักดันในการจัดอีเวนต์ด้านกีฬาได้แข็งแกร่งขึ้น
สำหรับกลุ่มซีพีนั้น มีความคิดที่จะนำเข้ามาร่วมในการผลักดันด้วยกัน ซึ่งอาจจะมาในเชิงของการซื้อหุ้นด้วยหรือไม่ซื้อก็ได้ แต่ปัจจัยสำคัญคือ ซีพีมีการส่งออกสินค้าไปทั่วโลก โดยเฉพาะจีนมี เครือข่ายการจัดจำหน่ายที่กว้างขวาง ซึ่งตรงนี้จะสามารถเข้ามาเป็นพันธมิตรในแง่ของเครือข่าย ของสินค้าที่ผลิตขึ้นมาในตราลิเวอร์พูลได้
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงอีกแนวทางหนึ่งที่กลุ่มทุน ไทยเตรียมไว้สำหรับแผนการซื้อหุ้นหงส์แดง
|
|
|
|
|