Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน29 มิถุนายน 2547
รพ.กรุงเทพควบสมิติเวช รับมือเปิดเสรีปี48             
 


   
www resources

โฮมเพจ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
โฮมเพจ โรงพยาบาลสมิติเวช
โฮมเพจ โรงพยาบาลกรุงเทพ

   
search resources

โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
โรงพยาบาลสมิติเวช, บมจ.
กรุงเทพดุสิตเวชการ, บมจ.
โรงพยาบาลกรุงเทพ
โรงพยาบาลพญาไท
ประสิทธิ์พัฒนา, บมจ.
Curtis J.Schroeder
วิชัย ทองแตง
Hospital




ธุรกิจโรงพยาบาลถึงคิวปรับทัพใหญ่รับมือเปิดเสรีปี 48 กรุงเทพดุสิตเวชการ ฮุบสมิติเวช แถมดึงกรุงเทพภูเก็ต-กรุงเทพหาดใหญ่ -รพ.รามคำแหงมาควบรวมธุรกิจ กลายเป็นเครือข่ายโรงพยาบาลเอกชน รายใหญ่สุดของไทย ชูยกระดับไทยเป็น "ฮับ" ทางการแพทย์แห่งเอเชีย ฟุ้งปีนี้รายได้พุ่งเฉียดหมื่นล้านบาท ก่อนก้าวกระโดดเป็นกว่า 2 หมื่นล้านในระยะเวลา 5 ปี "วิชัย ทองแตง" ชี้ถึงยุคธุรกิจโรงพยาบาลต้อง ปรับตัว ขณะที่ รพ.บำรุงราษฎร์ไม่หวั่นศึกแข่งขัน พร้อมลงทุนรองรับลูกค้าต่างประเทศเพิ่ม

นายแพทย์พงษ์ศักดิ์ วิทยากร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ โรงพยาบาลกรุงเทพ จำกัด เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการวาระพิเศษ ครั้งที่ 3/2547 ของบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) (BGH) เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2547 มีมติปรับโครงสร้างการถือหุ้นด้วยการเข้าถือหุ้นของบริษัท สมิติเวช จำกัด (มหาชน) (สมิติเวช) บริษัท โรงพยาบาลกรุงเทพหาดใหญ่ จำกัด (รพ.กรุงเทพหาดใหญ่) และบริษัท โรง-พยาบาลกรุงเทพภูเก็ต จำกัด (รพ.กรุงเทพภูเก็ต) เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการให้บริการทางการแพทย์ของ ทั้งกลุ่ม และเพื่อความชัดเจนในการกำหนดนโยบายในการประกอบธุรกิจและการบริหาร งานในกลุ่มบริษัท ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันเพื่อประโยชน์สูงสุดในการให้บริการทางการแพทย์

ทั้งนี้ BGH จะทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของโรงพยาบาลทั้ง 3 แห่ง และจะชำระค่าหุ้นด้วยหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท โดยไม่ได้เสนอทางเลือกอื่นที่เป็นเงินสด พร้อมกำหนดอัตราส่วนการแลกเปลี่ยนหุ้นไว้แล้ว

ปัจจุบัน BGH ถือหุ้นใน รพ.สมิติเวช 37% รพ. กรุงเทพภูเก็ต 49% และรพ.กรุงเทพหาดใหญ่ 68% สำหรับการเข้าซื้อหุ้นครั้งนี้ BGH จะเข้าซื้อหุ้นของสมิติเวช จำนวน 63,205,983 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อย ละ 63.21 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด โดยจะชำระค่าหุ้นดังกล่าวด้วยหุ้นเพิ่มทุนของบริษัท ในอัตราส่วน 1 หุ้นใหม่ของบริษัทตามมูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ต่อ 0.50 หุ้นสมิติเวช ตามมูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท (หรือเท่ากับอัตรา 2 หุ้นใหม่ของบริษัท ตามมูลค่าหุ้น ที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ต่อ 1 หุ้นสมิติเวช ตามมูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท)

ส่วนการซื้อหุ้นของรพ. กรุงเทพหาดใหญ่ จะคิดเป็น 32,224,000 หุ้น หรือร้อยละ 32.22 ของจำนวน หุ้นทั้งหมด โดยจะชำระค่าหุ้นดังกล่าวด้วยหุ้นเพิ่มทุน ใหม่ของบริษัทในอัตราส่วน 1 หุ้นใหม่ของบริษัทตาม มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ต่อ 1.66 หุ้นของรพ. กรุงเทพหาดใหญ่ ตามมูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท

ขณะที่การเข้าซื้อหุ้นของรพ. กรุงเทพภูเก็ต จะคิดเป็น 50,995,000 หุ้น หรือร้อยละ 50.99 ของจำนวน หุ้นทั้งหมด โดยจะชำระค่าหุ้นดังกล่าวด้วยหุ้นเพิ่มทุนของบริษัท ในอัตราส่วน 1 หุ้นใหม่ของบริษัท ตามมูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ต่อ 1.48 หุ้นของรพ. กรุงเทพภูเก็ตตามมูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท

