Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน20 กรกฎาคม 2547
ชี้4บริษัทยักษ์จัดสรรกระอักแน่แนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นลูกค้าหนี             
 


   
www resources

โฮมเพจ แสนสิริ

   
search resources

โนเบิล ดีเวลอปเม้นท์, บมจ.
แสนสิริ, บมจ.
แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์, บมจ.
ควอลิตี้เฮาส์, บมจ.
Real Estate




โบรกเกอร์ชี้ ควอลิตี้เฮ้าส์ฯ, โนเบิล, แสนสิริ, แผ่นดิน ทองฯ กระอักแน่หากดอกเบี้ยขยับ เหตุจับตลาดบ้านระดับบนเป็นหลัก ขณะที่ แลนด์ฯ, พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค รอดตัว เนื่องจากปรับตัวกระจายความเสี่ยงสร้างบ้านขนาดกลางขาย ส่วนกลุ่มรับเหมาสบาย แม้จะ ได้รับผลจากราคาวัสดุ แต่ก็ได้รับประโยชน์จากนโยบายรัฐฯ แนะ ITD-STECON-CK-PLE ยังไปได้สวย

จากกรณีธนาคารพาณิชย์หลายแห่งให้ความเห็นว่า ใน ครึ่งหลังปีนี้ อัตราดอกเบี้ยในประเทศมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะอัตราดอกเบี้ยเพื่อที่อยู่อาศัย และจะส่งผลให้ดอกเบี้ยเงินกู้ในการซื้อที่อยู่อาศัยของประชาชนเพิ่มขึ้นนั้น นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) (บล.) เปิดเผยว่า หากแนวโน้มดอกเบี้ยครึ่งปีหลังปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นจะส่งผล กระทบต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างมาก เพราะจะทำให้ยอดขายบ้านในโครงการมีจำนวนลดลงอย่างชัดเจน

ทั้งนี้ แนวโน้มอัตราดอกเบี้ย ที่เพิ่มขึ้นในครึ่งปีหลัง จะส่งผลกระทบต่อหลายธุรกิจในตลาด หลักทรัพย์ โดยเฉพาะหากดอกเบี้ยเพื่อที่อยู่อาศัยปรับตัวเพิ่มขึ้นจะทำให้ผู้บริโภคชะลอกำลังการซื้อ หรือซื้อบ้านในราคาที่ต่ำลงจากภาระการชำระดอกเบี้ยเงินกู้ที่สูงกว่าเดิม ซึ่งจะส่งผลให้รายได้ของ ธุรกิจอสังหาฯลดลง

สำหรับกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาฯที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ได้แก่ ผู้ประกอบการบ้านจัดสรรระดับบนที่มีมูลค่าตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป อาทิ บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ส่วนผู้ประกอบการบ้านจัดสรรระดับกลางและระดับล่างราคา 3-5 ล้านบาท อาจจะได้รับผลกระทบเช่นกันแต่ไม่มากนัก เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มหันมาซื้อบ้านที่มีราคาถูกลง

ส่วนผู้ประกอบการรายใหญ่ อย่าง บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท พร็อพ- เพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) แม้จะขายบ้านในราคาระดับสูง แต่ ก็มีโครงการบ้านในราคาระดับกลาง ด้วย จึงทำให้ไม่ได้รับผลกระทบมากเท่ากับรายอื่นๆ ที่ขายบ้านระดับบน

นายชัยพร กล่าวว่า จากการที่ธุรกิจการอสังหาฯ ในช่วงนี้ มีการ แข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น ทำให้ต้อง จับตามองว่าผู้ประกอบการรายใด จะใช้กลยุทธ์ในการปรับลดราคาบ้านเพื่อเรียกความสนใจจาก ผู้บริโภคหรือไม่ ซึ่งหากมีการนำกลยุทธ์การปรับลดราคามาใช้ จะส่งผลให้ผู้ประกอบการรายอื่นต้อง ปรับลดราคาตาม ซึ่งสะท้อนให้อัตรา รายได้ และกำไรของธุรกิจอสังหาฯ ตกต่ำลง

"อย่างไรก็ตาม ขอแนะนำให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงหุ้นในกลุ่มอสังหาฯ เนื่องจากมองว่าปีนี้ไม่ใช่ ปีทองของธุรกิจอสังหาฯ จากตั้งแต่ ต้นปีที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจาก ปัจจัยลบเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทั้ง ราคาวัสดุก่อสร้างที่แพง ดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้น ผู้บริโภคชะลอการซื้อ ซึ่งปัจจัยลบดังกล่าวสะท้อนให้เห็นในผลประกอบการของธุรกิจอสังหาฯที่ลดลงอย่างชัดเจน" นาย ชัยพร กล่าว

นายชัยพร กล่าวต่อว่า ส่วน ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง อาจได้รับผลกระทบบ้างจากดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาขึ้น แต่ปัจจัยที่จะทำให้รายได้ในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ลดลงคือราคาวัสดุก่อสร้างที่ปรับตัวสูงขึ้นมากกว่า ซึ่งภาพรวม ของธุรกิจรับเหมาถือว่ายังเติบโตได้ ดีตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะผู้ประกอบการรับเหมาที่ได้รับการประมูลงานจากโครงการ ภาครัฐบาล

สำหรับหุ้นที่น่าสนใจในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ได้แก่ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) (ITD) บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) (CK) บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) (STECON) และบริษัท เพาเวอร์ ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) (PLE) เนื่องจากได้รับผลประโยชน์อย่างชัดเจนจากรัฐบาลในการสนับสนุนโครงการด้านสาธารณูปโภค ซึ่งคาดว่าจะโตต่อเนื่องได้อีก 2-3 ปี ขณะที่หุ้นที่ควรหลีกเลี่ยงมากที่สุด ได้แก่ บริษัท แนเชอรัล พาร์ค จำกัด(มหาชน) เนื่องจากช่วงนี้บริษัทไม่มีกำไร และอยู่ระหว่างการ ลงทุนในโครงการใหม่

ทั้งนี้ ประมาณการกำไรทั้งปีของ ITD อยู่ที่ 834 ล้านบาท และ กำไรปี 48 อยู่ที่ 19,000 ล้านบาท สาเหตุที่กำไร ITD โตแบบก้าวกระโดด เนื่องจากปีหน้ามีโปรเจกต์ ใหม่เพิ่มเติมมากกว่าปีที่ผ่านมา ส่วนกำไรทั้งปีของ STECON อยู่ที่ 579 ล้านบาท กำไรปี 48 อยู่ที่ 816 ล้านบาท และกำไรทั้งปีของ PLE อยู่ที่ 305 ล้านบาท กำไรปี 48 อยู่ที่ 386 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม แนะนำนักลงทุน ถือหุ้น ITD ส่วนหุ้น CK, STECON, PLE แนะนำซื้อได้ จากแนวโน้มภาคธุรกิจที่เติบโตดีต่อเนื่อง   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us