|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
BGH เล็งลงทุนในเมืองจีนก่อนขยายให้ครอบคลุมประเทศในแถบเอเชีย เร่งขยายโรงพยาบาลในเครือให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ดันส่วนแบ่งตลาดเพิ่ม ศึกษาการนำโรงพยาบาลในเครือรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ปี48 ตั้งเป้ารายได้ 13,000 ล้านบาท กำไรโต 10%
นายแพทย์พงษ์ศักดิ์ วิทยาการ ประธานผู้อำนวยการ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) (BGH) ผู้บริหารโรงพยาบาลกรุงเทพ เปิดเผยแผนการขยายธุรกิจภายหลังการควบรวมกิจการว่า หลังจากนี้จะเร่งขยายโรงพยาบาลในเครือให้ครอบคลุมพื้นที่เป้าหมาย คือ โรงพยาบาลในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ ในลักษณะเข้าไปร่วมทุน เหมือนกับที่เคยร่วมทุนด้วยการเข้าถือหุ้นในโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ตและกรุงเทพหาดใหญ่มาแล้ว ก่อนที่จะไล่ซื้อกิจการด้วยการซื้อหุ้นทั้งหมดในเวลาต่อมา
ทำให้ขณะนี้มีโรงพยาบาลในเครือโรงพยาบาลกรุงเทพกระจายอยู่เกือบทั่วทุกภาคของประเทศไทย ทั้งภาคกลาง ภาคใต้ และภาคตะวันออกเหลือเพียงภาคอีสานและภาคเหนือเท่านั้นที่ยังไม่มีซึ่งหลังจากนี้จะขยายเครือข่ายในส่วนที่เหลือเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกัน ก็เตรียมขยายไป สู่ต่างประเทศ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ บริษัทได้เปิดคลินิกที่เสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา ซึ่งได้รับการตอบรับ ดีมาก เพราะลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาว ญี่ปุ่น ที่มักจะเข้าไปใช้บริการของคลินิกนี้ ส่วนการรุกเข้าไปจีนตอนใต้นั้น ถือเป็นการไปลงทุนในรูปแบบโรงพยาบาลเป็นครั้งแรก ซึ่งต้องศึกษารายละเอียดให้ดีก่อนเข้าไปลงทุน
นายแพทย์พงษ์ศักดิ์กล่าวต่อว่า หลังจากการรวมกิจการครั้งนี้แล้วเสร็จ ซึ่งคาดว่าดีลนี้จะจบลงได้ในเดือนตุลาคม หลังจากนั้นจะศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการนำมารวมเป็นหนึ่งเดียวกัน รวมทั้งการศึกษาที่ขยายการลงทุนไปในต่าง ประเทศด้วย โดยปกติจะขยายโรงพยาบาลปีละ 2 แห่ง และปี 48 บริษัทจะสร้างโรงพยาบาลใหม่อีก 2 แห่ง จะใช้ทุนประมาณ 300 ล้านบาท
ส่วนในต่างประเทศจะขยายปีละ 2 แห่งเช่นกัน ซึ่งอาจเป็นการสร้างใหม่หรือเข้าไปซื้อกิจการที่ดำเนินการอยู่แล้ว โดยการลงทุน BGH จะถือมากกว่า 50% ส่วนเงินที่จะซื้อกิจการนั้นอาจใช้เงินกู้และเงินทุนหมุนเวียนอย่างละครึ่ง ซึ่งโรงพยาบาลที่สร้างใหม่หรือลงทุนใหม่จะมีขนาด 100 เตียง ปัจจุบันที่บริษัทมีสินทรัพย์ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท มีกระแสเงินสดประมาณ 2 พันล้านบาท
