|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ สิงหาคม 2547
|
|
ในวังวนของการยื้อแย่ง การแย่งชิงหนึ่งในร้านค้าปลีกชื่อดังที่สุดของอังกฤษส่อเค้าไม่ชอบมาพากล
วันนี้ Stuart Rose คงอดนึกเสียใจไม่ได้ ที่ได้ซื้อหุ้น 100,000 หุ้นของ Marks& Spencer บริษัทซึ่งขณะนี้เขาได้เป็นผู้บริหาร สูงสุด เพราะการซื้อหุ้นในครั้งนั้น ได้ทำให้งานใหม่ของเขาที่ยากอยู่แล้วยิ่งทวีความยุ่งยากมากขึ้นไปอีก
แต่ Rose ยืนกรานอย่างหนักแน่นว่า เมื่อตอนที่เขาซื้อหุ้น M&S ร้านค้าปลีกชื่อดังที่สุดแห่งหนึ่งของอังกฤษ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยยิ่งยงอยู่ในระดับโลก แต่ขณะนี้กิจการกำลังเสื่อมทรุดนั้น เขาไม่รู้มาก่อนเลยว่า Philip Green เพื่อนเก่าซึ่งขณะนี้กลายเป็นศัตรู มีแผนจะครอบงำกิจการร้านค้าปลีกแห่งนี้ ซึ่งขณะนี้ราคาเสนอซื้อได้พุ่งขึ้นไปเป็นอย่างน้อย 15,300 ล้านดอลลาร์แล้ว
Rose ยังยืนยันอีกด้วยว่า เขาไม่รู้ตัวล่วงหน้ามาก่อนเลยว่า เพื่อจะต่อสู้กับการถูกครอบงำกิจการ M&S จะขอให้เขารับตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดคนใหม่ ด้วยเหตุผลที่อ้างมานี้ Rose จึงไม่ยอมลาออก เพราะถือว่าไม่ได้ทำอะไรผิด
อย่างไรก็ตาม ทาง Financial Services Authority (FSA) ของอังกฤษ ได้ลงมือสอบสวนความไม่ชอบมาพากลในการซื้อขายหุ้น M&S แล้ว หลังจากราคาหุ้นของ บริษัทดังกล่าวพุ่งกระฉูดขึ้นสูงมาก ในช่วงเวลาก่อนที่จะถูกเสนอซื้อเพียงเล็กน้อย
นับตั้งแต่การทะเลาะกันระหว่าง Rose กับ Green ที่หน้าสำนักงานใหญ่ M&S ในกรุงลอนดอน หลังจากที่ Rose ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายใหม่ของ M&S แล้ว ก็ดูเหมือนว่าความไม่ชอบมาพากลต่างๆ จะเริ่มต้นขึ้นนับแต่นั้น ไม่ว่าจะเป็นการที่ใครบางคนพยายามจะอยากรู้ว่า Rose โทรศัพท์ติดต่อใครบ้าง และยังมีใครอื่นอีกบ้างที่ได้ซื้อหุ้น M&S ไป ในช่วงก่อนที่ราคาหุ้นจะพุ่งกระฉูดก่อนถูกเสนอซื้อ รวมทั้งคำถามที่ชวนให้ฉงนสนเท่ห์อีกมากมาย มากพอที่จะทำให้ข่าวการแย่งชิงร้านค้าปลีกชื่อดังของอังกฤษแห่งนี้ตกเป็นข่าวติดต่อกันเป็นสัปดาห์
ด้านคณะกรรมการ M&S ประกาศสนับสนุน Rose เต็มตัว ในขณะที่ Green ปฏิเสธว่าไม่เคยโกหกหลอกลวงใคร และตัวเขาเองยังตกเป็นเหยื่อการใส่ร้ายป้ายสีด้วยซ้ำไป จนการเสนอซื้อ M&S ครั้งแรกของเขาต้องถูกปฏิเสธ
นอกจากนี้ Green ยังช่วยยืนยันคำพูดของ Rose ไปโดยปริยาย เมื่อเขาระบุว่า ไม่เคยแย้มพรายเรื่องแผนจะซื้อ M&S ให้ Rose รู้เลยในวันที่ 7 พฤษภาคมที่ผ่านมา เมื่อเขาโทรศัพท์หา Rose แม้ว่าวันนั้นจะเป็นวันที่ Rose ซื้อหุ้น M&S ก็ตาม โดยเขาเพิ่งจะกระซิบบอกแผนของเขาให้ Rose รู้หลังจากนั้น 5 วัน
สำหรับผู้ถือหุ้น Rose กับ Green มีภาษีเท่ากัน ทั้งสองต่าง มีประสบการณ์คร่ำหวอดในการค้าปลีก จึงต่างมีคุณสมบัติเหมาะที่ จะเป็นผู้ฟื้นฟู M&S นอกจากนี้แผนฟื้นฟูของ Rose ซึ่งคาดว่าจะประกาศยุทธศาสตร์กลับคืนสู่คุณค่าพื้นฐานดั้งเดิม (back-to-basic) ของร้านค้าปลีกอายุ 100 ปีแห่งนี้ โดยจะกลับไปเน้นที่คุณภาพสินค้า และระบบ supply chain ที่คล่องตัวนั้น Green ก็เคยบอกแล้วว่าจะทำคล้ายๆ กัน ดังนั้นผู้ถือหุ้นจะเลือกถือหางฝ่ายไหนก็ขึ้นอยู่กับว่า ในความเห็นของพวกเขา ใครเป็นนักค้าปลีกที่เก่งกว่ากัน
แต่ศึกยื้อแย่ง M&S ครั้งนี้คงจะยืดเยื้อและยุ่งยาก เมื่อ FSA ได้ยื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้องแล้ว และการสอบสวนเรื่องการซื้อขายหุ้นโดยใช้ข้อมูลภายในในแดนผู้ดี ก็มักจะกินเวลานานหลายปี
แปลและเรียบเรียงจาก
The Economist July 3, 2004
โดย เสาวนีย์ พิสิฐานุสรณ์
|
|
|
|
|