Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ สิงหาคม 2547








 
นิตยสารผู้จัดการ สิงหาคม 2547
วังทองสไตล์ by Innovation             
โดย อรวรรณ บัณฑิตกุล
 

   
related stories

ถึงเวลาของ พฤกษา เรียลเอสเตท
The Market Leader L.P.N. Group
ปริญสิริ Boutique Oriental Home

   
www resources

วังทองกรุ๊ป

   
search resources

วังทองกรุ๊ป
โกมล เจษฎาวรางกูล
Real Estate




Think Different-Design Lifestyle by Innovation กลายเป็น Wangthong Style คือ Positioning ทางการตลาด
ที่ชัดเจนของวังทองกรุ๊ป

ความหมายของ "บ้านในสไตล์ของ วังทอง กรุ๊ป" คือหัวข้อที่หยิบยกมาถกกันอย่างมีรสชาติบนโต๊ะผู้บริหารของวังทอง สไตล์บ้านของบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ที่สามารถทำให้ลูกค้าเห็นแล้วรู้โดยทันทีจนเป็นจุดแข็งอย่างหนึ่งในการเติบโตของแลนด์ฯ คือวิธีคิดที่พวกเขายึดเป็นโมเดล

ความสำเร็จของโครงการบ้านวรารักษ์ บนถนนรังสิต-คลอง 3 ซึ่งเปิดขายเป็นโครงการแรกๆ หลังวิกฤติเศรษฐกิจ เป็นสิ่งตอกย้ำว่าพวกเขาเดินมาถูกทางแล้ว

ในพื้นที่โครงการ 217 ไร่ ในโครงการบ้านวรารักษ์ วังทองได้แบ่งการก่อสร้าง ออกเป็น 10 เฟส แต่ละเฟสมีสินค้าที่แตก ต่างกันทั้งบ้านเดี่ยวชั้นเดียว ทาวน์เฮาส์ชั้นเดียว ทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น อาคารพาณิชย์ 3-5 ชั้น

ผู้บริหารเคยให้สัมภาษณ์ว่าอาจต้องใช้เวลาประมาณ 7-8 ปี ถึงจะปิดโครงการได้ 1,700 ยูนิตนี้ได้ แต่พลิกล็อกพวกเขาสามารถปิดโครงการนั้นได้ภายในเวลา 3 ปี

เหตุผลสำคัญน่าจะมาจากเป็นโครงการแรกๆ ที่เปิดตัวหลังจากตลาดบ้านจัดสรรนิ่งสนิทมานาน ในขณะที่ความต้องการที่อยู่อาศัยจริงในตลาดยังคงมีอยู่ และที่สำคัญรูปแบบโครงการที่เปลี่ยนไปของวังทอง กรุ๊ป

ในช่วงเวลาที่ทุกคนพูดว่าพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน ดังนั้น การทำบ้านแบบเดิมก็ไม่น่าจะตอบโจทย์ได้

กลุ่มลูกค้าหลักของวังทองตลอด 20 ปีที่ผ่านมาคือกลุ่มลูกค้าที่ซื้อบ้านทาวน์เฮาส์ ในระดับราคาประมาณ 1 ล้านบาท และบ้านเดี่ยวราคา 2-5 ล้านบาท ในโครงการวรารักษ์ รังสิต คลอง 3 พวกเขายังทำบ้านระดับราคานี้เพื่อให้สอดคล้องกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย แต่พวกเขาได้มีรายละเอียดเรื่องการออกแบบบ้านที่ต่างออกไป

ทาวน์เฮาส์ราคาประมาณ 1 ล้านบาท และบ้านเดี่ยวเริ่มต้นที่ 2 ล้านบาท เป็นตัวตั้ง ก่อนที่จะนำมาคิดต่อว่าในราคาประมาณนั้นจะทำอะไรได้บ้าง

ก่อนหน้านี้ประมาณปี พ.ศ.2537-2538 การก่อสร้างที่อยู่อาศัยย่านรังสิต มีการแข่งขันกันมากขึ้นข้อได้เปรียบเดิมๆ ที่ว่า เป็นเจ้าทำเลที่มีความเชี่ยวชาญอาจจะไม่เพียงพอ ผู้บริหารวังทอง กรุ๊ป เริ่มหันมาให้ความสำคัญในเรื่องรูปแบบบ้าน เริ่มมีการพัฒนาเห็นได้ชัดเจนขึ้นในโครงการบ้านวรารักษ์ รามอินทรา ซึ่งเป็นแบบบ้านไทยผสมสไตล์ยุโรป โครงการบ้านเจษฎา บ้านวรางกูร รังสิตคลอง 2 ในสไตล์ The Idel living ก่อนที่จะมาตอกย้ำความหลาก หลายอีกครั้งในบ้านวรารักษ์ รังสิต คลอง 3

