Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ มกราคม 2543








 
นิตยสารผู้จัดการ มกราคม 2543
ประชัย เลี่ยวไพรัตน์ "Sign or be sued"             
 


   
search resources

อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย, บมจ.
ประชัย เลี่ยวไพรัตน์




หลังจาก ที่มีการเจรจาเรื่องการปรับโครงสร้างหนี้มาเป็น เวลากว่า 2 ปี นับแต่เริ่มประกาศพักชำระดอกเบี้ยเมื่อ 22 สิงหาคม 2540 ด้วยมูลหนี้ 3.5 พันล้านเหรียญกับเจ้าหนี้จำนวน 148 ราย ปรากฏว่า ณ วันนี้บริษัท อุตสาหกรรม

ปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด(มหาชน) หรือ TPI ก็ยังเหมือนกับย่ำเท้าอยู่กับ ที่ในการเจรจา เพราะยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลง และเซ็นสัญญาประนอมหนี้กันได้

ล่าสุดเมื่อกลางเดือนธันวาคม ที่ผ่านมา IFC ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มเจ้าหนี้ และเป็นสถาบันการเงินในเครือธนาคารโลกได้แสดงท่าทีไม่พอใจด้วยการประกาศว่าหากประชัย เลี่ยวไพรัตน์ และ TPI ไม่ยอมเซ็นสัญญาตาม ที่มีการตกลงกันเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2542 เขาจะต้องนำกรณี TPI ยื่นฟ้องศาลล้มละลาย เจ้าหนี้รายนี้ประกาศอย่างแข็งกร้าวว่าประชัยจะต้องเลือกเอาทางใดทางหนึ่ง "sign or be sued" โดยคณะกรรมการเจ้าหนี้ฯให้เวลาดำเนินการตามแผนปรับโครงสร้างหนี้ ที่ตกลงไว้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2542 ภายใน 17 มกราคม 2543

ทั้งนี้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2542 บริษัท TPI และคณะกรรมการเจ้าหนี้ของบริษัทฯ ได้เห็นชอบร่วมกันในแผนการปรับโครงสร้างหนี้ ที่ร่างขึ้นเป็นเอกสารสัญญา หรือ Term Sheet จำนวน 70 หน้า ร่างเอกสารนี้ได้แปลงเป็นข้อตกลง และส่งมอบให้กับ TPI เมื่อเดือนพฤษภาคม 2542 ต่อมาร่างเอกสารดังกล่าวได้มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขอีกหลายครั้ง โดย ข้อตกลงฉบับล่าสุดได้ส่งมอบให้ TPI เมื่อต้นเดือนตุลาคม 2542 ทว่าเมื่อ 1 ธันวาคม ที่ผ่านมา TPI ได้ยื่นข้อเสนอ ที่ไม่มีการเจรจากันมาก่อน ซึ่งข้อเสนอนี้คณะกรรมการฯ เห็นว่าเป็น การเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขสำคัญหลายประการที่บริษัท TPI ตกลงไว้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2542

ข้อเสนอของ TPI คือ ต้องการเพิ่มทุนจำนวนประมาณ 1 พันล้านเหรียญภายในต้นปี 2543 นี้ ทว่าคณะกรรมการเจ้าหนี้มองว่าการเพิ่มทุนดังกล่าวจะมีผลกระทบต่อการเปลี่ยน แปลงมูลหนี้ตาม ที่ได้มีการตกลงกันไว้ นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องจังหวะในการเพิ่มทุน และกลุ่มนักลงทุน ที่จะเข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าวด้วย คณะกรรมการฯ ไม่คาดหมาย ที่จะให้มีการเพิ่มทุนโดยเร็วตาม ที่บริษัท TPI ต้องการ

ส่วนข้อเสนอเดิม ที่มีการตกลงกันได้ใน Term Sheet มีหลักการว่ากลุ่มเจ้าหนี้จะได้รับการชำระหนี้ครบถ้วนโดยไม่มีการขอลดหย่อนหรือไม่มี hair cut โดยการชำระหนี้นั้น บางส่วนจะได้รับในรูปของหลักทรัพย์หรือ equity ที่บริษัทจะออกให้ ส่วนดอกเบี้ยก็มีการทยอยชำระตามส่วนโดยอิง อัตรา Libor สำหรับหนี้ต่างประเทศ และอัตรา MLR สำหรับ หนี้สกุลบาท

สถาบันการเงินไทยเป็นเจ้าหนี้บริษัทเป็นวงเงินครึ่งหนึ่งของหนี้ทั้งหมด ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย และธนาคารกรุงศรีอยุธยา อีกครึ่งหนึ่งเป็นสถาบันการเงินต่างประเทศ ได้แก่ ธนาคารออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ ซิตี้-แบงก์ ธนาคารส่งออก-นำเข้าสหรัฐ บรรษัทการเงินระหว่างประเทศ (IFC) ธนาคาร KfW ธนาคารซันวา ธนาคารสแตน-ดาร์ดชาร์เตอร์ด และธนาคารส่งออก-นำเข้าเกาหลี ซึ่งธนาคารทั้งหมด ที่เอ่ยชื่อมานี้ครองมูลหนี้มากกว่า 68% ของจำนวนหนี้ทั้งหมด

