Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กรกฎาคม 2547








 
นิตยสารผู้จัดการ กรกฎาคม 2547
ยาสมุนไพรดอกบัวคู่ ใช้ดีจึงบอกต่อมา 27 ปี             
โดย อรวรรณ บัณฑิตกุล
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท ดอกบัวคู่ จำกัด

   
search resources

Pharmaceuticals & Cosmetics
ปิติ ลีเลิศพันธ์
ดอกบัวคู่, บจก.
บุญกิจ ลีเลิศพันธ์




เมื่ออดีตถูกย้อนรอยมาพูดถึงอีกครั้งหลังจากไม่มีใครพูดถึงมานาน พ่อแม่ลูกต้องมานั่งถกเถียงเรื่องปี พ.ศ. และลำดับเหตุการณ์ชีวิตของครอบครัวใหม่อีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่าความลำบากในยุคนั้นรางเลือนไปมากแล้ว การรำลึกถึงในวันนี้จึงเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ

"คุณโชคดีนะ ท่านประธานไม่เคยให้สัมภาษณ์ใครมาหลายสิบปีแล้ว ส่วนใหญ่จะได้สัมภาษณ์ผมคนเดียว" ปิติ ลีเลิศพันธ์ กรรมการผู้จัดการบริษัทดอกบัวคู่ จำกัด ลูกชายคนที่ 3 เอ่ยกับ "ผู้จัดการ" เมื่อวันที่ "ผู้จัดการ" ตามไปสัมภาษณ์ที่โรงงานบริเวณถนนบางนา-ตราด กม.ที่ 16

นอกจากโชคดีที่ได้สัมภาษณ์ท่านประธาน บุญกิจ ลีเลิศพันธ์ ในวัย 68 ปีแล้ว ยังโชคดีได้สัมภาษณ์สุนันทา ภรรยาคู่ทุกข์คู่ยาก ซึ่งวันนี้เธอยังไม่ทิ้งร่องรอยของความ สวยเมื่อวัยสาว

"แน่นอนเขาต้องสวย ไม่สวย ไม่เอามาอยู่ด้วยหรอก" ท่านประธานหันไปแซวภรรยา และหยิบรูปถ่ายจากกระเป๋าสตางค์มาอวด

"รูปใบนั้นถ่ายตั้งแต่ตอนอายุ 12-13" สุนันทาบอกด้วยใบหน้ายิ้มๆ เธอเป็นสาวอีสาน อำเภอบัวใหญ่ นครราชสีมา ในขณะที่บุญกิจคือหนุ่มใจถึงชาวใต้ อำเภอ ปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช

"เตี่ย" ของบุญกิจเป็นคนจีนแซ่ลี้ อพยพมาจากเมืองซัวเถา เปิดร้านขายขนมเปี๊ยะ และร้านขายของชำที่ตลาดปากพนังมาตั้งแต่วัยหนุ่ม เมื่อเกิดเป็นลูกพ่อค้า ชีวิตจึงไม่ได้ลำบากนัก จุดเปลี่ยนเริ่มขึ้นเมื่อพ่อแม่ค้าขายขาดทุน จนต้องอพยพครอบครัวมาอยู่กรุงเทพฯ โดย ที่ตนเองเรียนหนังสือจบแค่ชั้นประถม

"ผมไม่ชอบเป็นลูกจ้างใคร พออายุ 17 ปี ก็ไปขายผลไม้ เหมาทุเรียน ส้มเขียวหวานไปขาย ก็ไม่รวยสักที ทำรับเหมาก่อสร้างก็แล้ว ทำสารพัดอย่าง ไม่มีเงิน ลำบากมาก ตอนพ่อเสียยังไม่มีเงินฝังศพต้องใช้เวลาไปทำฟาร์มไก่ถึง 3 ปีจึงมีเงินมาทำศพพ่อได้ ต่อมาก็ถูกโกงจนหมดตัวอีก"

จนกระทั่งวันหนึ่ง เขาตัดสินใจพาภรรยากลับปักษ์ใต้ไปศึกษาเรื่องยาสมุนไพรจากตาที่มีอาชีพเป็นหมอแผนโบราณ เริ่มศึกษาเรื่องสมุนไพรอย่างจริงจัง และลงมือผสมยาแก้ปวดหลัง ปวดเอว ยาโรคกระเพาะ โรคหัวใจ ตามสูตรที่ได้จากตำรา ซึ่งเป็นมรดกตกทอด มาหลายชั่วอายุคน แล้วเริ่มอาชีพใหม่เป็นพ่อค้าขายยาเร่ครั้งแรกที่ตลาดนัดสนามหลวง เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ.2516 ตรงกับวันมหาวิปโยคพอดี