Positioning ของกลุ่มนี้จึงอยู่ภายใต้แนวความคิด Thing Different Design Lifestyle by Innovation รวมทั้งพยายามสร้าง Image เฉพาะตัวจนเกิดเป็นแบบ Wangthong Style โดยได้แบ่งสินค้าภายใต้ โลโก "วังทอง กรุ๊ป" ไว้ 4 ประเภทคือ

1. โครงการเดอะภุมริน เป็นบ้านเดี่ยว เพื่อกลุ่มเป้าหมายลูกค้าที่มีรายได้ระดับเอขึ้นไปราคา 5-10 ล้านบาท

2. โครงการบ้านวราบดินทร์ เพื่อลูกค้าที่มีรายได้ระดับเอ 3-5 ล้านบาท

3. โครงการบ้านวรางกูล บ้านเดี่ยว, ทาวน์เฮาส์ เพื่อกลุ่มลูกค้าระดับบี 2.5-3 ล้านบาท

4. โครงการบ้านวรารักษ์ ทาวน์เฮาส์ เพื่อกลุ่มลูกค้าเป้าหมายระดับบีลบราคาต่ำกว่า 2.5 ล้านบาท

5. โครงการบ้านเจษฎา ทาวน์เฮาส์ เพื่อกลุ่มเป้าหมายที่อยู่อาศัยใกล้แหล่งจ้างงานใหญ่ มีรายได้ระดับซี ราคาต่ำกว่า 8 แสนบาทต่อยูนิต

การพัฒนาและต่อยอดของการดีไซน์ เป็นเรื่องที่วังทอง กรุ๊ป ให้ความสำคัญอย่าง ต่อเนื่อง ทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น 18 ตร.ว. หน้ากว้าง 6 เมตร ราคาเริ่มต้นที่ 1.1 ล้านบาท ในวรางกูร รังสิต คลอง 3 มีฟังก์ชันพิเศษในลักษณะ inner court ซึ่งให้ความเป็นส่วนตัว

บ้านวรางกูร The Grand Private Home บ้านเดี่ยว 2 ชั้น พื้นที่ 103 ตร.ว. ราคา เริ่มต้นที่ 4.95 ล้านบาท ในสไตล์ Classic Contemporary มีรูปแบบการจัดวางบ้านในแบบ private courtyard เน้นการออกแบบห้องรับแขก ห้องอาหาร และห้องนอนใหญ่ให้เชื่อม ต่อกับมุมสวน เพื่อเชื่อมธรรมชาติให้เข้าถึงการอยู่อาศัยภายในบ้านให้มากยิ่งขึ้น ห้องนอน ใหญ่จะอยู่ชั้นล่าง มีหน้าต่างโค้งมุม 180 องศา พร้อม walk in closet

บ้านวรารักษ์ รังสิต คลอง 4 โดดเด่นด้วย Graphic for Leading line เป็นภูมิสถาปัตย์ที่ใช้กราฟิกมากำหนดเส้นสาย และให้จังหวะเพื่อสร้างมิติความลุ่มลึก ให้ความสำคัญในการดีไซน์ ประตูทางเข้าในลักษณะ court ส่วนตัว นำทฤษฎีของ Benefit in function ซึ่งถือกำเนิดโดยการเฝ้าสังเกตจากความต้องการมาใช้โดยค้นพบว่า เนื้อหามีการซ้อนทับเพื่อใช้ประโยชน์ของพื้นที่ ดังนั้นหากพื้นที่ใช้สอยถูกกำหนดให้เป็นแบบกึ่งอเนกประสงค์ และการต่อเนื่องในเรื่องของขอบเขต มุมมองก็จะช่วยให้บ้านมีมิติที่หลากหลายขึ้น

