Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ เมษายน 2541








 
นิตยสารผู้จัดการ เมษายน 2541
เปิดศักราชใหม่มอเตอร์โชว์ 'ปราจิน' แม้เจ็บตัวแต่ก็ภูมิใจ             
 


   
search resources

ปราจิน เอี่ยมลำเนา
Vehicle




ภายใต้สภาพการณ์ของอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยที่บอบช้ำ แต่ ปราจิน เอี่ยมลำเนา โต้โผใหญ่ของกรังด์ปรีซ์ ก็ยังต้องแสดงบทบาทเยี่ยงผู้นำของวงการงานแสดงรถยนต์ของไทยอย่างเลี่ยงไม่ได้

บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ครั้งที่ 19 แม้ต้องยอมควักเนื้อหลายสิบล้านบาท แต่ปราจินก็หวังว่างานครั้งใหม่ ภายใต้สถานที่แห่งใหม่ที่พร้อมกว่า จะมีส่วนช่วยพลิกฟื้นสถานการณ์และสร้างสีสันได้ระดับหนึ่ง

"เราเข้าใจสถานการณ์ทางเศรษฐกิจดี แต่ก็ยังยึดมั่นในเจตนารมณ์ที่จะจัดงานให้ยิ่งใหญ่และเป็นหน้าตาของประเทศ และแม้เศรษฐกิจจะมีปัญหา แต่เราก็ยังได้รับความร่วมมือจากบริษัทรถยนต์ที่ร่วมเดินทางมากับเราตั้งแต่ยุคแรกๆ ซึ่งบริษัทเหล่านั้นมีนโยบายการลงทุนและมองการตลาดในระยะยาว จึงพร้อมที่จะก้าวไปกับเรา ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้งานครั้งนี้มีความคึกคักไม่ต่างจากทุกปีที่ผ่านมา" ปราจิน กล่าวอย่างมั่นใจ

มอเตอร์โชว์ครั้งที่ 19 นี้ได้มีขึ้นตั้งแต่วันที่ 1-9 เมษายนที่ผ่านมา ด้วยรูปแบบงานที่สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ และมุ่งหวังจะยกระดับมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ด้านยานยนต์ในไทย แม้สองค่ายรถยนต์ระดับบิ๊กของไทยอย่างนิสสัน และมิตซูบิชิจะไม่เข้าร่วมงานโชว์รถก็ตาม

ประเด็นหนึ่งที่ชัดเจนก็คือ การจัดการประกวดและให้รางวัลสำหรับรถยนต์ที่มีคุณภาพ ทั้งผลิตภัณฑ์และงานบริการอย่างครบวงจร ในนามของ คาร์ ออฟ เดอะ เยียร์ ซึ่งการจัดประกวดนี้ ทีมงานได้จัดพื้นที่ส่วนกลางไว้โชว์รถยนต์ที่ส่งเข้ามาร่วมการประกวด ซึ่งตอบรับมาแล้วทุกยี่ห้อ โดยการตัดสินใจนั้นทีมงานกล่าวว่า มีการลงคะแนนและพิจารณาจากหลายส่วน ทั้งจากผู้เข้าชมงาน จากผู้สื่อข่าว และคณาจารย์ด้านวิศวกรรมยานยนต์จากหลายสถาบันของไทย

การประกวดรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปีนั้น เกิดขึ้นครั้งหนึ่งในอดีตเมื่อปี 2527 แต่หลังจากนั้นการจัดการประกวดเช่นนี้ก็ต้องยกเลิกไป ด้วยความไม่พร้อมในหลายด้าน แต่การเริ่มต้นครั้งใหม่ในงานมอเตอร์โชว์ครั้งที่ 19 นี้ ทีมงานหวังว่า นับจากนี้ตำแหน่งรถยนต์ยอดเยี่ยมจะต้องมีควบคู่ไปกับการจัดงานมอเตอร์โชว์ และจะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่จะยกระดับมาตรฐานของผลิตภัณฑ์รถยนต์ในไทย

ปราจินกล่าวยืนยันว่ามอเตอร์โชว์ครั้งนี้จะมีความยิ่งใหญ่กว่าที่ผ่านมาอย่างมาก ด้วยความพร้อมของพื้นที่ที่กว้างขวางกว่าหลายเท่าตัว และเหมาะสมอย่างยิ่งในการจัดงานโชว์รถระดับนานาชาติ

