|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
"ขุนคลัง" คาดใช้เวลาพิจารณาแผนฟื้นฟูกิจการทีพีไออีก 2-3 สัปดาห์ ก่อนส่งให้ศาลล้มละลายกลางพิจารณา ด้านพล.อ.มงคล มั่นใจคลังเห็นชอบกับแผนฟื้นฟูฯ และสามารถดำเนินการตามแผนได้ภายใน 2-3 เดือนนี้ ขณะที่ปูนใหญ่ยันไม่สนลงทุน
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการพิจารณา แผนฟื้นฟูกิจการ บริษัทอุตสาหกรรม ปิโตรเคมิกัลไทย จำกัด (มหาชน) (TPI) ว่า จะต้องใช้ระยะเวลาในการศึกษารายละเอียดแผนฟื้นฟูฯทีพีไอให้รอบคอบอีกครั้ง โดยคาดว่าภายใน 2-3 สัปดาห์ จะสามารถยื่นแผนต่อศาลล้มละลายกลางได้
ส่วนการเข้ามาแสดงความสนใจจะเข้ามาถือหุ้นของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) นั้น นายสมคิดกล่าวว่า ทางกบข. แสดงความสนใจที่จะเข้ามาอยู่แล้ว เนื่องจากเห็นว่าเป็นหุ้นที่มีแนวโน้มดี จึงต้องการเข้ามาลงทุนในทีพีไอ
พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฏฐ์ ประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการทีพีไอ กล่าวว่า คณะกรรมการ ได้ส่งแผนฟื้นฟูฯ ให้กับรัฐมนตรีว่า การกระทรวงการคลัง ได้พิจารณาเพื่ออนุมัติแล้ว โดยเชื่อว่ารมว.คลังจะเห็นชอบกับแผนฟื้นฟูดังกล่าวหรือหากมีการแก้ไขก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยคาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการอนุมัติ 1-2 สัปดาห์
สำหรับขั้นตอนต่อไปคณะผู้บริหารแผนจะต้องส่งฟื้นฟูให้แก่คณะกรรมการเจ้าหนี้ที่มีตัวแทนเจ้า หนี้ประมาณ 4-5 ราย ได้พิจารณาและเรียกประชุมเจ้าหนี้เพื่อพิจารณา แผน
"ได้มีการหารือกับคณะกรรมการเจ้าหนี้คร่าวๆ แล้วว่า ขั้นตอนนี้จะใช้เวลาเพียง 45-60 วันในการเรียกเจ้าหนี้เข้ามาพิจารณาแผนขอให้เห็นชอบ หลังจากนั้นจะส่งไปยังเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ (จพท.) เพื่อให้เจ้าหนี้โหวตแผนฟื้นฟูต่อไป"
พล.อ.มงคล กล่าวว่า หากทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนที่กำหนดคาดว่าจะใช้ระยะเวลาเพียง 2-3 เดือน จะสามารถดำเนินการได้ตามแผน เพื่อให้ทีพีไอเร่งดำเนินธุรกิจ เพราะมั่นใจว่าทีพีไอมีศักยภาพที่เพียงพอในการพัฒนาอุตสาหกรรมรวมทั้งเศรษฐกิจของประเทศได้ ภายในปีนี้น่าจะเห็นการเปลี่ยน แปลงหรือดำเนินการตามแผนฟื้นฟูฉบับล่าสุดได้
อย่างไรก็ตาม หากนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ จะมีการฟ้องร้องหรือคัดค้านแผนฟื้นฟูดังกล่าวก็สามารถดำเนินการได้ในขั้นตอนของการพิจารณาของศาล ซึ่งคณะกรรมการขอยืนยันว่าทำแผน ฟื้นฟูฯ ยึดหลักความถูกต้องและเป็นธรรม เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก ส่วนจะเป็นที่พอใจของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหรือไม่ก็จะต้องว่ากันด้วยเหตุผล เพราะการเป็นหนี้ก็จะต้องชดใช้ ต้องมีวินัยทางการเงิน
สำหรับประเด็นที่จะต้องมีผู้ร่วมทุนรายใหม่นั้น หากกระทรวงการคลังเห็นชอบที่จะสรรหาผู้ร่วมทุนรายใหม่เข้ามาทำให้ทีพีไอดีขึ้น ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณา ซึ่งแผนฟื้นฟูจะระบุถึงกรอบของผู้ร่วมทุนไว้ ว่าจะต้องเป็นบุคคลหรือนิติบุคคล ที่ เป็นคนไทย มีความรู้และประสบการณ์ ในอุตสาหกรรมปิโตเคมี หรือเป็น กองทุนของรัฐ โดยเท่าที่เห็นในประเทศไทยก็มีไม่มีกี่ราย
ขณะที่นายชุมพล ณ ลำเลียง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทปูน ซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCC) กล่าวว่า ไม่สนใจที่จะเข้าไปลงทุนใน ทีพีไอ เนื่องจากยังอยู่ในกระบวน การฟื้นฟูกิจการ และยังรอศาลล้มละลายกลางตัดสินว่าท้ายที่สุดแล้วจะฟื้นฟูทีพีไออย่างไร และเรื่องนี้ก็ยืดเยื้อมาเป็นเวลานานแล้ว
"ถ้าถามผมเกี่ยวกับธุรกิจของทีพีไอ ผมว่าปตท.น่าจะเหมาะสมมากกว่า ในการเข้าไปร่วมทัพ เพราะปตท.มีธุรกิจโรงกลั่นอยู่แล้ว และเราก็ไม่มีความรู้ และไม่มีนโยบายทำอยู่แล้ว"
|
|
|
|
|