|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
บลจ.อยุธยาเจเอฟ (AJF) ปลื้ม นักลงทุนสนใจซื้อหน่วยลงทุน "กองทุนรวมอยุธยาสร้างกำไรคุ้มครองเงินต้น" ตั้งเป้าระดมทุนครั้งแรกมากกว่า 1.5 พันล้านบาท
นายเรืองวิทย์ นันทาภิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อยุธยาเจเอฟ ในเครือธนาคารกรุงศรี- อยุธยา เปิดเผยระหว่างการเสนอขายหน่วยลงทุน "กองทุนรวมอยุธยาสร้างกำไรคุ้มครองเงินต้น" ระหว่างวันที่ 5-16 กรกฎาคม ว่า ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างมาก โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนบุคคลธรรมดา
ทั้งนี้ เนื่องจาก "กองทุนรวมอยุธยาสร้างกำไรคุ้มครองเงินต้น" มีนโยบายลงทุนตราสารหนี้ทบดอกเบี้ยประมาณ 90% ของมูลค่ากองทุนฯ ซึ่งนักลงทุนคุ้นเคยกับการลงทุนลักษณะคล้ายกับการลงทุนในสลิปส์-แคปส์ (SLIPS-CAPS) มาบ้างแล้ว
ผลตอบแทนการลงทุนไม่ผูกติดกับการลงทุนในตลาดหุ้น และตลาดตราสารหนี้ การทำความเข้าใจกับนักลงทุนจึงไม่ยุ่งยาก มาก นอกจากนี้ ส่วนที่เหลืออีก 10% ที่จะให้ธนาคารดอยช์แบงก์จาก เมืองเบียร์นำไปลงทุนในตลาดเงินระยะสั้นทั่วโลก ก็มีข้อมูลในอดีตของการลงทุนที่สามารถให้ผลตอบแทนในการลงทุนที่ดีได้
"หลังจากต้องเลื่อนการเสนอขายหน่วยลงทุนฯ หลายครั้ง เนื่องจากกองทุนฯ นี้มีนวัตกรรมทางการเงินที่แปลกใหม่ ทางสำนักงาน ก.ล.ต. จึงต้องใช้เวลาในการพิจารณาอย่างรอบคอบ แต่ เมื่อสามารถทำการเสนอขายระหว่างวันที่ 5-16 กรกฎาคมแล้ว
"ในช่วงแรกของการเสนอขายนี้ ก็ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนค่อนข้างดีมาก โดยเฉพาะนักลงทุนรายย่อย โดยผู้ซื้อหน่วย ลงทุนต้องซื้ออย่างต่ำ 50,000 บาท ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าว่า จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเข้าซื้อลงทุนไม่ต่ำกว่า 1.5 พันล้านบาท" นายเรืองวิทย์กล่าว
สำหรับนโยบายการลงทุนของ "กองทุน รวมอยุธยาสร้างกำไรคุ้มครองเงินต้น" นั้น จะแบ่งเงินประมาณ 90% ลงทุนตราสารหนี้ทบดอกเบี้ย (Zero Coupon Bond) ของ สถาบันการเงิน และบริษัทชั้นนำที่มีอันดับความน่าเชื่อถือ A- ขึ้นไป ที่เหลืออีก 10% จะให้ธนาคารดอยช์แบงก์ นำไปลงทุนในตลาดเงินระยะสั้นทั่วโลกของเงิน 10 สกุลหลัก คือ ดอลลาร์สหรัฐ เงินยูโร เยน ปอนด์สเตอริง สวิสฟรังก์ ดอลลาร์ออสเตรเลีย ดอลลาร์นิวซีแลนด์ ดอลลาร์แคนาดา สวีดิชโครนเนอร์ และแดนิชโครนเนอร์ ซึ่งจะให้ผลตอบแทนสะท้อนอยู่ในดัชนี Dynamic Carry Index (DCI)
ทั้งนี้ ธนาคารดอยช์แบงก์เป็นผู้สร้างกลไกกำหนดว่าจะให้น้ำหนักการลงทุนเงินแต่ละสกุลเท่าไรภายใต้สถานการณ์ต่างๆ ส่วน ลักษณะการทำงานของกองทุนฯ ที่ช่วยคุ้มครองเงินต้น คือเมื่อครบ เวลาลงทุน 4 ปี ส่วนที่ลงทุนตราสารหนี้ทบดอกเบี้ยจะเติบโตเท่าเงินลงทุนแรกเริ่ม ซึ่งผู้ลงทุนสามารถมั่นใจได้ว่า เงินลงทุนจะไม่สูญหายไปไหน และอาจจะพิจารณาจ่ายปันผลปีละไม่เกิน 2 ครั้ง
นายเรืองวิทย์กล่าวต่อว่า กองทุนฯ นี้เน้นสร้างรูปแบบการลงทุนที่มีความแปลกใหม่ เป็นทางเลือกใหม่เพื่อสนองความต้องการ ของนักลงทุนรายย่อย ที่อาจจะไม่สามารถรับความเสี่ยงในการลงทุน ได้มาก จึงต้องมีการสร้างกลไกคุ้มครองเงินต้น
นอกจากนี้ การลงทุนผ่านธนาคารดอยช์แบงก์โดยตรง อาจมีข้อจำกัดในวงเงินขั้นต่ำที่ต้องลงทุนหลายร้อยล้านบาทขึ้นไป ทั้งนี้ เมื่อนักลงทุนมีความมั่นใจในการลงทุนลักษณะนี้มากขึ้น ก็อาจจะพิจารณาเปิดกองทุนใหม่ ที่ปรับเพิ่มอัตราส่วนการลงทุน ที่ให้ธนาคารดอยช์แบงก์นำไปลงทุนในตลาดเงินระยะสั้นทั่วโลก
"นักลงทุนที่มีความต้องการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน มี ความต้องการเครื่องมือการลงทุนใหม่ๆ ที่มีความปลอดภัย ขณะเดียวกัน ก็ต้องการผลตอบแทนที่ดี และหลีกเลี่ยงผลกระทบทางลบจากความผันผวน "กองทุนรวมอยุธยาสร้างกำไรคุ้มครองเงินต้น" จึงเป็นทางเลือกที่ดีอีกทางหนึ่งที่ถือว่ามีความโดดเด่น แตกต่างจาก กองทุนรวมอื่นๆ ที่เคยมีมา" นายเรืองวิทย์กล่าว
|
|
|
|
|