ทั้งนี้ เฉพาะพื้นที่จัดแสดงรถยนต์ในศูนย์แสดงสินค้า "ไบเทค" ต้นถนนบางนา-ตราด จะมีมากถึง 38,000 ตารางเมตร ซึ่งประมาณอย่างคร่าวๆ จะใหญ่กว่าพื้นที่เดิม ณ สวนอัมพรราว 3-4 เท่าตัว และจะว่าไปแล้วด้วยพื้นที่ขนาดนี้ มอเตอร์โชว์ครั้งนี้อาจเทียบเท่ากับงานโชว์รถระดับโลกอย่างโตเกียว มอเตอร์โชว์ หรือแฟรงเฟิร์ต มอเตอร์โชว์ เลยทีเดียว

"การที่เราย้ายมาใช้สถานที่ที่ศูนย์ไบเทค ทำให้ต้องลงทุนเพิ่มเป็นประมาณ 160 ล้านบาท แต่จากการประเมินคร่าวๆ จะสามารถเก็บค่าเช่าพื้นที่ได้ประมาณ 100 ล้านบาท ทำให้บริษัทต้องรับภาระต้นทุนในส่วนที่เพิ่มขึ้นมา แต่ขณะนี้ทางไบเทคได้ตัดสินใจลดค่าเช่าให้กับทางเราแล้วราว 30% เนื่องจากเห็นใจในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้เรากับไบเทคนั้นถือได้ว่าลงเรือลำเดียวกันแล้ว ดังนั้นไบเทคจะต้องสนับสนุนให้งานมอเตอร์โชว์ครั้งนี้ประสบความสำเร็จ เพื่องานในระยะยาวต่อไป" ปราจินกล่าว

นอกจากความพยายามของปราจินที่จะกระตุ้นความคึกคัก ให้เกิดกับงานแสดงรถยนต์แห่งชาติครั้งนี้แล้ว ในส่วนของบริษัทรถยนต์เองก็มีความน่าสนใจไม่น้อย เพราะหลายค่ายไม่ใช่เข้าร่วมงานอย่างขอไปทีเท่านั้น แต่จะเป็นการประลองกำลังและศักดิ์ศรีกันทีเดียว

ที่ชัดเจนและสมน้ำสมเนื้อกันที่สุดในยุคนี้คงหนีไม่พ้นคู่ศึกอย่างโตโยต้ากับฮอนด้า

โดยโตโยต้าได้ทุ่มทุนหลายสิบล้านบาทเช่าพื้นที่ถึง 1,400 ตารางเมตร เพื่อจัดพื้นที่แสดงรถยนต์ครั้งนี้ให้เหมือนเทียบเท่ากับบูธโตโยต้า ในงานโตเกียวมอเตอร์โชว์เลยทีเดียว นอกจากนี้โตโยต้ายังขนรถยนต์ต้นแบบมาโชว์อีกมาก อาทิ PRIUS, FUNCOUPE และ FCEV

สำหรับฮอนด้า เดิมนั้นจองพื้นที่ไว้เพียง 500 ตารางเมตร แต่ที่สุดได้ตัดสินใจขอเพิ่มพื้นที่เป็น 1,000 ตารางเมตร ทั้งนี้ผลมาจากการที่นิสสันและมิตซูบิชิไม่ได้เข้าร่วมงานฮอนด้า จึงพลิกนโยบายประหนึ่งการได้จังหวะก็ต้องรีบฉวยสถานการณ์ อีกด้านหนึ่งก็เพื่อสร้างบารมีไม่ให้น้อยหน้าโตโยต้าเกินไปนัก และเช่นกันการนำรถยนต์ต้นแบบมาโชว์ ฮอนด้าก็ทุ่มเทอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น JWX และ JUX

นอกจากการประลองกำลังและสร้างบารมีเหนือคู่แข่งของสองขุนศึกสำคัญแล้ว

ยักษ์ใหญ่จากอเมริกาอย่างไครสเลอร์ ก็ได้ถือเอางานนี้เพื่อเปิดตัวบริษัทร่วมทุนครั้งใหม่ เพื่อการสร้างสรรค์ตลาดในไทยครั้งยิ่งใหญ่ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง

ยังมีสีสันอีกมากหลายในงานประเดิมการโชว์รถ ณ ศูนย์ไบเทคแห่งนี้

อย่างไรก็ดี หากว่าการแสดงรถยนต์คราวนี้ไม่ประสบความสำเร็จในด้านยอดจำหน่าย ซึ่งมีความเป็นไปได้สูง แต่นั่นก็ไม่น่าจะใช่ประเด็นสำคัญในห้วงเวลา

เพราะครั้งนี้ ปราจิน หวังเพียงการสร้างปรากฏการณ์ใหม่ และ ต้องการฉีกหนีความซ้ำซากจำเจ เพื่ออนาคตอีกไม่ไกลต่างหาก

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us