Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ พฤษภาคม 2541








 
นิตยสารผู้จัดการ พฤษภาคม 2541
วันนี้ค่าเช่าสำนักงานกทม. ถูกที่สุดในโลก!             
 





รายงานจากบริษัทที่ปรึกษาข้ามชาติ ริชาร์ด เอลลิส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ณ วันนี้กรุงเทพมหานคร เป็นเมืองหลวงที่มีอัตราค่าเช่าสำนักงานถูกที่สุดในเอเชีย และยังเป็นหนึ่งในเมืองหลวงที่อัตราค่าเช่าอาคารสำนักงานถูกที่สุดในโลกด้วย

ถ้ามองย้อนอดีตไปในปี 2538 ธุรกิจอาคารสำนักงานของกรุงเทพฯ ถูกจัดให้เป็นธุรกิจที่มีผลประกอบการดีเป็นอันดับที่ 19 ของโลก เมื่อเทียบกับตลาดอาคารสำนักงานชั้นดีของภูมิภาคสำคัญๆ 35 แห่งทั่วโลก แม้ในช่วงเวลานั้นพื้นที่อาคารสำนักงานก็อยู่ในภาวะล้นตลาด และค่าเช่าก็ลดลงมาถึง 5.8% แล้ว

ริชาร์ดฯ อ้างว่า อัตราค่าเช่าในช่วงไตรมาสแรกปี 2541 ลดลง 50% โดยแม้แต่อาคารสำนักงานในย่านศูนย์กลางธุรกิจก็มีการปรับลดค่าเช่ากันอย่างหนัก เช่นอาคารใหม่ในทำเลสีลม จากเดิมค่าเช่าประมาณ 550-650 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน ขณะที่อาคารเก่ามีการตัดราคาลงเหลือ 200 บาทเศษต่อตารางเมตร

ส่วนย่านอโศกที่เคยเป็นทำเลทองอีกแห่งหนึ่งได้มีการปรับลดค่าเช่าลงจากเดือนละ 450-500 บาทต่อตารางเมตร เหลือเพียง 300 บาทต่อตารางเมตร ในขณะที่ในทำเลรอบนอก เช่นบนถนนรามคำแหง พบว่าเหลือค่าเช่าเพียง 180 บาท ต่อเดือนต่อตารางเมตร

ผู้ประกอบการบางรายอาจจะปรับลดค่าเช่าเป็นพิเศษสำหรับลูกค้าบางราย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่และระยะเวลาเช่าเป็นสำคัญ

นอกจากนี้ผลจากการอ่อนตัวลงของค่าเงินสกุลต่างๆ ในเอเชีย อันเป็นผลมาจากโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ส่งผลให้อัตราค่าเช่าและมูลค่าของอาคารสำนักงาน เมื่อเทียบเป็นค่าเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐส่วนใหญ่มีระดับลดลง โดยพบว่าค่าเช่าอาคารสำนักงานในตลาดกรุงเทพฯ มีระดับลดลงมากที่สุดถึงร้อยละ 29.8 กัวลาลัมเปอร์ ร้อยละ 21.2 สิงคโปร์ 8.4 เซี่ยงไฮ้ร้อยละ 7.8 และปักกิ่งร้อยละ 5.2

ส่วนมูลค่าพื้นที่อาคารสำนักงานในกรุงเทพฯ ลดลงลงร้อยละ 31.1 กัวลาลัมเปอร์ร้อยละ 21.2 ฮ่องกงร้อยละ 8.1 สิงคโปร์ร้อยละ 4.1 ปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ลดลงร้อยละ 1.2

มูลค่าพื้นที่ในกรุงเทพฯ ณ สิ้นไตรมาส 3 ปีที่แล้ว (อัตราแลกเปลี่ยน 35 บาทต่อดอลลาร์) ได้ลดระดับลงเหลือตารางเมตรละ 1,512 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งนับเป็นมูลค่าอาคารสำนักงานที่ต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคนี้ โดยมูลค่าเฉลี่ยของอาคารสำนักงานต่อตารางเมตร ในย่านศูนย์กลางธุรกิจของสิงคโปร์มีระดับอยู่ที่ 26,372 ดอลลาร์ ฮ่องกง 18,059 ดอลลาร์ จาการ์ตา 2,240 ดอลลาร์ และกัวลาลัมเปอร์ 1,718 ดอลลาร์

