จบลงไปแล้วสำหรับการสัมมนา COMPETITIVENESS : Challenges and Opportunities for Asian Countries ที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เป็นเจ้าภาพ เมื่อวันที่ 1-2 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ณ โรงแรม อินเตอร์คอนติเนนตัล ด้วยยอดผู้เข้าร่วมสัมมนากว่า 800 คน จากเอเชีย อเมริกา และยุโรป ไม่นับสื่อมวลชนอีกกว่า 100 คน แต่ส่วนใหญ่เป็นนักข่าวไทย งานนี้เลยไม่อาจรับรองผลได้ว่ายุทธการสร้างภาพ "เสาหลักเศรษฐกิจเอเชีย" จะแจ้งเกิดในสายตา ชาวโลกสมดังใจหมายของผู้จัด

แต่งานนี้ สศช.เชิญนักวิชาการชื่อดัง คีย์แมนและรัฐมนตรี ของประเทศต่างๆ มาเพียบ อาทิ Dr.Richard N. Cooper ศาสตราจารย์ด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด, Prof. J C Iseux คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านการเมือง และคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ จากจีน, Dr.Pang Eng Fong จาก Singapore Management University, Marjorie Yang ประธานและเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทเอสเควล ผู้ผลิต เสื้อผ้ารายใหญ่จากฮ่องกง, Prof.Eamonn J Walsh คณบดี Smurfit School of business แห่ง University College กรุงดับลิน, Prof.Jim Norton ที่ปรึกษาอาวุโสด้านนโยบายและอดีต อธิบดีแห่งวุฒิสภาอังกฤษ, Mr.Yogendra Kumar Modi ประธาน สภาหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งประเทศอินเดีย, Dr.Ting Ho หุ้นส่วนบริหาร บริษัท ลอจิสติกส์ เวนเจอร์ จากฮ่องกง และอีกมาก รวมทั้งนายกฯ ดร.ทักษิณ ชินวัตร และดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รัฐมนตรีฯ คลัง ที่ไม่พลาดการกล่าวปาฐกถา

ผลจากงานนี้รัฐบาลได้กำหนดให้การเพิ่มขีดความสามารถ ในการแข่งขันของประเทศเป็นวาระแห่งชาติ (National Agenda) โดยมีคณะกรรมการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ทำหน้าที่กำหนดกรอบทิศทางและยุทธศาสตร์และสศช. ทำหน้าที่ฝ่ายเลขานุการ เริ่มจากรูปแบบสามัญ ก็ต้องคอยดูกันต่อไปว่า อรหันต์ในสารพัด committee จะทำให้เกิดรูปธรรมในแง่ใดบ้าง

ทั้งจะมีการจัดตั้งสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (Office of Knowledge Management and Development) ในรูปขององค์การมหาชน ภายใต้สำนักงานนี้มี 5 หน่วยงาน ได้แก่ ศูนย์สร้างสรรค์และออกแบบ (Thailand Design Center) ศูนย์พิพิธภัณฑ์และการเรียนรู้แห่งชาติ (National Discovery Museum) ศูนย์อุทยานการเรียนรู้ (Knowledge Park) ศูนย์ส่งเสริมความสามารถพิเศษ (National Center for the Gifted and Talented) ศูนย์ส่งเสริมด้านวิทยาศาสตร์และชีวภาพ (Thailand Center of Excellence for Life Sciences) ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อ "เตรียมความพร้อมทั้งในด้านร่างกาย จิตใจ และสติปัญญาให้แก่ประชาชน" ฟังแล้วยังงง??? นอกเหนือจากการมุ่งเป้าไปที่การทำงานของสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ สถาบันยานยนต์ สถาบันอาหาร และสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ

และที่ไม่เคยพลาดสำหรับงานใหญ่เช่นนี้คือการเชิญกูรูดัง เช่นคราวก่อนที่เชิญ Micheal Porter มาพูด งานนี้ก็ได้ Stan Davis ผู้แต่งหนังสือ It's Alive, Future Perfect และ Lessons from the Future มาพูดในงานเลี้ยงค็อกเทลในเย็นวันแรกของการจัดงาน ไม่รู้ว่าจะมีกี่คนใน สศช. และรัฐบาลเป็น "แฟนนักอ่าน" ของ Stan Davis จริงๆ เพราะการทำทีว่าอ่านหนังสือบางเล่ม บางครั้งก็เป็นแค่สร้างภาพให้ดูมีภูมิรู้ แต่จะรู้จริง หรือทำได้จริงแค่ไหน ก็เป็นอีกเรื่อง

หวังแต่ว่าการสัมมนากระตุ้นศักยภาพทางการแข่งขันของประเทศครั้งนี้ จะไม่เป็นแค่งานโปรโมตหนังสือให้คนอื่น