บ้านแบบเดอะภุมริน บ้านแฝด 3 ชั้น ในพื้นที่ 54 ตร.ว. ราคา 5 ล้านบาทขึ้นไป เป็นอีกนวัตกรรมหนึ่งด้านการดีไซน์ ที่กลุ่มวังทอง กรุ๊ป ได้นำมาเป็นจุดขาย ภายใต้คอนเซ็ปต์ Double Core Multi-Function ให้พื้นที่ทุกส่วนในบ้านแยกเป็นอิสระจากกัน ทำให้บ้านสามารถตอบสนอง ได้ทุกความต้องการของการอยู่อาศัย โดยได้ตกแต่งไว้ 5 แบบ ด้วยกันคือ แบบครอบครัวใหญ่ที่สามารถตกแต่งภายในให้ดู Grand เฟอร์นิเจอร์มีสไตล์แบบที่ 2 มี 2 ครอบครัวอยู่ด้วยกัน ใช้สีสันที่สดใสมาก ขึ้นภายใต้เฟอร์นิเจอร์สมัยใหม่ แบบที่ 3 เป็นแบบ Social Life มีเพื่อนฝูงมาก ชอบ สังคม ชั้นล่างสามารถจัดเป็น Entertain-ment Room สำหรับผู้ที่ชอบทำงานกับความคิด ชอบหนังสือ มีห้องสมุดในบ้าน ทุกมุมในบ้านสามารถหยิบอ่านหนังสือได้อย่างสะดวก แบบที่ 5 คือ Home Office ตกแต่งด้วยสไตล์ Modern

การดีไซน์บ้านสวยขึ้นอาจจะกระทบต้นทุนการก่อสร้าง ทำให้กลุ่มเป้าหมายลูกค้าเปลี่ยนไป ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ผู้บริหาร วังทองต้องการ การใส่ความพยายามเข้า ไปอีกนิดในการออกแบบ คิดให้นานอีกหน่อยในการวางผัง คือต้นทุนทางความคิด ที่ทีมงานฝ่ายออกแบบทีมเดิมต้องเพิ่มเข้าไป

วิธีคิดของฝ่ายออกแบบจะมีที่มาสำคัญอยู่ 2 ทางคือการเก็บข้อมูลจากลูกค้าที่เข้ามาเยี่ยมชมที่ไซต์งาน และการประมวลข้อมูลว่าเมื่อลูกค้าซื้อไปแล้วมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงแบบในเรื่องใดบ้าง

R&D เป็นอีกฝ่ายหนึ่งที่เปลี่ยนไปจากเดิมก่อนวิกฤติเศรษฐกิจ การทำงานของฝ่ายนี้จะเน้นหนักไปยังเรื่องศึกษาตัวโครงการ ศึกษาโครงสร้างอื่นๆ แต่พอหลัง วิกฤติก็ปรับหน้าที่มาโฟกัสพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป เพื่อหาคำตอบต่อว่าทาง โครงการจะทำอย่างไรต่อไป

แบบบ้านของวังทองเป็นส่วนสำคัญ ที่จะต้องพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างจุดต่างอย่างที่ผู้บริหารย้ำตลอดเวลาว่านั่นคือจุดยืนของวังทอง

ในขณะเดียวกันการเพิ่มความการแข็งแกร่งของบริษัท ด้วยการเข้าไประดมทุน ในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นเรื่องที่บริษัทได้วางแผนมาตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤติทางการเงิน และได้ย้อนกลับมาศึกษาอีกครั้งเมื่อประมาณปี 2545 ปัจจุบันที่ปรึกษาทางการ เงินของวังทอง กรุ๊ป คือ บงล.ธนชาติ ซึ่งได้ตั้งความหวังไว้ว่า บริษัทน่าจะเข้าตลาดฯ ได้ในไตรมาส 3 ของปีนี้

ปี 2547 เป็นช่วงรอยต่อที่สำคัญยิ่ง ของวังทอง กรุ๊ป เป็นอีกหนึ่งบริษัทครอบครัวที่กำลังก้าวเข้าไปเป็นบริษัทมืออาชีพมากขึ้น การปรับโครงสร้างองค์กร และการบริหารงานภายในเป็นเรื่องที่จำเป็น

หลังจากโกศล เจษฎาวรางกูล ผู้ก่อ ตั้งกลุ่มวังทอง กรุ๊ป ได้เสียชีวิตลงเมื่อปลาย ปี 2536 และนำชัย ตัณฑเทอดธรรม หุ้นส่วนคนสำคัญของบริษัทได้แยกตัวออกไปตั้งอาณาจักรใหม่เป็น เอ็น ซี เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด ประกอบกับวิกฤติเศรษฐกิจเมื่อปี 2540 ที่ได้โหมกระหน่ำซัดเข้ามา ทำให้บริษัทนี้เงียบไปช่วงหนึ่ง

