|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ธนาคารกรุงเทพ ไฟเขียวแผนฟื้นฟูกิจการ "ทีพีไอ" ฉบับใหม่ที่กระทรวงการคลังให้ความเห็นชอบให้รัฐและปตท. ถือหุ้นทีพีไอ ไม่ต่ำกว่า 50% พร้อมการันตีคุณสมบัติ "ปตท." เหมาะสมที่จะเข้ามา บริหารทีพีไอ ส่วนปูนใหญ่จะเข้ามาถือหุ้น 30% น่าจะเกิดขึ้นในอนาคต ด้าน "ประชัย" ไม่แปลกใจที่เจ้าหนี้เห็นชอบกับแผน เนื่องจากผู้บริหารแผนฯ ได้มีการหารือกับเจ้าหนี้เรียบร้อยแล้ว
หลังจากที่กระทรวงการคลัง ได้ให้ความเห็นชอบเบื้องต้นกับแผนฟื้นฟูกิจการบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) หรือทีพีไอ โดยมีกรอบหลัก
คือ รัฐบาลและบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จะเข้า ไปถือหุ้นทีพีไอในสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 50% พร้อมทั้งการลดทุนจดทะเบียนทีพีไอจาก 78,498.11 ล้านบาท ราคาตามมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท เหลือราคาพาร์ 1 บาท เพื่อล้างขาดทุนสะสมจำนวน 8.6 หมื่น ล้านบาท รวมทั้งจะได้เงินลงทุนใหม่ 650-670 ล้านเหรียญสหรัฐ มาชำระหนี้
นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL ในฐานะเจ้าหนี้รายใหญ่ทีพีไอ กล่าวว่า ธนาคารทราบรายละเอียดเกี่ยวกับแผนฟื้นฟูฯ ฉบับที่กระทรวงการคลังให้ความเห็นชอบแล้ว ซึ่งธนาคารเห็นด้วยกับแผนที่ผู้บริหารแผนเสนอมา ขณะที่ประเด็นของพันธมิตรที่จะเข้ามาร่วมทุนนั้น ธนาคารยังไม่สามารถแสดงความเห็นได้ ส่วนหุ้นที่ธนาคารถืออยู่ในทีพีไอประมาณ 20% นั้น ในอีก 1 ปีข้างหน้าจะตัดสินใจว่าจะดำเนินการอย่างไร
"ธนาคารเห็นด้วย และไม่มีความเห็นขัดแย้งกับผู้บริหารแผนฟื้นฟูฯ โดยเฉพาะประเด็นที่ระบุว่าจะใช้เวลาการจัดสรรหุ้นให้เรียบร้อยภายใน 1 ปี ซึ่งผมเข้าใจว่าขั้นตอนต่อไปผู้บริหารแผนจะเสนอเรื่องให้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพิจารณา ก่อนจะส่งเรื่องให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดำเนินการต่อไป ส่วนเรื่องที่บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) จะเข้ามาถือหุ้น 30% คงจะเป็นขั้นตอนต่อไป ซึ่งผมยังไม่เห็นรายละเอียด" นายโฆสิต กล่าว
นายสุวรรณ แทนสถิตย์ รองกรรมการ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวเพิ่มเติมว่า โดยหลักการในส่วนของเจ้าหนี้เห็นด้วยที่จะให้ปตท. เข้ามาถือหุ้นในทีพีไอ เนื่องจากมีคุณสมบัติครบถ้วนทั้งเรื่องของเงินทุน และศักยภาพการดำเนินธุรกิจ ทำให้ธนาคารอยากได้พันธมิตรร่วมทุนในลักษณะนี้
"ส่วนประเด็นที่แผนฟื้นฟูฯ ฉบับใหม่ไม่มีการแปลงหนี้เป็นทุนให้กับเจ้าหนี้นั้น เจ้าหนี้คงไม่คิดว่าเป็นปัญหา เพราะหลักการทำธุรกิจธนาคาร ธนาคารอยากได้เงินต้นพร้อมดอกเบี้ยคืนมากกว่าการเข้าไปทำธุรกิจ" นายสุวรรณ กล่าว
นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ อดีตประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตนไม่รู้สึกแปลกใจที่แบงก์กรุงเทพเห็นชอบแผนฟื้นฟูฯฉบับแก้ไข เนื่องจากแผนดังกล่าวทางตัวแทนกระทรวงการคลังในฐานะผู้บริหารแผนฯได้มีการหารือกับเจ้าหนี้มาตั้งแต่ต้น ดังนั้นทางเจ้าหนี้ก็ต้องเห็นชอบกับแผนฯ อยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ในฐานะผู้บริหารลูกหนี้ หากจะคัดค้านแผนฟื้นฟูฯดังกล่าว สามารถทำได้โดยยื่นคำร้องคัดค้านแผนฯต่อศาลล้มละลายกลาง หลังจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ (จพท.) ได้นำแผนฟื้นฟูฯ ดังกล่าวเสนอต่อศาลเพื่อมีคำสั่งรับแผน หลังเจ้าหนี้โหวตรับแผนแล้ว
"ประชัย" เข้าชี้แจงศาลรัฐธรรมนูญ
ขณะเดียวกัน วานนี้ (15 ก.ค.) นายประชัย อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารทีพีไอ ได้เข้าชี้แจงต่อสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ในกรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภาเสนอให้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 198 กรณี พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 90/17 ขัดแย้งกับมาตรา 48 และ 50 ประกอบมาตรา 29
นายไพบูลย์ วราหะไพทูรย์ รองเลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวภายหลังการชี้แจงของนายประชัย ว่า นายประชัยและเจ้าหน้าที่ของ ทีพีไอได้ร่วมกันยกเหตุผลเพื่อแสดงให้เห็นว่ามาตราดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญและได้มีการยกสิทธิในเรื่องการเป็นเจ้าของทรัพย์สิน หลักของการประกอบกิจการโดยเสรีขึ้นมาชี้แจง และในวันที่ 20 กรกฎาคมนี้ จะเป็นการชี้แจงเพิ่มเติมของผู้แทนกระทรวงยุติธรรมในฐานะผู้รักษาการตามพ.ร.บ. ล้มละลาย และพล.อ.มงคล อัมพรพิสิฏฐ์ ประธานคณะกรรมการบริหารแผนฟื้นฟูกิจการทีพีไอ หรือผู้แทน
ด้านนายประสิทธิ์ ปทุมารักษ์ รองคณะกรรมาธิการการคลังการธนาคารและสถาบันการเงิน วุฒิสภา ในฐานะผู้ริเริ่มส่งคำร้อง กล่าวยืนยันว่า การที่นายประชัย ระบุว่า ลูกหนี้ขาดโอกาสในการฟื้นฟูกิจการ ทำให้ให้กมธ. เห็นว่ามาตรา 90/17 น่าจะขัดกับหลักการและเหตุผลในการออกพ.ร.บ. ล้มละลายช่วงแก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 4 พ.ศ. 2541 ซึ่งกรณีดังกล่าวกมธ.ถือว่าเมื่อมีผู้ร้องเรียนก็ต้องทำการศึกษา สืบสวนสอบสวน พิจารณาตามข้อเท็จจริงที่ผู้ร้องเรียนเสนอต่อกมธ.
ขณะที่นายประชัย ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลหลังการเข้าชี้แจงต่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เพียงแต่ระบุสั้นๆ ว่าเป็นการให้ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นและทางศาลได้บันทึกไว้หมดแล้ว
|
|
|
|
|