|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี โกลบอล ออพพอร์ทูนิตี้ บอนด์ ฟันด์ (Global Opportunity Bond Fund) ซึ่งเปิดขายเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างมาก เหตุมุ่งลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ เพื่อโอกาสผลตอบแทนที่สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 2.25% ต่อปี บลจ. เอ็มเอฟซี ในฐานะผู้จัดการกองทุน เผยใกล้ถึงกำหนดปิดเสนอขายครั้งแรก อังคาร 29 มิถุนายนนี้
ดร.พิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) (MFC) เปิดเผยว่ากองทุนเปิดเอ็มเอฟซี โกลบอล ออพพอร์ทูนิตี้ บอนด์ ฟันด์ (Global Opportunity Bond Fund-MGB) มูลค่ารวม 3,500 ล้าน บาท เป็นกองทุนที่ลงทุนต่างประเทศขนาดใหญ่ที่สุด ที่ได้รับอนุมัติจากแบงก์ชาติขณะนี้
กองทุนฯ นี้ จะเน้นลงทุนพันธบัตรรัฐบาลต่างประเทศ หรือพันธบัตรรัฐวิสาหกิจต่างประเทศ และตราสารที่ออกโดยธนาคารพาณิชย์ไทย ที่อ้างอิงตราสารหนี้ รัฐบาลและรัฐวิสาหกิจต่างประเทศ (Credit Linked Note) ที่มีความเสี่ยงต่ำ มีโอกาสจะได้ผลตอบแทนสูง และได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือไม่ต่ำกว่าระดับที่ลงทุน ได้ (Investment Grade) โดยสถาบันจัดอันดับที่ได้รับการยอมรับ
ดร.พิชิตกล่าวต่อว่า หลักการบริหารกองทุนเอ็มจีบี จะเลือกลงทุนเฉพาะประเทศที่ให้ผลตอบแทนจากการลงทุนสูง และมั่นคง โดยมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนถึง 3 ขั้น คือขั้นแรก เลือกลงทุนประเทศที่อัตราแลกเปลี่ยนมีแนวโน้มสูง ขั้นที่ 2 ลงทุนหลายสกุลเงินตราเพื่อกระจายความเสี่ยง
และขั้นที่ 3 ประกันความเสี่ยงสกุลเงินตราที่ผันผวนมากเกินไป บลจ. เอ็มเอฟซี ใน ฐานะผู้จัดการกองทุนฯ จะปรับกลยุทธ์การลงทุนทุกไตรมาส ทั้งนี้ จะนำระบบบริหารความเสี่ยงสมัยใหม่ Value at Risk (VaR) ประยุกต์ใช้ เพื่อควบคุมความเสี่ยง จากทั้งอัตราดอกเบี้ยและอัตราแลกเปลี่ยน
ข้อดีที่ผู้ลงทุนในกองทุนเอ็มจีบีจะได้รับ คือโอกาสการลงทุนต่างประเทศด้วยค่าใช้จ่าย ต่ำกว่าการลงทุนเองโดยตรง ไม่ต้องดำเนินการเปิดบัญชี Broker ต่างประเทศ หรือบัญชีฝากหลักทรัพย์ในต่างประเทศ และไม่ต้องดำเนินการ settlement หลักทรัพย์ในต่างประเทศเอง ตลอดจนการคำนวณมูลค่า ยุติธรรม มีผู้ดูแลผลประโยชน์ ทั้งในและต่างประเทศ เป็นผู้ตรวจสอบความถูกต้อง ดร.พิชิตกล่าว
กองทุนเปิดเอ็มจีบี บริหารจัดการโดยบริษัทที่มีชื่อเสียง และมีผลดำเนินงานที่ได้รับการยอมรับ ได้แก่ บลจ.เอ็มเอฟซี เป็นบริษัทจัดการ Nikko Global Asset Management (Singapore) Limited ซึ่งเป็นบริษัทจัดการกองทุนชั้นนำของโลก จากแดนปลาดิบ เป็นที่ปรึกษากองทุนฯ ทำหน้าที่ดูแลการลงทุนในต่างประเทศทั้งหมด ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เป็นผู้ดูแลผลประโยชน์ และ State Street Bank and Trust Company แห่งอเมริกา ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ชั้นนำของโลก เป็นผู้รับฝากทรัพย์สิน
Nikko Global Asset Management เป็นบริษัทในเครือ Nikko Asset Management Group ก่อตั้งในญี่ปุ่น มีสาขาอยู่ทั่วโลก ปัจจุบัน เป็นบริษัทหลักทรัพย์จัดการใหญ่อันดับ 3 ของญี่ปุ่น เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารตราสารหนี้ทั่วโลก มีมูลค่าทรัพย์สินภายใต้การบริหารประมาณ 2.258 ล้านล้านบาท เป็นมูลค่าทรัพย์สินในส่วนตราสารหนี้ประมาณ 1.041 ล้านล้านบาท
การจ่ายเงินปันผล จะพิจารณาจ่ายเงิน ปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 30% ของการเพิ่ม ขึ้นในสินทรัพย์สุทธิ (Net Asset Value-NAV) จากการดำเนินงานแต่ละงวด หรืออาจ พิจารณาจ่ายจากกำไรสะสม เมื่อกองทุนรวมฯ มีกำไรสะสม จนถึงงวดบัญชีที่จะจ่ายเงิน ปันผล แต่ถ้าสินทรัพย์สุทธิจากการดำเนินงาน งวดใดงวดหนึ่งเพิ่มขึ้นต่ำกว่า 25 สตางค์ บริษัทจะไม่จ่ายเงินปันผลงวดนั้น
ขณะนี้ กองทุนฯ อยู่ระหว่างเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก ภายในวันที่ 29 มิถุนายนนี้ ราคาหน่วยลงทุนที่เสนอขายครั้งแรก 10 บาท มูลค่าขั้นต่ำการสั่งซื้อครั้งแรก 10,000 บาท มูลค่าขั้นต่ำการสั่งซื้อครั้งต่อไป 10,000 บาท
ผู้สนใจ ขอรับหนังสือชี้ชวน และจองซื้อหน่วยลงทุน ได้ที่ บลจ. เอ็มเอฟซี และผู้จำหน่ายกองทุนฯ ดังต่อไปนี้ ธนาคารนครหลวงไทย (SCIB) ธนาคารไทยธนาคาร (SCB) บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กิมเอ็ง (ประเทศไทย) (KEST) บล. บีที บล. อินเทลวิชั่น บล. ฟิลลิป (ประเทศไทย) บล. ยูไนเต็ด (UNITED) บล. ซิกโก้ บล. แอสเซท พลัส (AST)
|
|
|
|
|