|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
"สมใจนึก เองตระกูล" เผยความคืบหน้าควบรวมกิจการเครดิตบูโรเสร็จสิ้นสิงหาคม นี้แน่นอนพร้อมเสนอครม.พิจารณาต่อ ขณะที่ผู้บริหารบริษัทใหม่ต้องสรรหาคนนอกเข้ามาเหตุลำบากใจที่จะเลือกคนทั้งสองฝั่ง เบื้องต้นคลังจะเป็นผู้ดูแลไปก่อนพร้อมถือหุ้นใหญ่ 49% เล็งดึง กบข.-ทิพยประกันภัยเข้าถือหุ้นด้วย
นายสมใจนึก เองตระกูล ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้าการควบรวมกิจการศูนย์ข้อมูลเครดิต (เครดิตบูโร) ระหว่างบริษัทข้อมูลเครดิตกลาง หรือ CCIS และบริษัทข้อมูลเครดิตไทย หรือ TCB ว่า ขณะนี้บริษัททั้งสองแห่งกำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบหนังสือสัญญาข้อตกลงบันทึกความเข้าใจเบื้องต้น (MOU) ขั้นสุดท้ายก่อนที่จะดำเนินการเซ็นสัญญาร่วมกัน โดยสัญญาดังกล่าวอาจจะต้อง มีการแก้ไขอีกเล็กน้อย ซึ่งเมื่อมีการตรวจสอบเสร็จสิ้นแล้วคาดว่าจะสามารถทำการเซ็นสัญญาได้ภายในเดือนสิงหาคม 2547 นี้ หลังจากนั้นจึง จะส่งให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ทำการพิจารณาต่อไป
ทั้งนี้ภายหลังจากที่ควบรวมกิจการบริษัททั้ง 2 แห่งจะเป็นผู้บริหารร่วมกัน ขณะที่ กระทรวง การคลังจะทำหน้าที่เป็นหน่วยงานควบคุม และ จะทำการสรรหาผู้ที่เหมาะสมมาดำรงตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดอย่างเป็นทางการในระยะเวลาต่อไป ส่วนผู้บริหารของบริษัททั้ง 2 แห่งนั้น จะให้ดำรง ตำแหน่งเป็นรองผู้บริหารไป ทั้งนี้เห็นว่าการที่จะเลือกใครเข้ามาเป็นผู้บริหารสูงสุดระหว่าง 2 บริษัท นั้น เป็นเรื่องที่ทำได้ยากจึงตัดสินใจสรรหา ผู้อื่นเข้ามา
"เมื่อควบรวมแล้วคลังจะเป็นแกน ซึ่งทาง เราก็จะหาคนมาแต่ตอนนี้ต้องขอเวลาตัดสินใจว่าจะเป็นใคร ส่วนการพูดคุยกับทั้งสองฝ่ายที่ผ่านมาไม่มีปัญหาอะไรคุยกันจบแล้ว ซึ่งในช่วงนี้ทั้งสอง ฝ่ายก็กำลังร่วมกันดำเนินงาน เรื่องการตรวจสอบ MOU ซึ่งคิดว่าก่อนที่จะสรุปสุดท้าย ก็ต้องมีการแก้ไขกันเล็กน้อย และเชื่อว่าเมื่อควบรวมแล้ว ทุกฝ่ายจะได้ประโยชน์ทั้งคู่" นายสมใจนึก กล่าว
นายสมใจนึก กล่าวเพิ่มเติมว่า การควบรวม กิจการในครั้งนี้ก็เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการตรวจสอบข้อมูลลูกค้า ข้อมูลรวมของประเทศ เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลในการตัดสินใจอนุมัติสินเชื่อส่วนบุคคลประเภทต่างๆ โดยใช้ระบบเครดิตสกอริ่งที่มีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ ทางกระทรวงการคลังจะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วนไม่เกิน 49% โดยอาจจะมีการเพิ่มทุนและเสนอให้บริษัททิพยประกันภัยหรือกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เข้ามาร่วมถือหุ้นด้วย โดยในเบื้องต้นจะมีทุนจดทะเบียนประมาณ 50-100 ล้านบาท
|
|
|
|
|