"ชุมพล ณ ลำเลียง" ฟันธง ธปท.คุมเข้มแบงก์ปล่อยกู้อสังหาฯไม่กระทบยอดขายปูนฯ เผยผลประกอบการไตรมาส 2 "ปูนใหญ่" มีกำไรสุทธิกว่า 7.7 พันล้านบาท ลุ้นเมกะโปรเจกต์ 7 แสนล้านของรัฐบาล ดันยอดขายทะยาน ประกาศจ่ายปันผล 5.50 บาทต่อหุ้น
นายชุมพล ณ ลำเลียง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCC) กล่าวถึงกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ปรับหลักเกณฑ์การจัดชั้นหนี้ โดยเพิ่มความเข้มงวดกับการปล่อยสินเชื่อในภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ หากพบว่ามีความเสี่ยง สถาบันการเงินที่ปล่อยกู้ต้องกันสำรองเพิ่มว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจของปูนซิเมนต์ไทย เนื่องจากการก่อสร้างคอนโดมิเนียมหรูขนาดใหญ่ หรือบ้านราคาแพงไม่มีผลต่อ ยอดขายปูนซีเมนต์ และเหล็กมากนัก แต่ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นคือ ยอดขาย สินค้าตกแต่งบ้านจะมีผลมาก เพราะคอนโดฯ หรือบ้านราคาแพง ความต้องการซื้อของตกแต่งมีสูง
ส่วนการที่รัฐบาลมีนโยบายที่จะลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจกต์) มูลค่าประมาณ 7 แสนล้านบาท นายชุมพลกล่าวว่า ยังคงรอดูนโยบายดังกล่าว หากมีความชัดเจนคาดว่าจะเป็นผลดีต่อธุรกิจของปูน ซิเมนต์ไทยที่จะทำให้มียอดขายเพิ่มขึ้น
สำหรับผลการดำเนินงานของปูนซิเมนต์ไทยและบริษัทย่อย ในไตรมาสสองของปี 2547 มีกำไรสุทธิ 7,742 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 117% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยบริษัทและบริษัทย่อยมียอดขาย 45,006 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
นายชุมพลกล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทและบริษัทย่อย มียอดขายรวม 89,367 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนหนึ่งมาจากราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่เพิ่มขึ้น และมีกำไรสุทธิ 15,097 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 66% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 แยกตามประเภทธุรกิจดังนี้คือ ธุรกิจปิโตรเคมี มียอดขายรวม 16,571 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39% จากปีก่อน เนื่องจากความต้องการโอเลฟินส์ และอะโรเมติกส์ในตลาดโลกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ราคาปิโตรเคมีในตลาด โลกสูงขึ้น
ส่วนธุรกิจปูนซีเมนต์มียอดขายรวม 8,859 ล้าน บาท เพิ่มขึ้น 18% จากปีก่อน เนื่องจากสภาวการณ์ ก่อสร้างในประเทศยังคงเติบโตต่อเนื่อง ทำให้ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ภายในประเทศสูงขึ้น
ขณะที่ธุรกิจผลิตภัณฑ์ก่อสร้างมียอดขายรวม 5,130 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% จากปีก่อน เนื่องจากการขยายตัวของภาคการก่อสร้างที่อยู่อาศัยในประเทศ ทำให้ความต้องการผลิตภัณฑ์กระเบื้องมุงหลังคาและผลิตภัณฑ์เซรามิกยังคงเพิ่มขึ้น ในขณะที่ธุรกิจจัดจำหน่ายมียอดขายรวม 16,448 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนธุรกิจกระดาษและบรรจุภัณฑ์มียอดขายรวม 9,312 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากปริมาณความต้องการในประเทศของกระดาษบรรจุภัณฑ์ และกระดาษพิมพ์เขียนเพิ่มขึ้น จากความต้องการของธุรกิจค้าปลีก งานพิมพ์และงานโฆษณา แต่ผลประกอบการของธุรกิจใกล้เคียงกับช่วงเดียวกับของปีก่อน เนื่องจากราคาวัตถุดิบแพงขึ้น
นายชุมพล กล่าวว่า จากผลการดำเนินงานและฐานะการเงินที่ดีขึ้นในครึ่งปีแรก คณะกรรมการบริษัทจึงมีมติอนมัติให้จ่ายเงินปันผลในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ในอัตราหุ้นละ 5.50 บาท โดยกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 26 สิงหาคม 2547
นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทยังมีมติให้ออกและเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่จำนวน 1 หมื่นล้านบาท ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2547 เนื่องจากมีหุ้นกู้ชุดเดิม ครั้งที่ 6/2542 (SCC#6) จำนวน 6 พันล้าน บาท จะครบกำหนดในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2547 และหุ้นกู้ของบริษัทเยื่อกระดาษสยาม จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือฯ ครั้งที่ 1/2544 หรือ SPP#1 จำนวน 5 พันล้านบาท จะครบกำหนดไถ่ถอนวันที่ 1 ตุลาคม 2547 โดยให้สิทธิ์ผู้ถือหุ้นกู้ที่ครบกำหนดไถ่ถอนทั้งสองชุดก่อน
นายกานต์ ตระกูลฮุน รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCC) กล่าวว่า หุ้นกู้ 1 หมื่นล้านบาท ที่จะออกคาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ที่ 4% กว่า ซึ่งคาดว่าจะได้รับการตอบ รับจากนักลงทุน หรือผู้ถือหุ้นกู้เดิม โดยบริษัทจะให้สิทธิผู้ถือหุ้นที่ครบกำหนดไถ่ถอนทั้งสองชุดก่อน
ทั้งนี้ หุ้นกู้ที่ครบกำหนดทั้งสองชุด ต้นทุนเฉลี่ย อยู่ที่ 6.2% หลังการออกหุ้นกู้ครั้งนี้จะช่วยลดภาระต้นทุนดอกเบี้ยได้กว่า 2% ซึ่งเป็นไปตามแผนการดำเนินงานของบริษัทที่มุ่งเน้นออกหุ้นกู้เพื่อลดภราะ หนี้ โดยปัจจุบันบริษัทมีทรัพย์สิน2.5-2.6 แสนล้านบาท ขณะที่ภาระหนี้สินอยู่ที่ 1.07 แสนล้านบาท
|