ทั้งนี้ประชัยเปลี่ยนใจหันมาใช้วิธีเพิ่มทุนเร็วขึ้นมาจากเหตุ ที่ว่าสถานการณ์ราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีเริ่มมีแนวโน้มดีขึ้น และนั่นหมายถึงว่าเขาอาจจะสามารถรักษาธุรกิจ ที่ตระกูลเขาก่อร่างสร้างขึ้นมาได้ ทั้งในเรื่องของอำนาจการบริหาร การกำหนดนโยบาย และความเป็นเจ้าของ

ขณะที่หากเดินตามแผนการเดิม เขามีความเสี่ยงในประเด็นข้างต้นอยู่มาก สัดส่วนการถือหุ้นต้องลดลง อำนาจการบริหารมีจำกัด เพราะคณะกรรมการเจ้าหนี้จะเข้ามามีส่วน ร่วมในการกำหนดนโยบายการบริหารงานได้มาก โดยเฉพาะ IFC ที่คาดว่าเมื่อแปลงหนี้เป็นทุนแล้ว จะได้ถือหุ้นถึง 20% ขณะที่ประชัย และตระกูลต้องลดสัดส่วนลงถือแค่ 30% จากเดิม ที่ถือไว้ 60%

นี่เป็นความเป็นความตายของการรักษาธุรกิจของตระกูลเลี่ยวไพรัตน์ ซึ่งประชัยเผชิญความหมิ่นเหม่เช่นนี้มาหลายครั้งแล้ว

ขณะที่ TPI ยังคาราคาซัง ทั้ง ที่มีความคืบหน้าเรื่องการ เจรจาปรับโครงสร้างหนี้มากกว่า แต่ปรากฏว่าไม่เรียบร้อยเบ็ดเสร็จสักที แต่บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด(มหาชน) หรือ TPIPL ได้มีการสรุปผลการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้กับกลุ่มสถาบันการเงินเจ้าหนี้เรียบร้อยแล้วเมื่อ 16 ธันวาคม 2542 โดยมีเจ้าหนี้ลงมติรับแผนการปรับโครงสร้างหนี้ด้วยคะแนนเสียง 95.6% ของมูลหนี้ทั้งหมด มีเจ้าหนี้เพียง 4.4% ที่ไม่ยอมรับแผนดังกล่าว

บริษัทฯจะดำเนินการยื่นร้องต่อศาลล้มละลายกลาง เพื่อขอฟื้นฟูกิจการ และป้องกันไม่ให้เจ้าหนี้ฟ้องร้องภายหลัง โดยคาดว่าจะใช้เวลาเตรียมแผนประมาณ 2 เดือน และจะใช้เวลาดำเนินการในศาลประมาณ 5 เดือน

ทั้งนี้ TPIPL มีภาระหนี้รวม 51,000 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดเงินต้น 44,000 ล้านบาท และดอกเบี้ย 7,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นยอดเงินต้น ที่อยู่ในกระบวนการปรับโครงสร้างหนี้ 67% หรือประมาณ 29,480 ล้านบาท

รายละเอียดแผนการปรับโครงสร้างหนี้ TPIPL ที่สำคัญคือ หนี้ในส่วน ที่เป็นดอกเบี้ยค้างจ่ายตั้งแต่เดือนม.ค. 2541 ถึงพฤศจิกายน 2542 จะแปลงเป็นหุ้นเพิ่มทุนใหม่ในราคาเท่ากับราคา ที่เสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้นักลงทุนใหม่ โดยเป็นราคาตลาด ณ เวลานั้น ซึ่งตระกูลเลี่ยวไพรัตน์มีสิทธิ์ ที่จะซื้อคืนหรือทำ Call Option ในราคา และเวลา ที่ได้ตกลงกับคณะกรรมการเจ้าหนี้ ส่วนดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม 2542 บริษัทจะทำการชำระภายในวันที่ 5 มกราคม 2543

พร้อมกันนี้ TPIPL จะทำการเพิ่มทุนจดทะเบียนขายให้นักลงทุนทั่วไปจำนวน 180-270 ล้านเหรียญ โดยเงินเพิ่มทุนจำนวนนี้จะนำไปชำระหนี้จำนวน 180 ล้านเหรียญ โดยมีส่วนลดด้วยวิธีการประมูลตามความสมัครใจ หากมีเงินเหลือจากการประมูลจะเฉลี่ยคืนเงินต้นให้กับเจ้าหนี้ทุกราย ส่วนเงินเพิ่มทุนอีก 90 ล้านเหรียญ จะใช้ขยายกำลังการผลิตโรงปูนซีเมนต์แห่ง ที่ 4

ด้านระยะเวลาชำระหนี้กำหนดไว้ 5 ปี บริษัทมีสิทธิ ที่จะขอขยายเวลาการชำระหนี้ออกไปอีกครั้งละ 1 ปี เป็นเวลา 3 ปี ซึ่งบริษัทต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการต่อสัญญาชำระหนี้ดังนี้ ปีแรก 0.5% ปีที่สอง 0.75% และปีที่สาม 1%

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us