|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ สิงหาคม 2547
|
|
บ้านจัดสรรราคาแพงในเมืองไทยเคยมีชื่อผู้ประกอบรายใหญ่ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีเพียงไม่กี่ราย แต่แล้วก็มีชื่อ "ปริญสิริ" แทรกขึ้นมาให้เป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว กลยุทธ์การเติบโตของกลุ่มนี้จึงน่าสนใจ
ชื่อของปริญสิริเพิ่งมาสะดุดหูผู้ประกอบการด้วยกัน และเป็นที่สนใจของผู้ที่มองหา ซื้อบ้านราคาแพง เมื่อประมาณ 3-4 ปีที่ผ่านมานี่เอง จนหลายคนอาจเข้าใจว่าเป็นกลุ่มพัฒนาที่ดินรายใหม่ที่เพิ่งฉวยโอกาสทองของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รอบใหม่
รากจริงๆ ของปริญสิริมาจากสิริลักษณ์ โกวิทจินดาชัย ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของโครงการบ้านจัดสรรภายใต้ชื่อ "เกตุนุติ" ย่านถนนลาดพร้าว ซึ่งพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยมาตั้งแต่ปี 2532 ส่วนใหญ่เป็นทาวน์เฮาส์ ราคาตั้งแต่ 900,000 ถึง 3 ล้านบาท เป็นโครงการขนาดกลางที่ไม่ใหญ่นัก ผู้บริหารมีสไตล์การทำงานแบบค่อยเป็นค่อยไปและสามารถเปิดขายได้อย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งปี 2540 ในตอนนั้นบริษัทกำลังก่อสร้างโครงการบ้านเกตุนุติ ซอยลาดพร้าว 87 มีจำนวนถึง 400 ยูนิต ราคา 1.7-3 ล้านกว่าบาท การขายและการโอนต้องหยุดชะงักลง แต่บริษัทก็สามารถแก้ปัญหาและสร้างโครงการได้อย่างต่อเนื่องจนจบโครงการ
วิกฤติครั้งนั้นได้สร้างโอกาสและช่องทางการตลาดใหม่ๆ ให้กับกลุ่มนี้ เพราะในระหว่างการขายโครงการนั้นก็ได้รับรู้ว่า กลุ่มลูกค้าที่ต้องการบ้านเดี่ยวราคาแพงในเขตเมืองยังมีอีกมาก
การฉวยจังหวะที่ผู้ประกอบการรายอื่นนิ่งสนิท สร้างโครงการบ้านเดี่ยวราคาแพง เมื่อปี 2543 ในโครงการปริญสิริ ซอยสมาคมแพทย์ บนถนนประดิษฐ์มนูธรรม (เลียบทางด่วนรามอินทรา-เอกมัย) ท่ามกลางความสงสัยของผู้คนที่ปรามาสว่า "จะสร้างขึ้นมาขายใคร" กลายเป็นการมองตลาดที่แหลมคมของผู้บริหาร
ราคาที่ดินเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่เข้ามาประกอบการตัดสินใจทำโครงการ
ชัยวัฒน์ โกวิทจินดาชัย กรรมการรองผู้จัดการ บริษัทปริญสิริ เล่าให้ "ผู้จัดการ" ฟังว่าที่ดินแปลงนี้เคยหมายตาไว้ตั้งแต่ยุคเศรษฐกิจบูมซึ่งราคาเคยขึ้นไปถึง ตร.ว.ละ 40,000 บาท แต่ตอนที่ตัดสินใจซื้อเป็นราคาที่ลดลงมาเกือบ 30 เปอร์เซ็นต์
ชัยวัฒน์วัย 36 ปี เป็นหลานชายคนโตของสิริลักษณ์ที่เข้ามาดูโครงการบ้านจัดสรรของครอบครัวตั้งแต่ปี 2536 เขาจบการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ และระดับปริญญาโท สาขาบริหารธุรกิจ จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง
ในปีนั้นเป็นรอยต่อที่สำคัญของกลุ่มนี้เพราะมีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นครั้งใหญ่ เหลือเพียงกลุ่มของสิริลักษณ์ที่มองว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังมีโอกาสเติบโตและตัดสินใจสร้างโครงการ พร้อมๆ กับเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัทปริญสิริ มาตั้งแต่ปี 2543
ราคาขายในโครงการแรกนี้เริ่มต้นที่ราคา 4-18 ล้านบาท ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมาย ที่เปลี่ยนไป การออกแบบตัวบ้านและลงในเรื่องรายละเอียด จำเป็นต้องเปลี่ยนตาม ผู้บริหารปริญสิริ ได้เลือกบริษัท KTGY อินเตอร์ แอสโซซิเอสท์ จำกัด เข้ามาออกแบบบ้าน ในเวลานั้น KTGY มักรับออกแบบบ้านให้กับพวกกลุ่มชนชั้นสูงในสังคม เช่น บ้านของราศรี บัวเลิศ เจ้าของสเตท ทาวเวอร์ บนถนนสีลม หรือหมู่บ้านจัดสรรราคาแพงในสาริน ซิตี้ หรือเลควูด คันทรี่คลับ
