ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด นครธน ขาย ขาดหนี้เสียให้ บสก. 10,651 ล้านบาท เผยสิ้นเดือน ก.ย.สามารถ สลัดหนี้เน่าได้หมด ก่อนผลักดันพนักงานส่วนนี้เข้ามาทำธุรกิจหลักเสริมความแข็งแกร่งให้แบงก์ ขณะที่ บสก.คาดภายใน 5 ปี คืนเงินให้กองทุนเกิน 30,000 ล้านบาท มั่นใจปีนี้ทำผลงานได้ตามเป้าหมาย ครึ่งปีแรกเรียกเก็บหนี้และจำหน่ายทรัพย์ได้ 3,654 ล้านบาท จากเป้า 6,300 ล้านบาท
นางแอนมารีน เดอร์บิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดนครธน จำกัด (มหาชน) หรือ SCNB เปิดเผยว่า ธนาคารได้ตกลง ขายสินทรัพย์ให้บริษัท บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด หรือ บสก. เพื่อนำไปบริหารจัดการ โดยในเบื้องต้นได้จำหน่ายสินทรัพย์ประเภท NPL จำนวนลูกหนี้ 562 ราย มูลค่า 10,651 ล้านบาท ในราคา 1,431 ล้านบาท (รายละเอียดตามตาราง) ซึ่งเป็นราคาที่ใกล้เคียงกับราคาประเมินของทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย โดยได้ประเมินมูลค่าของกองทรัพย์สินโดยอิสระ รวมทั้งยังสอดคล้องกับการประเมินตามมูลค่าตลาด
ภายหลังขายเอ็นพีแอลให้ บสก.ธนาคารยังมีหนี้อยู่อีก 27,000 ล้านบาท จากยอดหนี้ที่ธนาคารได้เข้ามาบริหารให้กับกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนา ระบบสถาบันการเงิน (FIDF) ตอนที่เข้ามาถือหุ้นในธนาคารนครธน 75% โดยซื้อทรัพย์สินจากธนาคารนครธน เมื่อ 5 ปีที่ผ่านมาจำนวน 39,000 ล้านบาท แต่มูลหนี้ทั้งหมดนี้มีลูกหนี้ปิดบัญชีไปแล้ว 4,000 ล้านบาท สำหรับหนี้ที่เหลือคาดว่าปรับโครงสร้างหนี้ให้แล้วเสร็จตามเงื่อนไขของกองทุนฟื้นฟูภายในสิ้นกันยายนนี้
"หนี้ทั้งหมดของธนาคารแบ่งเป็น 3 ส่วนคือ 1. หนี้ที่ปิดบัญชีไปแล้วประมาณ 10% ของพอร์ตทั้งหมด 2. หนี้ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนดำเนินคดีซึ่งขายให้กับ บสก. คิดเป็น 30% ของพอร์ต และ3.คือหนี้ในส่วนที่ ธนาคารได้ดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ได้แล้วบางส่วนโดยหนี้ที่เหลือซึ่งจะครบสัญญาบริหารหนี้ให้กับกองทุนฯ โดยพนักงานที่รับผิดชอบจัดการบัญชีเหล่านี้จะสามารถไปทำงานในธุรกิจหลักอื่นๆ ของธนาคารได้ ส่งผลให้ธนาคารเติบโตและแข็งแกร่ง ขึ้น" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าว
นายบรรยง วิเศษมงคลชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ กล่าวว่า ภายใน 5 ปีนับจากปี 2547 คาดว่าบสก.จะสามารถคืนเงินให้กับกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนา ระบบสถาบันการเงิน ได้เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 30,000 ล้านบาท จากพอร์ตรวม 41,025 ล้านบาท รวมเม็ดเงินที่กองทุนฟื้นฟูจะได้รับจากบสก.ทั้งสิ้นประมาณ 70,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ล่าสุดได้คืนเงินให้กองทุนฟื้นฟูไปแล้วใน รูปของเงินสด 28,358 ล้านบาท และตั๋วสัญญาใช้เงิน อีก 13,218 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ณ ปัจจุบันบสก. ได้คืนเงินให้กองทุนฟื้นฟูเกินเป้าไปแล้ว 6,093 ล้านบาท
"จากการประเมินสถานการณ์ในขณะนี้ เชื่อว่าภายในอีก 5 ปี นับจากนี้จะสามารถคืนเงินให้กองทุน ฟื้นฟูได้เกิน 30,000 ล้านบาทแน่นอนเนื่องจากบสก. ยังมีทรัพย์ที่ยังต้องบริหารอีกจำนวนมาก ล่าสุดได้เข้า ไปซื้อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือ เอ็นพีแอล จากธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดนครธน มาบริหาร โดยกำหนดชำระเงินเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2547 จำนวน 50% ของราคา 1,431 ล้านบาท ที่เหลืออีก 25% กำหนดจ่ายอีก 3 เดือนข้างหน้าและอีก 3 เดือนถัดไปจะจ่าย อีก 25% สำหรับเงินที่ใช้ในการซื้อเอ็นพีแอลของSCNB ในครั้งนี้ใช้กระแสเงินสดของบริษัทที่มีอยู่"
นายโชคชัย อักษรนันท์ ประธานกรรมการบสก. เปิดเผยว่า สำหรับผลประกอบการใน 6 เดือนแรกของ ปีนี้ สามารถเรียกเก็บหนี้และจำหน่ายทรัพย์รวมทั้งสิ้น 3,654 ล้านบาท รับโอนทรัพย์ชำระหนี้รวม 651 ล้านบาท รวมผลการดำเนินงานทั้งสิ้น 4,305 ล้านบาท ซึ่งนับว่าผลงานในครึ่งปีแรก สามารถดำเนินการได้สูง กว่าเป้าหมาย คิดเป็น 136.67% ของเป้าหมายครึ่งปีแรก และคิดเป็น68.33%ของเป้าหมายทั้งปี โดยเป้าหมายเรียกเก็บหนี้และจำหน่ายทรัพย์ทั้งปีอยู่ที่ 6,300 ล้านบาท แต่ ณ สิ้นพฤษภาคม บสก.มีกำไรสุทธิประมาณ 1,034 ล้านบาท ในขณะที่เป้าหมายทั้งปีตั้งเป้ามีกำไรสุทธิ 1,400 ล้านบาท
"บสก.กำลังพิจารณาว่าจะซื้อทรัพย์จากสถาบันการเงินอื่นมาบริหารอีก โดยจะดูจากกระแส เงินสดหมุนเวียนที่บสก.มีอยู่ และวงเงินกู้ที่ได้รับอนุมัติแล้วจากธนาคารกรุงไทยจำนวน 2,000 ล้านบาทโดยในส่วนนี้สามารถขอเพิ่มวงเงินจากธนาคารกรุงไทยได้อีก แต่ที่ผ่านมาบสก.ก็สามารถบริหารทรัพย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีผลกำไรมาตลอด"
นอกจากนี้แผนงานขายเอ็นพีเอ ของบสก.ก็ยังดำเนินการต่อไป โดยในปีนี้บสก.ได้จัดงานมหกรรมอสังหาริมทรัพย์บสก.เพื่อฉลองครบรอบ 6 ปี ก้าวเข้าสู่ปีที่ 7 ที่โรงแรมโซฟิเทล เซ็นทรัล ลาดพร้าว ในวันที่ 9 ก.ย.นี้ซึ่งคาดว่าจะจำหน่ายทรัพย์ ในงานนี้ได้ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท
|