Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน3 สิงหาคม 2547
ควบเครดิตบูโรเสร็จสิ้นส.ค.นี้จ้องดึงกบข.-ทิพยฯร่วมถือหุ้น             
 


   
search resources

ศูนย์ข้อมูลเครดิต (Credit Bureau)
กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ - กบข
ข้อมูลเครดิตกลาง - Central Credit Information Services : CCIS
ทิพยประกันภัย, บมจ.
ข้อมูลเครดิตไทย (TCB)
สมใจนึก เองตระกูล




"สมใจนึก เองตระกูล" เผยความคืบหน้าควบรวมกิจการเครดิตบูโรเสร็จสิ้นสิงหาคม นี้แน่นอนพร้อมเสนอครม.พิจารณาต่อ ขณะที่ผู้บริหารบริษัทใหม่ต้องสรรหาคนนอกเข้ามาเหตุลำบากใจที่จะเลือกคนทั้งสองฝั่ง เบื้องต้นคลังจะเป็นผู้ดูแลไปก่อนพร้อมถือหุ้นใหญ่ 49% เล็งดึง กบข.-ทิพยประกันภัยเข้าถือหุ้นด้วย

นายสมใจนึก เองตระกูล ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้าการควบรวมกิจการศูนย์ข้อมูลเครดิต (เครดิตบูโร) ระหว่างบริษัทข้อมูลเครดิตกลาง หรือ CCIS และบริษัทข้อมูลเครดิตไทย หรือ TCB ว่า ขณะนี้บริษัททั้งสองแห่งกำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบหนังสือสัญญาข้อตกลงบันทึกความเข้าใจเบื้องต้น (MOU) ขั้นสุดท้ายก่อนที่จะดำเนินการเซ็นสัญญาร่วมกัน โดยสัญญาดังกล่าวอาจจะต้อง มีการแก้ไขอีกเล็กน้อย ซึ่งเมื่อมีการตรวจสอบเสร็จสิ้นแล้วคาดว่าจะสามารถทำการเซ็นสัญญาได้ภายในเดือนสิงหาคม 2547 นี้ หลังจากนั้นจึง จะส่งให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ทำการพิจารณาต่อไป

ทั้งนี้ภายหลังจากที่ควบรวมกิจการบริษัททั้ง 2 แห่งจะเป็นผู้บริหารร่วมกัน ขณะที่ กระทรวง การคลังจะทำหน้าที่เป็นหน่วยงานควบคุม และ จะทำการสรรหาผู้ที่เหมาะสมมาดำรงตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดอย่างเป็นทางการในระยะเวลาต่อไป ส่วนผู้บริหารของบริษัททั้ง 2 แห่งนั้น จะให้ดำรง ตำแหน่งเป็นรองผู้บริหารไป ทั้งนี้เห็นว่าการที่จะเลือกใครเข้ามาเป็นผู้บริหารสูงสุดระหว่าง 2 บริษัท นั้น เป็นเรื่องที่ทำได้ยากจึงตัดสินใจสรรหา ผู้อื่นเข้ามา

"เมื่อควบรวมแล้วคลังจะเป็นแกน ซึ่งทาง เราก็จะหาคนมาแต่ตอนนี้ต้องขอเวลาตัดสินใจว่าจะเป็นใคร ส่วนการพูดคุยกับทั้งสองฝ่ายที่ผ่านมาไม่มีปัญหาอะไรคุยกันจบแล้ว ซึ่งในช่วงนี้ทั้งสอง ฝ่ายก็กำลังร่วมกันดำเนินงาน เรื่องการตรวจสอบ MOU ซึ่งคิดว่าก่อนที่จะสรุปสุดท้าย ก็ต้องมีการแก้ไขกันเล็กน้อย และเชื่อว่าเมื่อควบรวมแล้ว ทุกฝ่ายจะได้ประโยชน์ทั้งคู่" นายสมใจนึก กล่าว

นายสมใจนึก กล่าวเพิ่มเติมว่า การควบรวม กิจการในครั้งนี้ก็เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการตรวจสอบข้อมูลลูกค้า ข้อมูลรวมของประเทศ เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลในการตัดสินใจอนุมัติสินเชื่อส่วนบุคคลประเภทต่างๆ โดยใช้ระบบเครดิตสกอริ่งที่มีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ ทางกระทรวงการคลังจะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วนไม่เกิน 49% โดยอาจจะมีการเพิ่มทุนและเสนอให้บริษัททิพยประกันภัยหรือกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เข้ามาร่วมถือหุ้นด้วย โดยในเบื้องต้นจะมีทุนจดทะเบียนประมาณ 50-100 ล้านบาท   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us