ผลการตอบรับของลูกค้าในโครงการนี้ทำให้ผู้บริหารมีความมั่นใจว่าวิธีคิดของพวกเขาถูกต้องแล้ว โครงการใหม่จึงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
บ้านเดี่ยวในตัวเมืองจับกลุ่มลูกค้าระดับเอถึงเอบวก มีรูปลักษณ์และสไตล์การออกแบบที่แตกต่าง คือ positioning ที่ชัดเจน "บ้าน" ในแต่ละทำเลจะพยายามปรับเปลี่ยนการดีไซน์ไปตามกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เพราะมั่นใจว่า "บ้าน" เป็นแฟชั่นเหมือนเสื้อผ้าที่สามารถเปลี่ยนไปตามยุคตามสมัย
จากโครงการแรกบนถนนเลียบทางด่วนเอกมัย ปัจจุบันขยายเข้าไปในซอยแจ่มจันทร์ ถนนเกษตรนวมินทร์ ถนนนวลจันทร์ โดยมีเป้าหมายว่าจะขยายไปยังปริมณฑลมากขึ้น เช่น โซนบางนา เทพารักษ์ พระราม 2 หรือย่านถนนวงแหวน ซึ่งผู้บริหารบริษัทย้ำว่า ทุกโครงการ ต้องมีโครงข่ายคมนาคมที่สะดวก เข้าใจกลางเมืองได้ง่าย เพื่อให้เป็นบ้านเดี่ยวในเมืองจริงๆ
แบรนด์ "ปริญสิริ" แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มระดับราคา ภายใต้ชื่อบ้าน "ปริญลดา" บ้านเดี่ยว 2 ชั้น เจาะตลาดระดับกลาง 4-7 ล้านบาท
บ้าน "ปริญสิริ" บ้านเดี่ยว 2 ชั้น จับกลุ่มระดับ 7-10 กว่าล้านบาทขึ้นไป บ้าน "ปริญลักษณ์" จับตลาดทาวน์เฮาส์และคลัสเตอร์เฮาส์ ราคาประมาณ 2-3.5 ล้านบาท
ประมาณ 9 โครงการที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง โดยที่สัดส่วนของรายได้เมื่อสิ้นปี 2546 อยู่ที่บ้านเดี่ยวถึง 859.5 ล้านบาท ในส่วนทาวน์เฮาส์เพียง 309 ล้านบาท
ปริญสิริตอกย้ำการจับตลาดลูกค้าชั้นสูงอีกครั้งหนึ่ง ด้วยการเปิดโครงการใหม่ เมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาในโครงการ "สิริทวารา โอเรียลทอล" คราวนี้เป็นโครงการราคาแพงที่สุดเริ่มต้นจาก 14-40 ล้านบาท บนทำเลทอง ถนนเอกมัย-รามอินทรา ในพื้นที่ 30 ไร่ แบ่งที่ดินออกเป็น 30 แปลง ขนาด 83-225 ตารางวา พื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 295-520 ตารางเมตร
ความโดดเด่นของโครงการอยู่ที่ KTGY ที่สะท้อนความเรืองรองของอารยธรรมตะวันออก ทั้งไทย จีน ล้านนา และบาหลี เป็นแนวคิดในการออกแบบบ้าน สไตล์ "Boutique Oriental Home" โดยพยายามเพิ่มมุมที่มีเสน่ห์ และฟังก์ชันที่ใช้งานจริงภายในบ้าน มีหน้าต่างทรงสูงรอบตัวบ้าน ตกแต่งด้วยงานไม้ฉลุและหินธรรมชาติ และเป็นโครงการแรกของบริษัทที่ได้นำระบบไฟฟ้าใต้ดิน ระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และระบบโฮมออโตเมชั่นมาใช้ในโครงการ
แบบบ้านจากโครงการสิริทวารา ทำให้ KTGY ได้รับรางวัล Award of Merit 2004 ซึ่งเป็นรางวัลการออกแบบสถาปัตยกรรมและการวางผัง ที่จัดขึ้นในงาน Pacific Coast Builder Conference (PCBC) ประเทศสหรัฐอเมริกา ประเภท Best Single Family Detached Home 3,300 to 3,600 ซึ่งเป็นรางวัลเดียวกับที่บริษัทเคยคว้ามาแล้วเมื่อครั้งออกแบบให้กับโครงการปริญสิริในโครงการแรก
ตัวเลขข้อมูลจากฝ่ายการตลาด ที่ได้เปลี่ยนเป็นฝ่าย R&D ในปัจจุบันพบว่ามีคนกลุ่มหนึ่งต้องการย้ายที่อยู่อาศัยจากใจกลางเมือง มาอยู่บ้านเดี่ยวที่ไม่ใช่บ้านเดี่ยวชานเมือง มีมากพอสมควร และเป็นปัจจัยสำคัญทำให้กลุ่มนี้เตรียมรุกตลาดบ้านเดี่ยวในเมืองต่อไป เพื่อเร่งตอกย้ำแบรนด์ปริญสิริในใจผู้คนอย่างต่อเนื่อง
|
|
|
|
|