ขณะที่โรงพยาบาลสมิติเวชจะมีการลงทุนในโรงพยาบาลทางภาคเหนือ นอกจากจะรองรับลูกค้าในจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย แล้วจะเป็นการกรุยทางเพื่อรองรับลูกค้าทางประเทศจีนตอนใต้ด้วย เนื่องจากการเดินทางเข้ามาในประเทศไทยจะสะดวกกว่าเดินทางไปในเมืองใหญ่ที่อยู่ใกล้ที่สุดของจีน
ซึ่งขณะนี้กำลังศึกษาว่าการเข้าไปลงทุนในจีนนั้น จะใช้แบรนด์ใด อาจเป็นแบรนด์ของโรงพยาบาลกรุงเทพหรือสมิติเวชก็ได้ โดยการไปลงทุนที่จีนนั้น ถือเป็นการบุกเบิก ตลาดต่างประเทศ ก่อนที่จะขยายไป ยังประเทศอื่น ๆ ในเอเชียให้ครอบคลุม
ภายหลังการควบรวมกิจการระหว่างกลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพ และโรงพยาบาลสมิติเวชเข้าด้วยกันแล้ว จะทำให้โรงพยาบาลในเครือโรงพยาบาลกรุงเทพมีถึง 13 แห่ง โดยโรงพยาบาลแต่ละแห่งมีเป้าหมายแตกต่างกัน จะไม่มีการแย่งลูกค้ากันเอง ซึ่งการรวมกิจการกัน จะทำให้เกิดความแข็งแกร่ง เนื่องจากธุรกิจโรงพยาบาลมีการแข่งขันรุนแรงขึ้นกว่าแต่ก่อนนี้มาก ขณะเดียวกันก็มีการขยายตัวมากขึ้นด้วย
ทั้งนี้ โรงพยาบาลแต่ละแห่งจะไม่มีการแย่งลูกค้าระหว่างกัน เพราะจุดเด่นของแต่ละโรงพยาบาลแต่ละแบรนด์จะมีลูกค้าคนละกลุ่มเป้าหมาย เจาะตลาดเป้าหมายต่างกัน และโอกาสในการขยายธุรกิจยังมีอีกมาก เนื่องจากปัจจุบันอัตราของเตียงต่อจำนวนผู้ป่วยยังต่ำ โดยอยู่ที่ 450 คนต่อ 1 เตียง ซึ่งไม่เพียงพอเมื่อเทียบกับการเติบโตของจีดีพี เพราะต้องโตเป็น 2 เท่าของจีดีพี
เพราะไทยถือว่าเป็นประเทศที่เจริญแล้ว อัตราของเตียงต่อจำนวน ผู้ป่วยควรจะอยู่ที่ระดับ 300 คนต่อ 1 เตียง ดังนั้น โอกาสในการทำธุรกิจยังมีอีกมาก เพราะมูลค่าทางการตลาดของธุรกิจโรงพยาบาลอยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันส่วนแบ่งทางธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนของโรงพยาบาลกรุงเทพมีประมาณ 15% จากเดิมที่บริษัทมีส่วนแบ่งทาง การตลาดเพียง 6% และคาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นในปีหน้า หลังจากการควบรวมกิจการเสร็จ
สำหรับปีนี้ BGH ตั้งเป้ารายได้ ประมาณ 7 พันล้านบาท เพิ่มจากปี46 ถึง 26% แต่จะเพิ่มเป็น 1 หมื่นล้านบาท หลังจากเกิดการควบรวมกิจการ แล้วเสร็จ ซึ่งรายได้ที่นำเข้ามารับรู้จะเข้ามาในงบการเงินไตรมาส 4 ปีนี้ และเพิ่มเป็น 2 หมื่นล้านบาทภายใน ระยะเวลา 5 ปีนับจากนี้
ส่วนปี 48 คาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 13,000 ล้านบาท ขณะที่กำไรเพิ่มประมาณ 10% จากปีนี้ที่มีกำไรประมาณ 900 ล้านบาท หรือเพิ่มเป็นกว่า 1 พันล้านบาท
|
|
|
|
|