|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
SCCC ยอมรับการปรับลดตัวเลขเศรษฐกิจ ส่งผลกระทบต่อธุรกิจซีเมนต์ ทำให้การเติบโตลดลงจาก 10% เหลือ 8% พร้อมออกสินค้าใหม่ทำตลาด หวังดันส่วนแบ่งตลาดเพิ่มเป็น 30% ขณะที่ "นครหลวงคอนกรีต" เร่งเพิ่มกำลังผลิต ปีนี้ขยาย Plant อีก 3 แห่ง และเพิ่มอีก 3 แห่งในปี48 หวังชิงส่วนแบ่งตลาดเพิ่มจาก 9% ให้เท่ากับบริษัทแม่
นางจันทนา สุขุมานนท์รองประธานบริหาร บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) (SCCC) เปิดเผยว่า แม้อุตสาหกรรมโดยรวมของเศรษฐกิจในประเทศ ที่มีความต้องการใช้ซีเมนต์และคอน กรีตยังมีอีกมาก ตามนโยบายการขยายตัวด้านสาธารณูปโภคของรัฐที่อนุมัติในหลายโครงการ โดยเฉพาะสนามบินหนองงูเห่า ที่ดำเนินการก่อสร้าง เป็นระยะ ๆ แล้ว แต่การปรับลดตัวเลขเศรษฐกิจลงจาก 7-8% เหลือ 6-7% เนื่องจากมีปัจจัยหลายอย่างมากระทบ
"เราเชื่อมั่นว่า แม้ตัวเลขอัตราการเติบโตของธุรกิจซีเมนต์ปกติจะอยู่ที่ 10% แต่หลังจากปรับตัวเลขเศรษฐกิจหรือจีดีพีเหลือเพียง 6-7% ทำให้ธุรกิจซีเมนต์ปรับอัตราการเติบโตลงเหลือ 8% เท่านั้น อีกทั้งได้รับผลกระทบจากราคาเหล็กที่เพิ่มสูงขึ้น โรคระบาดไข้หวัดนก เหล่านี้มีส่วนทำให้ตัวเลขหดลง"
อย่างไรก็ตาม SCCC ยังหวัง ที่จะชิงส่วนแบ่งตลาดเพิ่ม จากปัจจุบันที่มีอยู่ประมาณ 28% เพิ่มเป็น 30% ได้ปีนี้ ขณะที่มูลค่าตลาด รวมในปัจจุบันอยู่ที่ 45,000 ล้านบาท แม้ภาวะการแข่งขันจะรุนแรงในเรื่อง ของราคาขาย แต่ความแตกต่างของ ตัวสินค้าที่เพิ่มความหลากหลายและสะดวกง่ายต่อการใช้ น่าจะได้รับความนิยมจากลูกค้ามากกว่า
นางจันทนากล่าวว่า จากต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น ทั้งค่าไฟและน้ำมันที่ถือว่าต้นทุนจากส่วนนี้คิดเป็น 70 % ของต้นทุนการผลิต แต่บริษัทยังยืนยันว่าจะไม่มีการปรับราคาปูนซีเมนต์ขึ้นอีกในปีนี้ หลังจากช่วงที่ผ่านมาผู้ประกอบการได้ปรับราคาขึ้นมาที่ 10% แล้ว เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อผู้บริโภค
นายศิวะ มหาสันทะ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท นครหลวงคอนกรีต จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ SCCC กล่าวว่า ตลาดคอนกรีตผสมเสร็จในปีนี้มีการเติบโตประมาณร้อยละ 25 โดยมีปริมาณการใช้คอนกรีต 18.75 ล้านลูกบาศก์เมตร เนื่องจากยังมีการก่อสร้างที่อยู่อาศัย เพราะบ้านจัดสรรยังมีความต้องการต่อเนื่อง อีกทั้งการลงทุนในโครงการต่าง ๆ ของรัฐบาลและการก่อสร้างโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมของต่างชาติพบว่ายังต้องการคอนกรีต
โดยเฉพาะการก่อสร้างโรงงาน ในนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด ที่เติบโตจากการเข้ามาลงทุนของต่าง ชาติ อย่างไรก็ตาม การเติบโตของตลาดคอนกรีตผสมเสร็จจะเกิดการ ชะลอตัวโดยมีการขยายตัวประมาณ ร้อยละ 6-7 ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังตั้งเป้า ไว้ว่าในอนาคตจะชิงส่วนแบ่งตลาดให้เพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีอยู่ 9% ให้ได้เท่ากับบริษัทแม่ที่ 28% ด้วยการเร่งเพิ่มกำลังการผลิต โดยปีนี้ บริษัทจะเพิ่ม Plant อีก 3 แห่งในช่วงปลายปี ตั้งอยู่ที่อีสเทิร์นซีบอร์ด และปี 48 จะขยายในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล คาดว่าจะใช้เงินทุนแห่งละ 30 ล้านบาท โดยการสร้างPlant แต่ละแห่งนั้นจะต้องเอื้อต่อการจำหน่ายและอยู่ใกล้กับลูกค้าที่ต้องการใช้ เพื่อให้เกิดความสะดวก และง่ายต่อการขนส่ง รวมทั้งคิดค้น ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ให้เป็นที่พอใจของ ลูกค้าด้วย และการเพิ่มกำลังการผลิต ดังกล่าว ทำให้ยอดขายของนครหลวง คอนกรีตเพิ่มขึ้น 20% และปริมาณการผลิตที่เพิ่ม 150,000 คิวบิกเมตร
ล่าสุด ได้เปิดตัว ผลิตภัณฑ์ปูนซีเมนต์ผสม "อินทรีปูนเขียว" ที่ง่ายต่องานฉาบ ก่อและเทคอนกรีตทั่วไป ที่เป็นงานขนาดเล็กต่าง ๆ ซึ่งคาดว่าจะจำหน่ายได้ปีละ 300,000 ตัน เป็นสินค้าที่ออกมาตีตลาดในผลิตภัณฑ์ที่ราคาต่ำ และคาดว่าจะมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อสนองกับความต้องการลูกค้า
นอกจากนี้ บริษัทยังได้ทุ่มงบ 300 ล้านบาท ติดตั้งระบบ SAP R/3 ซึ่งเป็นระบบที่ใช้ในการควบคุมการดำเนินงานต่าง ๆ ในองค์กร เพื่อให้ประสิทธิภาพของการบริหารงานดีขึ้น โดยบริษัทตั้งความหวังจะเป็นผู้นำอุตสาหกรรมคอนกรีตผสมเสร็จที่ดีที่สุดและจะเป็นช่องทางการจัดจำหน่ายที่มีศักยภาพเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับปูนซีเมนต์นครหลวง
พร้อมกันนี้ SCCC ได้เปิดตัวผู้บริหารคนใหม่จากกลุ่มโฮลซิม กรุ๊ป ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่เป็น ผู้ถือหุ้นรายใหญ่รายหนึ่งของบริษัท คือนายลีโอ มิทเทลโฮเซอร์ ตำแหน่งประธาน คณะผู้บริหารและกรรมการผู้จัดการคนใหม่ แทนคนเก่า พร้อมแต่งตั้งให้นางจันทนา สุขุมานนท์ เป็นรองประธานบริหาร (การตลาดและการขาย) นายวันชัย โตสมบุญรองประธานบริหาร(กิจการสระบุรี)
|
|
|
|
|