แม้ช่วงแรกจะไม่ประสบผลสำเร็จแต่ด้วยความเชื่อมั่นในสรรพคุณของตัวยา ทำให้เขาตั้งทีมงานขายชุดหนึ่งขึ้นมา เดินเท้าเปล่าไปขายชาวบ้านแบบไดเร็กเซลส์ อาชีพนี้ทำท่าจะไปได้ดี กลับมาสะดุดเพราะมีปัญหากับหน่วยงานองค์การอาหารและยาของรัฐ มิหนำซ้ำไฟยังไหม้โรงงานและคลังยาจนมอดไหม้เป็นจุณ

บุญกิจตัดสินใจกลับกรุงเทพฯ อีกครั้ง มาเช่าบ้านอยู่ในย่านพระโขนง คราวนี้เขาเหลือเพียงรถเก่งคันเดียวบุกตะลุยขายยาสองคนกับภรรยา

ในปี พ.ศ.2520 เขาเริ่มศึกษาตำราปรุงยาสีฟัน ยาตัวไหนมีสรรพคุณเกี่ยวกับเรื่องเหงือกและฟัน ก็เอามาบดผสมรวมกัน โดยที่ตนเองซึ่งเป็นโรคเหงือกและฟันอยู่แล้วเป็นคนทดลองคนแรก แต่ตัวยาสีฟันดำๆ ที่ออกมานั้นทำให้ญาติพี่น้องใกล้ชิด แม้แต่ภรรยาก็ไม่กล้าลองใช้ในระยะแรก

ไม่น่าเชื่อว่ายาที่ถูกปรุงจากสมุนไพร โดยคนที่ไม่มีความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์หรือเรื่องสารเคมีเลยแม้แต่น้อย หลายปีต่อมาองค์กรและสถาบันหลายแห่ง เอามาตรวจวิเคราะห์ แล้วพบว่ามีสรรพคุณที่ช่วยบำรุงรักษาและปกป้องเหงือกและฟันได้จริงๆ

บุญกิจได้รับดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์คณะบริหาร ธุรกิจ สาขาการตลาด จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง เมื่อปี 2539

ตัวยาที่นำมาเป็นสูตรแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มด้วยกัน คือ ทำความสะอาดฟัน รักษา และป้องกัน 3 อย่างอยู่ในหลอดเดียวกัน

การผลิตก็ทำกันเองในครอบครัว สมุนไพรถูกนำมาผสมและบดจนเนื้อเหลว หลังจากนั้นลูกๆ จะช่วยกัน เอาช้อนตักหยอดใส่หลอดอะลูมิเนียม ในราคาหลอดใหญ่ 27 บาท แบบใส่ซองๆ ละ 3 บาท จากนั้นใส่ตะกร้าวาง ขายพร้อมกับยาสมุนไพร

"ตอนไปบอกสรรพคุณครั้งแรก ทุกคนก็บอกว่า แหม ถ้ามันดีจริงอย่างที่พูด ก็ดีสิ ขายได้แน่นอนเลย แต่พอบีบยาออกมาดูทุกคนตกใจ ทำไมดำอย่างนี้หว่า" ภรรยาเล่าพลางหัวเราะ

ในเวลานั้นยาสีฟันยี่ห้ออื่นในตลาดล้วนแต่ขาวสะอาดน่าใช้กันทั้งนั้น

ความสำเร็จของบริษัทดอกบัวคู่ในปัจจุบัน มีผลมาจากความขยันขันแข็ง และอดทนต่อความยากลำบาก ของสามีภรรยาคู่นี้เป็นสำคัญ

"ตอนนั้นใช้รถเก๋งคันหนึ่งเอาสินค้าบรรทุกไว้เต็ม ทั้งกระโปรงและที่นั่งหลังรถ ค่ำไหนนอนนั่น ทิ้งลูกๆ ไว้ ให้ป้าเลี้ยงที่กรุงเทพฯ โดยเริ่มทำตลาดแถวอีสานในจังหวัดอุดรฯ บ้านญาติของภรรยาก่อน"

"พ่อเขาต้องการลด cost การทำตลาด เพราะเปิดตลาดที่อีสานสามารถไปพักฟรีบ้านญาติๆ ได้" ปิติเสริม เรียกเสียงหัวเราะได้จากทุกคน

"พอถึงโรงแรมหรือบ้านญาติ ก่อนนอนก็ต้องรื้อของออกมา ยาสีฟันที่แพ็กใส่ซองบางทีมันก็แตก เลอะปากซองเราก็ต้องมานั่งเช็ด นั่งแพ็กใหม่กว่าจะได้นอน" ภรรยาเล่าบ้าง

