Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน5 กรกฎาคม 2547
124 เตรียมเข้าตลาด MAI ปีหน้า             
 


   
www resources

124 Communications Home Page

   
search resources

ตลาดหลักทรัพย์ใหม่ - MAI
124 คอมมิวนิเคชั่นส์, บมจ.
นิมิตร หมดราคี
Advertising and Public Relations




124 คอมมิวนิเคชั่นส์เตรียมเข้าระดมทุนใน MAI ปีหน้า เป็นบริษัทพี/อาร์รายแรกในตลาดทุนไทย มุ่งหวังขยายธุรกิจให้ขยายตัวต่อเนื่อง ตั้งเป้าปีนี้กวาดรายได้ 100 ล้านบาท ขณะที่ปีหน้าไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท

นายนิมิตร หมดราคี กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท 124 คอมมิวนิเคชั่นส์ เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ใหม่หรือ MAI ภายในปี 2548 นี้ เนื่องจากต้องการ ที่จะขยายธุรกิจให้เติบโตมากยิ่งขึ้น โดยปัจจุบันนี้ บริษัทมีทุนจดทะเบียน 2 ล้านบาท ดังนั้นเมื่อจะเข้าจดทะเบียนในตลาดเอ็มเอไอจะต้องเพิ่มทุนให้มีทุนจดทะเบียนอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาทตามเกณฑ์ที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนดไว้ ซึ่งจะถือเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์รายแรกในตลาดหุ้นของไทย

ทั้งนี้ บริษัท 124 คอมมิวนิเคชั่นส์ก่อตั้งในปี 2532 จนถึงปัจจุบันนี้เป็นเวลา 15 ปีแล้วปรากฏ ว่ามีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาประเทศไทยจะประสบปัญหาเกี่ยวกับการ ที่อิรักบุกคูเวต และไทยต้องกู้ยืมเงินจากกองทุน การเงินระหว่างประเทศ(IMF) แต่ในส่วนของบริษัทก็สามารถผ่านพ้นช่วงเวลาดังกล่าวได้ เนื่อง จากบริษัทจะมุ่งทำธุรกิจในสิ่งที่มีความชำนาญมากที่สุด

"โครงสร้างการถือหุ้นของบริษัทนั้น ช่วงแรกที่ก่อตั้งบริษัทมีผมถือหุ้น 48% และคุณ สุพรทิพย์ ช่วงรังษี ถือหุ้น 52% แต่เมื่อไม่นานมานี้ คุณสุพรทิพย์ก็ต้องการพักผ่อนจึงได้ขายหุ้นออกมาให้ผมทั้งหมด ดังนั้นผมจึงถือ 100% ซึ่งต่อมาได้มีนักลงทุนคนหนึ่งซึ่งเป็นคนที่รู้จักกัน และมีความเชื่อมั่นในการทำงานของผม พร้อมที่จะนำเงินเข้ามาลงทุน โดยที่จะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยว กับการบริหารงานแต่อย่างใด ซึ่งได้เข้ามาเป็นพันธมิตร โดยเข้ามาซื้อหุ้นในสัดส่วน 50%" นายนิมิตรกล่าว

ปัจจุบันนี้บริษัทฯไม่มีหนี้เงินกู้แต่อย่างใด และมีกระแสเงินสดอยู่ประมาณ 20 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นข้อดีของบริษัทและเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้พันธมิตรสนใจเข้ามาถือหุ้น
กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท 124 คอมมิวนิเคชั่นส์ กล่าวต่อว่า ผลประกอบการของบริษัทมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2545 มีรายได้ 62 ล้านบาทในปี 2546 มีรายได้ 83 ล้านบาท และในปี 2547 ได้ตั้งเป้าว่าจะมีรายได้ประ-มาณ 100 ล้านบาทซึ่งในครึ่งปีแรกสามารถทำได้ แล้วประมาณ 50 ล้านบาท และเชื่อว่าจะสามารถ ทำได้ตามเป้าหมายหรืออาจจะมากกว่านั้น ส่วนในปีหน้าคาดว่าจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท

