ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์รองเท้ากีฬามีการแข่งขันค่อนข้างสูงมาก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงทั้งสิ้น
"รีบอค" ถือเป็นหนึ่งในแบรนด์ดังที่คนไทยได้รับลิขสิทธิ์ในการผลิตและจำหน่าย
ได้พยายามที่จะใช้โอกาสในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ สร้างความแข็งแกร่งให้กับตนเอง
ด้วยการตอกย้ำชื่อของ "รีบอค" ให้เข้าไปอยู่ในใจของผู้บริโภคให้มากขึ้น
"ตอนนี้รีบอคมีนโยบายปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางด้านค้าปลีก โดยพยายามจะเน้นกลุ่มลูกค้ารายย่อยให้มากขึ้น
เราต้องการให้มีสัดส่วนรายได้จากการค้าปลีกประมาณ 20% ของรายได้รวม ดังนั้นเราจึงพยายามแนะนำและนำเสนอรูปแบบสินค้าใหม่ๆ
เพื่อดึงดูดลูกค้ารายย่อยให้มากขึ้น ซึ่งผมคิดว่าการตัดเชือกด้านการแข่งขันนั้นอยู่ที่สินค้าของเราจะขายได้หรือไม่ได้
ซึ่งหมายความว่าการนำเสนอสินค้า หรือการ DISPLAY สินค้าของเราต้องดีกว่าคนอื่น"
เป็นความเห็นของวิจักษ์ สิริสิงห์ ผู้จัดการทั่วไป (ฝ่ายจัดจำหน่ายในประเทศ)
บริษัทวงศ์ไพฑูรย์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
"รีบอค" จึงได้นำเอา "อาร์ วี อาร์ ซิสเต็ม" ตู้ดิสเพลย์เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของโลก
เข้ามาใช้ในประเทศไทยเป็นรายแรก โดยนำเสนอในรูปแบบของการจัดนิทรรศการ "รีบอค
อิส เดอะ ฟิวเจอร์" ขึ้นในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ โดยเริ่มที่ศูนย์การค้าดิเอ็มโพเรี่ยมเป็นรายแรก
ตามด้วยศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์ ในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และในเดือนมิถุนายนนี้จะจัดแสดงที่เดอะมอลล์
บางกะปิ ด้วย จากนั้นจะนำอาร์วีอาร์ฯ ไปใช้ในการนำเสนอสินค้าใหม่ของรีบอคล่วงหน้าประมาณ
1-2 สัปดาห์ ก่อนสินค้าจริงจะวางตลาด โดยจัดวางตู้นี้ตามโรงภาพยนตร์, เวทีคอนเสิร์ต,
โรงเรียน, และสนามกีฬา เป็นต้น
การจัดนิทรรศการดังกล่าว มีขึ้นเพื่อเป็นการนำเสนอเทคโนโลยีแห่งอนาคตของผลิตภัณฑ์ของรีบอค
ผ่านตู้ดิสเพลย์สินค้าระบบ "อาร์ วี อาร์ ซิสเต็ม" ซึ่งเกิดจากการพัฒนาร่วมกันระหว่างรีบอค
อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของวงศ์ไพฑูรย์กรุ๊ป กับสถาบัน DMA (DIMENTIONAL
MEDIA ASSOCIATES) แห่งสหรัฐอเมริกา โดยใช้เวลากว่า 2 ปีในการคิดค้นจนสำเร็จ
โดยระบบดังกล่าวจะสะท้อนภาพสินค้าของรีบอค อาทิ รองเท้า เสื้อผ้า เป็นต้น
ที่ใส่ไว้ด้านหลังของตู้ ให้เกิดเป็นภาพ 3 มิติเหมือนจริงและลอยอยู่กลางอากาศ
ซึ่งหากเอามือไปสัมผัสจะพบแต่ความว่างเปล่า
สำหรับผลิตภัณฑ์ที่รีบอคนำไปแสดงในตู้อาร์วีอาร์ในช่วงนิทรรศการนี้ ประกอบด้วย
รองเท้ารีบอค รุ่น DMX รุ่น HEXALITE รุ่น 3D ULTRALITE และรุ่น SIDEWINDER
GSC ซึ่งผู้เข้าชมจะได้รับข้อมูลและคุณสมบัติเฉพาะของรองเท้าแต่ละรุ่นดังกล่าว
เพื่อประกอบในการตัดสินค้าเลือกซื้อตามความเหมาะสมต่อไป
"ผมคิดว่า ตอนนี้ธุรกิจเมืองไทยอยู่ในระยะของการปรับตัว และภายใน
2 ปีข้างหน้า ธุรกิจก็น่าจะฟื้นตัวได้ เมื่อถึงเวลานั้น ความได้เปรียบก็จะตกอยู่กับคนที่ทำการตลาดไว้อย่างแข็งแกร่ง
ดังนั้น วันนี้จึงเป็นวันที่เราต้องลงทุน เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้เกิดขึ้นในอนาคต
เราจะมีการทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง มีการโฆษณาในสื่อต่างๆ ให้ผู้บริโภครับรู้ถึงผลิตภัณฑ์ของรีบอค
และไม่ลืมคำว่า "รีบอค" ไปจากใจพวกเขา" ผู้บริหารหนุ่มกล่าว