ความหมายของชื่อเว็บไซต์นี้ไม่ได้หมายถึง ความอึดอย่างแรด แต่รากเหง้าศัพท์ของคำว่า
rhino ยังมีความหมายลึกซึ้งกว่านั้น เพราะมันหมายถึง "เงิน" และไม่ใช่เงินธรรมดาๆ
เท่านั้น แต่เป็นแหล่ง "เงินเย็น" ที่ให้กับคนมีไอเดียดีๆ
thai strategic capital ก็เหมือนกับ venture capital อีกหลายรายที่มองเห็นโอกาสการเติบโตของธุรกิจดอทคอมในเมืองไทย
และไม่ยอม ปล่อยให้โอกาสเหล่านี้หลุดลอยไป พวกเขาจึงใช้ประสบการณ์ และความรู้ในธุรกิจการเงิน
สร้างเป็นโมเดลธุรกิจใหม่ วางบทบาท ของตัวเองเป็นสื่อกลางระหว่างผู้ประกอบการ
และแหล่งเงินทุน
จากประสบการณ์ ที่ผ่านมา ทำให้ อ่อง ทุน ผู้ก่อตั้งบริษัท ไทย สแตรทิจิก
แคปปิตอล พบว่า มีผู้ประกอบการธุรกิจไอทีจำนวนมาก ที่มีไอเดียดีๆ แต่หาแหล่งเงินทุนไม่ได้
ทั้งๆ ที่มีแหล่งเงินทุนจาก venture capital จำนวนมาก สาเหตุสำคัญมาจากการขาดประสบการณ์ในการนำเสนอแผนธุรกิจ
ที่เหมาะสม และลึกในระดับ ที่ผู้ลงทุนจะวิเคราะห์ได้ จึงจะได้รับความสนใจจาก
venture capital (VC)
"เงินหาได้เสมอสำหรับคนที่มี ไอเดียดีพอ เวลานี้มี
vc ที่มีเงินทุนไม่ต่ำกว่า 300-400 ล้าน สนใจลงทุน แต่ปัญหาไม่ใช่เมืองไทยไม่มีไอเดีย
ดีๆ แต่เขาเขียน business plan ไม่เป็น ซึ่ง vc เองไม่มีเวลาจะมาคัดเลือกอย่างละเอียด
แผนงาน ที่เสนอไปต้องลึก หรือให้ข้อมูลที่มากเพียงพอ ที่จะทำให้ vc สนใจ"
อ่อง ทุน เล่าถึง ที่มาของการเกิดเป็น cool- rhino.com
สิ่งที่ อ่อง ทุน พบก็คือ การที่ผู้ประกอบการเขียน business plan ไม่เป็น
ถึงแม้ว่าไอเดียจะดีแค่ไหนก็ตาม หาก business plan ไม่ดี หรือเขียนไม่ตรงจุด
ไม่โดนใจผู้ลงทุน โอกาส ที่ผู้ลงทุนจะให้ความสนใจก็ไม่เกิดขึ้น
coolrhino.com วางบทบาทของตัวเอง เป็นตัวกลางนำพาผู้ประกอบ การไปพบกับแหล่งเงินทุนผ่านทางเว็บไซต์ให้ข้อมูล
ให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการในเรื่องของแหล่งเงินทุนต่างๆ ตลอดจนเรื่องของการวางแผนธุรกิจ
วางกลยุทธ์ทางธุรกิจ จนกระทั่งเกิดดีลความร่วมมือเกิดขึ้น และบริการให้คำปรึกษาอื่นๆ
ต่อเนื่อง หลังจาก ที่ผู้ประกอบการได้เงินทุน
"เราไม่ใช่แค่ให้ข้อมูลเท่านั้น แต่เราจะทำงานร่วมกับผู้ประกอบการ
ให้คำปรึกษาตั้งแต่ก่อน และหลังดีลเกิดขึ้น" จิตตินันท์ ปาลวัฒน์
ผู้รับผิดชอบ cool- rhino.com
วิธีการของ coolrhino.com ก็คือ การเปิดให้ผู้ลงทุน ที่สนใจสมัครเป็น สมาชิกออนไลน์
ผ่านทางเว็บไซต์ วิธีการลงทะเบียนก็ทำได้โดยการกรอกแบบฟอร์มตาม ที่กำหนดให้แล้ว
