นักลงทุนแห่เก็งกำไรหุ้น RAIMON หลังโชว์ผลประกอบการไตรมาสสองออกมาสวย นักวิเคราะห์เตือนแมลงเม่าระวังติดยอดดอย เนื่องจากกำไรที่เกิดขึ้นไม่ได้มาจากธุรกิจหลัก

บรรยากาศการซื้อขายหุ้น บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) (RAIMON) วานนี้ (19 กรกฎาคม) ค่อนข้างคึกคัก หลังจาก RAIMON ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ของปีนี้ มีกำไรสุทธิกว่า 198 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิ 25 ล้านบาท

โดยราคาหุ้น RAIMON ปิดตลาดที่ 1.17 บาท เพิ่มขึ้น 0.03 บาท หรือ 2.63% มูลค่าการซื้อขาย 52.93 ล้านบาท ระหว่างวันทำการราคาหุ้นปรับตัวสูงสุดที่ 1.30 บาท ขณะที่ RAIMON-W ปิดตลาดอยู่ที่ 0.32 บาทต่อหุ้น ลดลง 0.01 บาท หรือ 3.03% มูลค่าการซื้อขาย 38.10 ล้านบาท

นางสาวปองรัตน์ รัตนะตวณานนท์ ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง จำกัด กล่าวว่า ยังไม่แนะนำให้นักลงทุนเข้าซื้อหุ้น RAIMON แม้ผลประกอบการที่ออกมาจะมีกำไรสูงถึง 198 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากผลกำไรที่ออกมาเป็นกำไรที่เกิดขึ้นจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุน ไม่ได้เกิดขึ้นจากธุรกิจหลัก และราคาหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นก่อนหน้าเป็นการเข้ามาเก็งกำไรผลประกอบการเท่านั้น

ขณะที่ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ยูไนเต็ด จำกัด (มหาชน) ระบุว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้ RAIMON มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนเป็นจำนวน 221 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากการลงทุนในกองทุนรวมบางกอกพร็อพเพอร์ตี้ ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการ The Lake

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของบริษัทเริ่มมีกำไรจากการดำเนินงานต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 3 นับตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปี 2546 ทำให้บริษัทผ่านเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ ในการขอย้ายกลับเข้ามาซื้อขายในหมวดปกติคือ หมวดอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเราคาดว่าจะสามารถย้ายหมวดได้ภายในเดือนต้นเดือนสิงหาคม

นอกจากนี้ บริษัทยังได้ประกาศขายหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง (PP) จำนวน 117 ล้านหุ้น ที่ราคา 1 บาท (ราคา PAR) โดยหุ้นที่นำมาจัดสรรเป็นส่วนที่เหลือจากการขายหุ้นเพิ่มทุนในเดือน พ.ค.ก่อนหน้านี้ โดยราคาเพิ่มทุนที่ 1 บาท จะเป็นราคาเดียวกับที่จัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม การเพิ่มทุนครั้งนี้มี dilution ประมาณ 12.5% เทียบกับหุ้นในปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม หากรวมหุ้นที่สำรองไว้จัดสรรให้ RAIMON-W ด้วยแล้ว การเพิ่มทุนครั้งนี้จะมี Dilution เพียง 5% เท่านั้น ทั้งนี้เราคาดว่า การเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้จะสามารถขายได้หมดทั้งจำนวน

ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์บล.ยูไนเต็ด ระบุว่า RAIMON-W ยังคงมีความเสี่ยงในเรื่องของ CALL OPTION ที่ยังมีอยู่ด้วย โดย สามารถถูกบังคับใช้สิทธิแปลงสภาพได้ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2547 ถ้าราคาปิดของหุ้นสามัญ RAIMON สูงกว่าราคาใช้สิทธิ 20% เป็นเวลา 30 วันต่อเนื่อง ทั้งนี้ปัจจุบันยังไม่มีความชัดเจนว่าจะมีการเลื่อนการใช้ CALL OPTION ดังกล่าวออกไปอีกหรือไม่ ทำให้เรามองว่า RAIMON-W ยังคงมีความเสี่ยงอยู่พอสมควร ดังนั้นแนะเก็งกำไรระยะสั้น

ทั้งนี้ เราตั้งสมมติฐานว่า RAIMON-W จะถูกใช้สิทธิทั้งหมดในปีนี้ เรากำหนดราคาเป้าหมาย RAIMON อยู่ที่ 1.35 บาท ที่ P/E 15 เท่า และ P/BV 1.4 เท่า โดยระยะสั้นยังมีปัจจัยลบที่สำคัญ เรื่อง dilution จาก Warrants แต่ในระยะยาวเงินทุนจากการแปลง warrant จะทำให้บริษัทฯ มีศักยภายในการเติบโตอีกมาก ดังนั้นแนะลงทุนระยะยาว

นายไนเจิล จอห์น คอร์นิค กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน)(RAIMON) แจ้งตลาดหลักทรัพย์ว่า คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้บริษัทเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนส่วนที่เหลือจากการจองซื้อของผู้ถือหุ้นเดิมจำนวน 117,671,321 หุ้น ให้แก่นักลงทุนแบบเฉพาะเจาะจง ซึ่งประกอบด้วย 1. Mr. Teo Ek Tor จำนวน 925,000 หุ้น 2. Chelverton Dividend Income Fund Limited 10,000,000 หุ้น 3. นายบี เตชะอุบล 3,000,000 หุ้น

4. นายเจริญ โกก้า 3,000,000 หุ้น 5. กองทุนส่วนบุคคล ซึ่งบริหารโดย บลจ. ซีมิโก้ ไนท์ฟันด์ แมเนจเม้นท์ จำกัด 25,000,000 หุ้น 6. Knight Thai Opportunities Fund by Knight Asian Investments Limited 2,400,000 หุ้น 7. Knight Asian Fund by Knight Asian Investments Limited 2,400,000 หุ้น 8. Knight Thailand Fund by Knight Asian Investments Limited 1,200,000 หุ้น

9. Knight Thai Strategic Investments Limited 19,750,000 หุ้น 10. Knight Pacific Fund Limited 9,250,000 หุ้น 11. Mr. Adrian H.C. Fu 20,000,000 หุ้น 12. IF Development Limited 10,746,321 หุ้น 13. Integrity Asset Management (SFC) Limited 4,000,000 หุ้น 14. Mr. Bertrand Michaud 1,000,000 หุ้น 15. Ms. Diane Delphine Droin 500,000 หุ้น 16. Celtic International Limited 2,000,000 และ17. Tremorland Securities Limited 2,500,000 หุ้น รวม 117,671,321 ทั้งนี้ กำหนดวันจองซื้อและชำระค่าหุ้นระหว่างวันที่ 19-23 กรกฎาคมนี้