นอกจากนี้ จะเข้าซื้อหุ้นของบริษัท โรงพยาบาล รามคำแหง จำกัด (มหาชน) (RAM) จากผู้ถือหุ้นเดิม ของรพ.รามคำแหง รวมจำนวนไม่เกิน 2,400,000 หุ้น หรือไม่เกินร้อยละ 20 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ รพ.รามคำแหง ในราคาหุ้นละไม่เกิน 150 บาท เป็นเงินทั้งสิ้นไม่เกิน 360 ล้านบาท

ชื่อกรุงเทพ-สมิติเวชยังอยู่ทั้งคู่

นายแพทย์พงษ์ศักดิ์กล่าวต่อว่าบริษัทจะเพิ่มทุนตามมติบอร์ดอีก 180,500,000 บาท แบ่งออกเป็น หุ้นสามัญจำนวน 180,500,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยจัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นของรพ. สมิติเวช รพ.กรุงเทพหาดใหญ่ รพ.กรุงเทพภูเก็ต ซึ่งการเพิ่มทุนดังกล่าว จะทำให้มูลค่าหุ้นของกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมเปลี่ยนแปลงประมาณ 15.3% ซึ่งการแลกหุ้นทั้งหมดจะเสร็จสิ้นในเดือนตุลาคมปีนี้

สำหรับรพ.สมิติเวช ยังคงเป็นบริษัทจดทะเบียนต่อไป ซึ่งราคาหุ้นจะสะท้อนสภาพคล่องและความพร้อมในการดำเนินงานของบริษัทซึ่งอนาคตจะต้องถอนออกจากตลาดหรือไม่นั้นต้องพิจารณากันอีกครั้งหนึ่ง และโรงพยาบาลแต่ละแห่ง ยังคงดำเนินการตามปกติ และใช้แบรนด์เฉพาะของแต่ละแห่ง ซึ่งไม่มีการแย่งลูกค้ากัน และบริษัทจะศึกษาความเป็นไปได้ในการนำมาควบรวมโรงพยาบาล ในกลุ่มทั้ง 13 แห่งเพื่อให้เป็นหนึ่งเดียวในอนาคต

การปรับโครงสร้างการถือหุ้นครั้งนี้ เพื่อรองรับการเปิดเสรีการแพทย์ในปี 2548 ตามนโยบาย รัฐที่ต้องการยกระดับให้ไทยเป็นฮับทางการแพทย์ของเอเชีย และหนุนให้ธุรกิจดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพลดต้นทุนการดำเนินได้ถึง 4 เท่า และมีความชัดเจนเรื่องการบริหาร ทำให้ครอบคลุมพื้นที่ ได้มากขึ้น

การควบรวมธุรกิจดังกล่าวจะทำให้ BGH เป็นเครือข่ายโรงพยาบาลเอกชนรายใหญ่ มีสินทรัพย์มีมูลค่ารวมกว่า 13,000 ล้านบาท จำนวนโรงพยาบาลเอกชนในเครือมากที่สุดถึง 13 แห่ง สามารถรองรับผู้ป่วยกว่า 3,000 เตียง

สำหรับรายได้ของบริษัทปีนี้คาดว่าจะมีประมาณ 7 พันล้านบาท โตจากปีก่อน 26% และไตรมาส 4 รายได้จะพุ่งเป็น 1 หมื่นล้านบาทจากการ รวมกิจการ จากนี้ไป 5 ปีรายได้ของ BGH จะก้าวกระโดดเป็นกว่า 2 หมื่นล้านบาท ส่วนแผนการขยาย งานเตรียมเปิดโรงพยาบาลอีก 2 แห่งในปีหน้าด้วยงบประมาณ 300 ล้านบาท ก่อนจะรุกลงทุนในต่างประเทศในช่วงเวลา 5 ปีนี้ โดยอาจเป็นการลงทุนด้วย การสร้างใหม่หรือซื้อกิจการที่ดำเนินการอยู่แล้วพร้อม ยืนยันว่าต้องถือหุ้นมากกว่า 50% เพื่อต้องการเข้าไป บริหาร

กำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2547 ในวันที่ 3 สิงหาคม 2547 เวลา 14.00 น. ณ ห้องประชุมชั้น 8 อาคาร D โรงพยาบาลกรุงเทพ กำหนดวันปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น ตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2547 เวลา 12.00 น. จนกว่าการประชุมผู้ถือหุ้นจะแล้วเสร็จ เพื่อกำหนดสิทธิของผู้ถือหุ้นใน การเข้าร่วมประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2547