ซึ่งจะเป็นรายละเอียดของบริษัท และประเภท ของธุรกิจ ที่สนใจจะลงทุน
การทำเช่นนี้ อ่อง ทุน บอกว่า ก็ เพื่อเป็นการตรวจสอบว่า นักลงทุนมีตัวตนอยู่จริง
ไม่ใช่ตัวปลอม และมีความสนใจต้องการลงทุนจริงๆ และยังเป็น การกลั่นกรอง เพื่อคัดเลือกผู้ลงทุนให้เหมาะสมกับเจ้าของไอเดีย
หรือผู้ประกอบการแต่ละราย เพราะสิ่งที่เว็บไซต์นี้ทำ ก็คือ ไม่ใช่แค่การจับคู่ผู้ลงทุนให้กับเจ้าของไอเดียเท่านั้น
แต่จะต้องเป็นคู่ ที่เหมาะสมด้วย
นักลงทุน ที่จะเข้ามาร่วมในเว็บไซต์นี้ จะถูกแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรก
คือ บุคคลทั่วไป ที่ใช้เงินส่วน ตัวมาลงทุน หรือ ที่เรียกว่า angel กลุ่ม
ที่สองคือ business partner ซึ่งอาจจะเป็นผู้ประกอบธุรกิจ ที่ต้องการหาพันธมิตร
หรือเทคโนโลยีใหม่ๆ มาต่อ ยอดให้กับธุรกิจ และกองทุนอย่าง venture capital
อ่อง ทุน บอกว่า เงินทุนทั้ง 3 ส่วนนี้ จะมีเป้าหมาย รูปแบบ และระยะเวลาของการลงทุนเฉพาะตัว
ที่แตกต่างกันไป ถ้าเป็นบุคคลทั่วไป หรือ angel จะลงทุนด้วยเงินทุนไม่มาก
และลงทุนในโครงการเริ่มต้น ใช้เวลาในการลงทุนนานกว่า แต่จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวในเรื่องการดำเนินงาน
ปล่อยให้เป็นเรื่องของผู้ประกอบการ
ขณะที่ venture capital จะลง ทุนในโครงการที่จะมีขนาดใหญ่ หรือ กำลังเติบโตอย่างเต็มที่
และอาจจะมีระยะเวลาในการลงทุน ที่ชัดเจน เช่น ไม่เกิน 3-5 ปี
หากเป็น business part-ner จะมีลักษณะการลงทุน ที่แตกต่างกันไป จะเลือกลงทุนในธุรกิจ
ที่จะมาช่วยเสริมให้กับธุรกิจ ที่มีอยู่ หรือช่วยต่อยอดให้ธุรกิจ
ในขณะที่บางรายจะกำหนดไว้เลยว่า จะลงทุนในโครงการขนาดไม่ต่ำกว่า 2-5 ล้านเหรียญ
และบางรายก็อาจจะกำหนดระยะเวลาลงทุนได้ไม่เกิน 5 ปี ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็น
venture capital ประเภท ที่มีผู้ลงทุนรวมกันหลายๆ รายการที่จะให้เจ้าของไอเดียมาเจอกับนักลงทุน
ที่เหมาะสมเป็นเรื่องจำเป็น ไม่เช่นนั้น แล้วก็จะเกิดปัญหาเมื่อนักลงทุนถอนออกไปกลางคัน
"เจ้าของไอเดียบางราย เขาอาจจะต้องการแค่เงินทุน
ไม่ต้องการให้คนมายุ่งเกี่ยวเรื่องการบริหาร ไม่สนใจขนาดของธุรกิจเงินทุนแบบ
angel อาจจะเหมาะสม แต่บางรายอาจจะต้องการนักลงทุนประเภทพาร์ตเนอร ์มาช่วยให้ธุรกิจเขามีโอกาสเติบโตได้
มันแตกต่างกันไป" อ่อง ทุน ชี้แจง พร้อมทั้งชี้ว่า การวางบทบาทของการเป็นสื่อกลาง