หากรากของบริษัทไม่ลึกและแข็งแรงพอ ชื่อของบริษัทนี้คงล้มหายไปตั้งแต่ เจอมรสุมใหญ่ 2-3 ลูกติดๆ กันคราวนั้นแล้ว

"บ้านวังทอง" แห่งแรกได้เกิดขึ้นเมื่อ 20 ปีก่อน โดย โกศล เจษฎาวรางกูล พี่ชายคนโตของโกมล ปราโมทย์ เสาวนีย์ และโสภา ผู้บริหารกลุ่มวังทอง กรุ๊ป ปัจจุบัน เป็นครอบครัวที่ทำธุรกิจค้าไม้และตัวแทนจำหน่ายธุรกิจก่อสร้างมาก่อน ในพื้นดิน 25 ไร่ในโครงการนั้นถูกสร้าง เป็นทาวน์เฮาส์ 200 กว่ายูนิต ขนาด 20 ตร.ว. หน้ากว้าง 4 เมตร 3 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ในราคา 2 แสนกว่าบาท

หลังจากนั้นกลุ่มวังทอง ก็ได้ใช้กลยุทธ์เชิงรุกสร้างโครงการทาวน์เฮาส์บนพื้นที่ตอนเหนือของกรุงเทพฯ อย่างต่อเนื่องหลายโครงการ ก่อนเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ กลุ่มวังทองพัฒนาโครงการไปเกือบ 40 โครง การ โดยยึดกลุ่มลูกค้าระดับบีเป็นหลัก

ปัจจุบันวังทอง กรุ๊ป มีโครงการที่กำลังก่อสร้างพร้อมๆ กันอยู่ 11 โครงการ โดยยังยึดทำเลทิศเหนือของกรุงเทพฯ โซนรังสิตและรามอินทรา เป็นที่มั่นสำคัญ

โกมล เจษฎาวรางกูล คือประธานกรรมการบริหารบริษัทโดยมีปราโมทย์ น้องชายวัย 34 ปี ที่จบระดับการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะเศรษฐศาสตร์ธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ปริญญาโทบริหารธุรกิจการตลาด National University, USA และปริญญาโท มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (MBA) เป็นกรรมการบริษัทที่กำลังมีบทบาทสำคัญ จากตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานกรรมการ ปราโมทย์รับผิดชอบในตำแหน่งกรรมการบริหาร โดยได้ดึงฝ่ายการตลาด ลูกค้า สัมพันธ์ และพัฒนาธุรกิจ มาเป็นสายงานที่ดูแลโดยตรง เพื่อรองรับกับการตลาดที่ต้องอาศัยความรวดเร็วในการตัดสินใจ

โสภาจะเป็นผู้ดูแลหน่วยงานใหม่ ซึ่งตั้งขึ้นเพื่อดูแลสายงานที่ต้องติดต่อกับนักลงทุน โดยมีเสาวนีย์ น้องสาวอีกคนจะช่วยดูแลด้านการเงิน

โดยดึงประมวล ตรีสุทธามาส อดีตหัวหน้าทีมสินเชื่อธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด มาเป็นรองกรรมการ สายสนับสนุน วังทอง กรุ๊ป ภูบดี เดชสุภา จากบริษัท DS.Land มาเป็นรองกรรมการผู้จัดการสายพัฒนาโครงการ และสรชัย ตันรัตนพงศ์ ผู้มีประสบการณ์ เรื่องการก่อสร้างจากบริษัทสหพันธ์ก่อสร้าง เข้ามาเป็นกรรมการบริหารร่วม

เงินที่ได้จากการระดมทุนนอกจากจะนำมาบริหารโครงการที่กำลังทำโครงการก่อสร้างทั้งหมด ในปัจจุบันการหาซื้อที่ดินสำรองในทำเลอื่นๆ เพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้นก็เป็นเรื่องที่พวกเขามองว่าจำเป็น

สินค้าของวังทอง กรุ๊ป ในรูปแบบของวังทองสไตล์กำลังรอจังหวะรุกไปในทุกทำเล เป็นอีกก้าวหนึ่งที่น่าสนใจทีเดียว   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us