"ในครึ่งปีแรก 2547 นี้บริษัทมีรายได้ประมาณ 50 ล้านบาท และทั้งปีเชื่อว่าไม่ต่ำกว่า100 ล้านบาท ซึ่งโครงสร้างรายได้ของบริษัทจะมา จากลูกค้าที่ทำสัญญาระยะยาวเป็นปีซึ่งมีอยู่ 32 ราย เช่น บริษัทเอไอเอส, สามารถคอร์ปอเรชั่น, ภัทรลิสซิ่ง เป็นต้น ซึ่งคิดเป็น 80% ของรายได้ทั้งหมด ส่วนที่เหลือจะเป็นรายได้จากลูกค้าจรที่มาใช้บริการเป็นบางครั้งเมื่อจะจัดงาน" นายนิมิตร กล่าว

สำหรับกลุ่มลูกค้าของบริษัทนั้นแยกเป็นประเภทประกอบด้วย กลุ่มสารสนเทศ และโทรคมนาคม เป็นสัดส่วนรายได้ 30% กลุ่มการเงินและบริการทางการเงิน เป็นสัดส่วนของรายได้ 40%, กลุ่มอุตสาหกรรม 10%, กลุ่มรถยนต์ 5%, กลุ่มบันเทิงและสันทนาการ 5% และกลุ่มสินค้าแบรนด์เนม และแฟชั่น 10%

นอกจากนี้ บริษัทยังเน้นการประชาสัมพันธ์ ให้กับบริษัทใหม่ที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาด หลักทรัพย์ (IPO) เพราะพิจารณาเห็นว่านโยบาย ของรัฐบาลที่จะผลักดันให้บริษัทเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มากขึ้น โดยในส่วนของบริษัทได้ดำเนินการมาแล้ว 3 ปีซึ่งก็ได้รับความร่วมมือจากบริษัทหลักทรัพย์ต่างๆ ซึ่งถือเป็นบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินรายใหญ่และมีลูกค้าจำนวนมาก เช่น บล.เอเซีย พลัส, บล.ซีมิโก้, บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย), บล.ทิสโก้, บล.ฟินันซ่า, บล.เคจีไอ(ประเทศไทย) และบล. ทิสโก้ เป็นต้น

ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทมีลูกค้าที่สนใจ จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แล้ว 10 บริษัทและเชื่อว่าทั้งปีน่าจะมีลูกค้าประมาณ 20 บริษัทโดยรายได้จากส่วนนี้คิดเป็น 30-40% ของรายได้รวมของบริษัท

ปัจจุบันนี้บริษัทมีพนักงานทั้งหมด 40 คนและจากการที่บริษัทมีแผนที่จะขยายธุรกิจให้เติบ โตมากขึ้น จึงเตรียมที่จะรับพนักงานเพิ่มขึ้น อีกจำนวนประมาณ 8 คนโดยทรัพย์สินของบริษัท คือพนักงาน ดังนั้น บริษัทจึงได้พยายามหาคนที่ดี ที่สุดเข้ามาร่วมงาน ขณะเดียวกันก็มีการฝึกอบรม พนักงานใหม่ๆ ให้มีความสามารถมากยิ่งขึ้น

สำหรับจุดเด่นของบริษัทนั้น มีบริษัทพันธมิตรจากต่างประเทศ คือบริษัท FLEISHMAN HILLARD ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจประชาสัมพันธ์ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก และยังมีบริษัท KETCHAM ซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 8 ของโลก โดยทั้ง 2 บริษัทนี้จะมีการแนะนำลูกค้าต่างประเทศที่มาลงทุนหรือมาจัดกิจกรรมในประเทศไทยให้มาใช้บริการกับบริษัท ขณะเดียวกัน ถ้ามีบริษัท ของไทยที่จะไปขายหุ้นต่างประเทศหรือไปแนะนำ ข้อมูล(โรดโชว์)บริษัท 124 คอมมิวนิเคชั่นส์ก็จะ แนะนำให้ไปใช้กับบริษัทพันธมิตรทั้ง 2 เช่นกัน   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us