ปี 48 กลุ่มแบงก์อาจเดินพาเหรดเพิ่มทุนใหญ่อีกครั้ง รองรับภาคอุตสาหกรรมขยายการลงทุนตามภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวต่อเนื่อง เตรียมขออนุมัติบอร์ดล่วงหน้า ด้านกรุงไทยนำร่องออกหุ้นกู้ก่อน 10,000 ล้านบาท เดือน ต.ค.เสนอดอกเบี้ยลอยตัวอายุ 10 ปี ส่วนยอดสินเชื่อครึ่งปีแรกโตเกินเป้า ครึ่ง ปีหลังเหยียบเบรกเน้นคุณภาพ

นายวิโรจน์ นวลแข กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารพาณิชย์ในระบบอาจต้องมีการเพิ่มทุนอีกครั้งในปีหน้า เพื่อรองรับกับการปล่อยสินเชื่อให้กับภาคอุตสาหกรรมเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมได้ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เพราะเวลานี้กำลังการผลิตภาคอุตสาหกรรมได้เพิ่ม ถึงร้อยละ 75 แล้วและน่าจะมีสัญญาณถึงการลงทุนใหม่เพิ่ม โดยเฉพาะอุตสาหกรรม พลังงานไฟฟ้าที่มีกำลังการผลิตเกือบเต็มร้อยละ 100 และท่องเที่ยว ในขณะที่การ ลงทุนภาครัฐจะมีอีก 5-6 แสนล้านในอีก 2 ปีข้างหน้า ทำให้ธนาคารต้องพิจารณา การเพิ่มทุน ซึ่งขณะนี้ธนาคารได้เตรียมการแล้ว โดย จะมีการออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิเพื่อเพิ่มเงินกองทุนขั้นที่สองอีกประมาณ 1 หมื่นล้านในเดือนต.ค. นี้ อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยลอยตัว เพื่อลดความเสี่ยง

"แนวโน้มการเพิ่มทุนของธุรกิจเอกชนจะชัดเจนหลังเดือนก.ย.นี้เพราะจะเริ่มเห็นความชัดเจนทางการเมืองว่าใครจะเข้ามาจัดตั้ง รัฐบาลโดยเชื่อว่าหากการเติบโตของเศรษฐกิจในปีนี้ระดับร้อยละ 5-6 ถือว่าเป็นระดับที่เหมาะสมแต่หากปีต่อไปเศรษฐกิจโตเกินร้อยละ 8 อาจกดดันให้ธนาคารต้องเพิ่มทุนตามได้ซึ่งเป็นการเพิ่มเพื่อให้กู้ต่อลูกค้าระดับกลางและระดับย่อยเป็นหลักแนวโน้มปีหน้าเชื่อว่าภาพรวม เศรษฐกิจไทยจะดีขึ้น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมด้านพลังงานและการท่องเที่ยว ที่มีแนวโน้มต้อง มีการลงทุนใหม่เพิ่ม สำหรับบริษัทขนาดใหญ่นั้นมีตลาดทุนรองรับได้ และได้ต้นทุนทางการเงินที่ถูกกว่าและได้ระยะยาวกว่า 5 ปี ซึ่งหากเกินกว่า 5 ปีนั้นภาคธนาคารไม่สามารถให้ได้ เนื่องจากอาจไม่คุ้ม"

นายวิโรจน์ กล่าวถึงการปล่อยสินเชื่อ ของธนาคารในช่วงครึ่งปีแรกว่าธนาคารปล่อยอนุมัติสินเชื่อไปกว่า 1แสนล้านบาท โดยมี การเบิกจ่าย 6-7 หมื่นล้านบาท ซึ่งรวมถึงบางส่วนที่มีการชำระหนี้คืนแล้ว ทั้งนี้การปล่อยสินเชื่อของธนาคารในครึ่งปีหลังจะยังคงปล่อยเพิ่มแต่จะมีอัตราที่ลดลงเพราะสัดส่วนระหว่างการปล่อยสินเชื่อกับกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงมีจำกัดทั้งนี้ธนาคารยังเหลือสภาพคล่องจากตั๋วสัญญาใช้เงินของบริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิทอีก 1.5 แสนล้านบาท เพื่อใช้ปล่อยสินเชื่อ

แนวทางในครึ่งปีหลังจึงเน้นคุณภาพ มากกว่าและหันมาเน้นลูกค้ารายย่อยแทน โดยนำพอร์ตสินเชื่อรายใหญ่มาทำซีเคียวรีไทน์ หรือการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ ซึ่งจะเริ่มดำเนินการได้ประมาณไตรมาสสี่เป็นต้นไป เงินทุนที่ได้ดังกล่าวจะนำไปปล่อยสินเชื่อ ทั้งนี้เพื่อให้เข้ากับมาตรฐานการดำรงเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงตามเกณฑ์ของบาร์เซล 2 ที่จะใช้ในปี 2548

แหล่งข่าวจากธนาคารพาณิชย์กล่าวว่า ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่หลายแห่งได้ขออนุมัติวงเงินการออกหุ้นเพิ่มทุนและตราสารหนี้เพื่อระดมทุนในการขยายธุรกิจไว้ล่วงหน้า เช่น ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย และธนาคาร กรุงศรีอยุธยา โดยผู้บริหารทุกแห่งต่างให้เหตุผลว่ายังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มทุนขณะนี้ เพราะมีเงินกองทุนที่แข็งแกร่งเพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจ แต่ขออนุมัติเตรียมไว้สำหรับนโยบายที่ต้องการเร่งขยายอัตราการเติบโตของธุรกิจอย่างก้าวกระโดด