จึงเหมาะสมมากสำหรับกรณีเช่นนี้ ในด้านของผู้ประกอบการจะเปิดกว้างไว้ ไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นดอทคอม
จะเป็นได้ทั้งผู้ผลิตซอฟต์แวร์ แต่ขอให้อยู่ในธุรกิจเทคโนโลยี แต่จะต้องลงทะเบียนออนไลน์
สมัครเป็นสมาชิกของ coolrhino ก่อน เพื่อนำไอเดียของโครงการ post ลงในเว็บ
และรับข้อมูลข่าวสาร ที่เป็นประโยชน์
ความปลอดภัยในเรื่องของข้อมูล เป็นอีกสิ่งหนึ่ง ที่คำนึงถึงเป็นพิเศษ วิธีการของพวกเขาก็คือ
การให้เจ้าของ ไอเดียเขียนโครงการสั้นๆ แค่ไม่กี่บรรทัดในหน้าเว็บไซต์ เพียง
เพื่อบอก ให้นักลงทุนดูว่ามีไอเดียใหม่ๆ เข้ามาบ้าง แต่จะมีเฉพาะผู้ลงทุนบางรายที่ให้ข้อมูลไว้ล่วงหน้าแล้วว่า
ต้องการลงทุนในโครงการลักษณะนี้เท่านั้น ที่จะสามารถเข้าไปดูรายละเอียดของโครงการได้มากกว่านี้
ซึ่งผู้ลงทุนอื่นๆ ไม่สามารถดูได้
อ่อง ทุน เชื่อว่าวิธีเช่นนี้จะทำให้สามารถรักษาความลับทางธุรกิจให้กับเจ้าของไอเดีย
ขณะเดียวกันก็เท่ากับเป็น การกลั่นกรองให้เกิดการจับคู่ ที่เหมาะสมระหว่างเจ้าของไอเดีย
และผู้ลงทุน
ผลตอบแทน ที่ coolrhino จะได้รับ ไม่ได้มาจากค่าธรรมเนียมจากการเป็นที่ปรึกษา
แต่จะอยู่ในรูปของ "ใบหุ้น" ที่ถือในบริษัทเหล่านั้น หลังจากดีลได้รับผลสำเร็จ
ซึ่งมูลค่าหุ้นนั้น จะถูกประเมินค่าจากบริการให้คำปรึกษาในการหาแหล่งเงินทุน
ซึ่งไม่มีสูตร ที่ตายตัว ขึ้นอยู่กับว่าปริมาณเงินทุน และบริการที่ใช้ว่ามากน้อยแค่ไหน
อ่อง ทุน ให้เหตุผลว่า เป็นเพราะธุรกิจเหล่านี้ส่วนใหญ่จะเพิ่งเริ่มต้น
ยังไม่มีรายได้ การจะหาเงินมาจ้าง ที่ปรึกษา เป็นเรื่องทำได้ยาก การคิดผลตอบแทนเป็นใบหุ้น
จะเป็นกระแสใหม่ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในไทย หลังจาก ที่แพร่หลายมาแล้วในสหรัฐอเมริกา
แน่นอนว่า สิ่งที่พวกเขาหวังจากธุรกิจนี้ ก็ไม่แตกต่างไปจากผู้ลงทุนคนอื่นๆ
นั่นคือ ตลาดหุ้น ที่ใด ที่หนึ่ง และนั่น หมายถึงผลตอบแทน ที่พวกเขาจะได้รับ
นอกจากนี้ หากโครงการไหน หรือไอเดียไหน ที่ดูดีมีอนาคต ก็อาจจะได้รับเงินทุนจาก
coolrhino และ TSC ที่เป็นอีกกองทุนหนึ่ง ที่มีเงินทุน 20-30 ล้านบาท ในการที่จะเข้าไปลงทุนในฐานะนักลงทุนรายหนึ่งด้วย
หรืออย่างน้อย ผลพวงของความสำเร็จของผู้ประกอบการในการหาแหล่งเงินทุน ที่
coolrhino จะได้รับก็คือ ความต้องการใช้บริการ การทำ Due diligence ดีลในการร่วมลงทุน
การรวมธุรกิจระหว่างกัน และการปรับโครงสร้าง องค์กรทั้งหมดนี้คือ บริการต่อเนื่อง
ที่จะเกิดขึ้น เพราะชื่อก็บอกแล้วว่า "แหล่งเงินเย็น"