เป็นที่คาดกันว่าอีก 2 ปีจากนี้ไป ทั้งค่าเช่าและมูลค่าของพื้นที่อาคารสำนักงานจะทรุดหนักลงอีก และผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนมากที่สุด จะเป็นอาคารสำนักงานที่สร้างเสร็จในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ ทำให้ต้องลดราคาลงมาก อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าสังเกตว่า เจ้าของอาคารสำนักงานเก่าที่จะต่อสัญญากับผู้เช่าเดิม จะได้รับแรงกดดันน้อยกว่าพวกที่จะให้เช่าอาคารใหม่ เนื่องจากแม้จะลดราคาค่าเช่าลงเพื่อจูงใจแล้วก็ตาม แต่ลูกค้ามักจะเปรียบเทียบต้นทุนในการย้ายอาคารกับค่าเช่าที่จะประหยัดลงได้ หากเห็นว่าค่าที่จะประหยัดลงได้ไม่คุ้มกับต้นทุนในการย้ายอาคาร ลูกค้าก็มักจะไม่เลือกย้ายอาคารใหม่

ผลดังกล่าวทำให้เจ้าของอาคารสำนักงานให้เช่ารายใหม่ ต้องลดราคาค่าเช่าลงอยู่อย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มว่าค่าเช่าจะอ่อนตัวลงไปอีก เพราะการปิดกิจการของบริษัทยังมีอยู่อย่างต่อเนื่องเช่นกัน กอปรกับผลข้างเคียงจากการบังคับขายทรัพย์สินของสถาบันการเงินที่มีปัญหา ซึ่งจะมีพื้นที่อาคารรวมอยู่ด้วย ดังนั้นแม้ปริมาณการเพิ่มขึ้นของอาคารสำนักงานที่สร้างใหม่จะลดลงไปมาก แต่อัตราค่าเช่ากลับมีแนวโน้มจะลดลงอีกอย่างน้อยตลอดช่วง 2 ปีข้างหน้า

สำหรับคำถามที่ว่าตลาดสำนักงานจะฟื้นตัวได้เมื่อใดนั้น เป็นเรื่องที่นักวิเคราะห์มองว่าคาดเดาได้ยาก ตราบใดที่ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศยังไม่คลี่คลายลง เพราะความต้องการพื้นที่อาคารสำนักงานขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจเป็นตัวกระตุ้นที่สำคัญ นอกจากค่าเช่าที่ลดลงต่ำแล้ว ในปี 2541นี้ ปัญหาของลูกค้าจ่ายค่าเช่าล่าช้าจะเป็นปัญหาที่เจ้าของอาคารต้องเผชิญมากขึ้น แม้ว่าตามระเบียบสัญญาเช่า ซึ่งส่วนใหญ่จะคิดค่าปรับประมาณร้อยละ 15 ของค่าเช่าที่ค้างอยู่ ก็คงไม่สามารถแก้ปัญหาดังกล่าวได้มากมายนัก

และในปี 2541 ลูกค้าที่เช่าอาคารส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญในเรื่องของราคาค่าเช่าต่ำเป็นอันดับ 1 ส่วนทำเลที่ตั้งที่เคยมีความสำคัญที่สุดจะกลายเป็นปัจจัยที่รองลงมา

ผลจากการที่ราคาของตลาดอาคารสำนักงานของกรุงเทพฯ มีมูลค่าที่ลดต่ำลงทำให้เป็นที่สนใจของนักลงทุนต่างชาติจำนวนมาก เช่นนักลงทุนจากสิงคโปร์ ฮ่องกง ออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกา ซึ่งในอนาคตอันใกล้นี้คงพบเห็นการซื้อขายเหมายกอาคารราคาถูก โดยเฉพาะอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ในย่านศูนย์กลางธุรกิจ ซึ่งเป็นเป้าหมายใหญ่ของกลุ่มทุนต่างประเทศ แต่ปัจจุบันยังรอเงื่อนไขราคา และการจำหน่ายสินทรัพย์จากมาตรการแก้ปัญหาสถาบันการเงินของรัฐบาลอยู่

อย่างไรก็ตามข้อจำกัดของกฎหมายถือครองกรรมสิทธิ์โดยคนต่างชาติ ในอสังหาริมทรัพย์ประเภทต่างๆ ไม่เว้นแต่อาคารสำนักงาน ตลอดจนการไม่มีมูลค่าทรัพย์สินที่ชัดเจน ความล้าหลังของระบบบัญชี และกฎหมายที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะกฎหมายที่เกี่ยวกับการล้มละลาย การฟ้องยึดทรัพย์ และคุ้มครองสิทธิของผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ ล้วนแล้วแต่เป็นอุปสรรคที่สำคัญในการขจัดพื้นที่อาคารสำนักงานส่วนเกิน และเร่งหารายได้เพื่อสร้างสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการอาคารสำนักงานในปี 2541

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us