พอมีรายได้จากการขาย บุญกิจเริ่มใช้กลยุทธ์ในการโฆษณาทางวิทยุครั้งแรกที่จังหวัดอุดรธานี พร้อมๆกับเดินสายลุยตลาดทั่วทุกตำบล สปอตโฆษณาชิ้นแรก ใช้เงินไปเพียง 1 หมื่นกว่าบาท แต่หลังจากนั้นไม่กี่เดือน บุญกิจสามารถทำยอดขายได้เกือบ 2 ล้านบาท

สโลแกนโฆษณาที่เขาคิดเองในตอนนั้นและภูมิใจ อย่างมากๆ ก็คือ "เปลี่ยนโฉมหน้าใหม่ยาสีฟันสมุนไพรตราดอกบัวคู่สีกาแฟฟองขาวๆ"

เมื่อเห็นผลจากการโฆษณา สองคนสามีภรรยาก็ลุยไปยังจังหวัดอื่นๆ ทั่วอีสาน พร้อมทั้งอัดสปอตโฆษณาอย่างต่อเนื่อง รายการวิทยุเอเอ็ม เอฟเอ็มของอีสานหลายรายการมีดอกบัวคู่เป็นสปอนเซอร์รายใหญ่ บุญกิจจะแวะไปหาดีเจจัดรายการวิทยุเกือบทุกสถานี พร้อมทั้งวางสินค้าให้ลองใช้

"ใช้ก่อนถ้าดีจริงแล้วค่อยบอกต่อ" คือคำพูดที่เขา ทิ้งท้ายไว้กับทุกคน

การทำตลาดในต่างจังหวัด สร้างเม็ดเงินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งในปี 2531 ได้ย้ายโรงงานแห่งใหม่และซื้อเครื่องผลิตยาจากประเทศเยอรมนี พร้อมกับเริ่มโฆษณาทางทีวี โดยดึง มยุรา ธนะบุตร ดาราที่ฮอตสุดขีด ในช่วงนั้นมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ โดยใช้ทีมของบริษัทอาร์เอส เป็นผู้ผลิต

"ชิ้นนั้น เราต้องจ่ายเงินตั้ง 5 แสน ตอนนั้นเราก็ตัดใจให้เขา เงินเขานะนั่น" สุนันทาเล่าพร้อมกับหัวเราะ

การทำตลาดที่โฟกัสชัดเจนว่าเป็นยาสีฟันสมุนไพร ไทย กลายเป็นจุดแข็งทำให้ดอกบัวคู่ติดตลาด และเริ่มมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับเริ่มจ้างมืออาชีพเข้ามาเป็นทีมงานบริหารให้เป็นระบบมากขึ้น จนกระทั่งยุคสมุนไพรบูม เมื่อ 4-5 ปีที่ผ่านมา การทำตลาด ยาสีฟันสมุนไพรเริ่มดุเดือดอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ปิติทายาทของบุญกิจที่ถูกบ่มเพาะจนได้ที่เข้ามารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ดูแลด้านการตลาดอย่างเต็มตัว เมื่อปี 2543 เขาจบการศึกษาด้านบริหารธุรกิจ MBA จาก Strayer University ประเทศสหรัฐอเมริกา

ส่วนบทบาทสำคัญอื่นๆ ถูกผ่องถ่ายไปยังทายาท อีก 4 คนคือ จิตรดา เป็นผู้อำนวยการและกรรมการผู้จัดการดูแลด้านบัญชี บัณฑิตเป็นกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายโรงงาน กำธน ลูกชายคนเล็กดูแลเรื่องเปิดโรงงานใหม่ในปักกิ่ง ส่วนจักรพรรดิ์ ลูกชายอีกคนดูแลทางด้าน โรงแรมทวินโลตัส ที่นครศรีธรรมราช และรีสอร์ตในจังหวัดกระบี่

ในขณะที่บุญกิจและภรรยาเริ่มปล่อยวางและหันไปให้ความสนใจในเรื่องศาสนาเพิ่มขึ้น ทุกวันนี้เขามีโรงงานที่ทันสมัย มีออฟฟิศและบ้านหลังใหม่ราคานับ 100 ล้านบาท ย่านสวนหลวง ร.9 ซึ่งเพิ่งสร้างเสร็จเมื่อประมาณ 2-3 เดือนที่ผ่านมา และเพิ่งทำบุญขึ้นบ้าน ใหม่ไปเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ.2547   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us