ถึงยุครพ.ปรับตัวรับศึกเปิดเสรี

นายวิชัย ทองแตง ประธานกรรมการ บริษัท ประสิทธิ์พัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ โรงพยาบาลพญาไท กล่าวว่า การควบรวมกิจการของโรงพยาบาลกรุงเทพ กับ โรงพยาบาลสมิติเวชถือเป็นดีลที่ดีและน่าภูมิใจ ที่สำคัญยังเป็นประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้น แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ได้ส่งผลกระทบกับโรงพยาบาลใหญ่ แห่งอื่น เนื่องจากการควบรวมกันของโรงพยาบาลเป็น ไปทิศทางที่ได้คาดการณ์กันไว้อยู่แล้วว่าธุรกิจโรงพยาบาลต้องอาศัยเครือข่าย และให้มีการบริการได้ครบวงจร

ทั้งนี้ เหตุผลของการควบรวมกันก็เพื่อลดต้นทุน และเป็นการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ภาวะการ แข่งขันที่มีแนวโน้มรุนแรงเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะหลังการเปิดเสรีของไทย ซึ่งกำลังใกล้เข้ามาทุกที และยังเป็นการสร้างความแข็งแรงป้องกันการเข้ามาซื้อกิจการ ของยักษ์ใหญ่ต่างประเทศ

นอกจากนี้ การรวมกันยังมีความสัมพันธ์เกี่ยว โยงกับการรองรับการเป็นศูนย์กลางการแพทย์ในภูมิภาคตามนโยบายรัฐบาลด้วย โดยทำให้สามารถรองรับลูกค้าต่างประเทศได้มากขึ้น ในแง่การบริการ ก็มีความหลากหลายยิ่งขึ้น

นายวิชัย กล่าวว่า ไทยนั้นพร้อมอยู่แล้วในการ ที่จะเป็นศูนย์กลางการแพทย์ในภูมิภาค เพราะพร้อม ทั้งด้านบุคลากรการแพทย์ และบริการที่ดีเยี่ยม แต่จะด้อยบ้างก็แต่เพียงประเทศสิงคโปร์ในเรื่องของเครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์ เพราะต้องลงทุนสูง ซึ่งที่สิงคโปร์สามารถเก็บค่ารักษาพยาบาลสูงได้ แต่ไทยทำไม่ได้ ดังนั้น การปรับปรุงสร้างเครือข่ายจะ ช่วยในเรื่องการใช้ประโยชน์ร่วมกันได้

บำรุงราษฎร์ไม่หวั่นแข่งขัน

นายเคอร์ติส เจ.ชโรเดอร์ ผู้อำนวยการด้านบริหาร บมจ.โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เปิดเผยว่าการ แข่งขันในธุรกิจโรงพยาบาลเป็นเรื่องปกติ หากไม่มีการแข่งขันก็จะไม่มีการพัฒนา สำหรับการรวมกิจการ กันของโรงพยาบาลอื่นนั้นคาดว่าจะไม่มีผลกระทบใน การดำเนินธุรกิจมากมาย เนื่องจากหัวใจในการดำเนินธุรกิจนี้คือตัวแพทย์ผู้ทำการรักษา เพราะคนไข้ ส่วนใหญ่มักจะยึดติดที่ตัวแพทย์ ซึ่งโรงพยาบาลบำรุง ราษฎร์ก็มีอาจารย์หมอที่มีความสามารถสูงอยู่แล้ว

ทั้งนี้ บริษัทมีแผนจะรุกธุรกิจเพื่อดึงผู้ป่วยจากต่างประเทศและเริ่มรุกธุรกิจโรงพยาบาลในต่างประเทศด้วย โดยมีสัดส่วนผู้ป่วยต่างชาติประมาณกว่า 40% โดยผู้ป่วยจากตะวันออกกลางมีอัตราการเติบโตที่สูงที่สุด

นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะรุกตลาดต่างประเทศ โดยจะเริ่มต้นในทวีปเอเชีย ซึ่งขณะนี้กำลังก่อสร้างโรงพยาบาลสาขาในประเทศพม่าคือโรงพยาบาลปันลาย อินเตอร์เนชั่นแนล ขนาด 104 เตียงและโรงพยาบาลในบังกลาเทศจำนวน 300 เตียง ซึ่งจะเป็นโรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศบังกลาเทศ

ดร.ญาดา อาภารักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บมจ.โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่าปีนี้บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของรายได้เป็น 4,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มีรายได้ประมาณ 4,400 ล้านบาท และมีกำไรขั้นต้น อยู่ที่ 33-34% ซึ่งอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับปีก่อน สำหรับรายได้รวมในไตรมาส 2/47 คาดว่าจะประมาณ 1,300 ล้านบาท โตขึ้น 30% จากไตรมาส2/46 และคาดว่าจะมีกำไรเพิ่มขึ้น 200 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อนประมาณ 30%

"สำหรับการสร้างเครือข่าย บริษัทมีแผนที่จะรวมกิจการกับบริษัทย่อยคือ บริษัท บำรุงราษฎร์ เมดิ-คอล เซ็นเตอร์ จำกัด เพื่อให้บริษัทลูกสามารถสนับสนุน ทางด้านยาและบุคลากรให้บริษัทแม่ได้"   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us