Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ มิถุนายน 2541








 
นิตยสารผู้จัดการ มิถุนายน 2541
ก้าวที่กล้าของสุรัสวดี จามพันธ์             
 


   
search resources

สุรัสวดี จามพันธ์




ไม่รู้ว่า สุรัสวดี จามพันธ์ คิดถูกหรือคิดผิดที่เมื่อปีที่แล้วเธอตัดสินใจลาออกจากบริษัทริชาร์ด เอลลิส บริษัทตัวแทนการขายอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ข้ามชาติซึ่งเธอทำมานานถึง 7 ปี มารับผิดชอบการขายโครงการอสังหาริมทรัพย์ ให้กับกลุ่ม ที.ซี.ซี. โฮลดิ้งของ เจริญ สิริวัฒนภักดี ผู้ตะลุยเทกโอเวอร์โครงการอสังหาริมทรัพย์อย่างหนักหน่วงในช่วงปี 2537 ซึ่งก็กลายเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายกำลังจับตามองในตอนนี้

สุรัสวดีบอกว่าเหตุผลที่ทำให้เธอตัดสินใจลาออกเพราะมองว่างานในกลุ่มของที.ซี.ซี.โฮลดิ้งน่าท้าทาย มีโครงการพัฒนาที่ดินหลายรูปแบบทั้งออฟฟิศบิลดิ้ง ศูนย์การค้า และที่อยู่อาศัย ซึ่งหากยังอยู่ที่บริษัทที่ริชาร์ด เอลลิสนั้น เธอจะรับผิดชอบงานขายเฉพาะทางด้านออฟฟิศบิลดิ้งอย่างเดียวเท่านั้น

โครงการแรกที่เธอต้องรับผิดชอบหลักทางด้านการขาย ให้กลุ่มที.ซี.ซี.โฮลดิ้งนั้นก็คือ ตึกเอ็มไพร์ทาวเวอร์ ออฟ-ฟิศบิลดิ้งสูง 62 ชั้น ซึ่งมีพื้นที่รวมประมาณ 3.5 แสนตารางเมตร เป็นออฟฟิศบิลดิ้งที่มีพื้นที่มากที่สุดในกรุงเทพ มหานคร ตั้งอยู่บนถนนสาธร บริเวณสี่แยกถนนสาธรตัดกับถนนตัดใหม่ช่องนนทรี ซึ่งเธอยอมรับว่าเป็นตึกที่มีศักยภาพที่ดีมากตึกหนึ่ง

ก่อนหน้านี้ สมัยที่ยังทำงานอยู่กับบริษัทริชาร์ด เอล-ลิส สุรัสวดีเคยมีประสบการณ์ และผลงานในการขายตึกใหญ่ๆ ในกรุงเทพฯมาแล้วหลายโครงการเช่น ตึกดีทแฮล์ม ทาวเวอร์ บนถนนวิทยุ อาคารสินธร 3 อาคารไทยวา อาคาร ทิปโก้ และในปัจจุบันนอกจากจะรับผิดชอบหลักในโครงการเอ็มไพร์ทาวเวอร์แล้ว ยังขายพื้นที่ในโครงการโอเรียน เต็ลเพลส ซึ่งเป็นศูนย์การค้าที่สวยงามและคลาสสิกมากโครงการหนึ่งของกลุ่มที.ซี.ซี.โฮลดิ้ง

เอ็มไพร์ทาวเวอร์เป็นโครงการที่เสี่ยเจริญ เทก โอเวอร์มาจากบริษัทไทยฮ่องกง เรียลเอสเตท เมื่อประมาณ ปี 2537 ตัวตึกนี้เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ประมาณปี 2534 เป็นตึกโครงสร้างเหล็กที่สูงที่สุดในประเทศไทย ต่อมาการก่อสร้างได้หยุดไปพักหนึ่งด้วยปัญหาของเจ้าของโครงการเอง แต่หลังจากถูกเทกโอเวอร์การก่อสร้างก็คืบหน้าอย่างรวดเร็วด้วยการอัดฉีดเม็ดเงินของเจริญ จนขณะนี้กำลังติดตั้งระบบ ลิฟต์ซึ่งมีทั้งหมดประมาณ 52 ตัวและจะติดตั้งเสร็จประมาณ เดือนสิงหาคม 2541 และจะเปิดตึกที่มีมูลค่าประมาณ 1 หมื่นล้านบาทนี้ได้อย่างแน่นอนในปลายปีนี้

เจริญเองซื้อตึกหลังนี้มาพัฒนาต่อด้วยความมั่นใจว่าเป็นตึกที่ดีไม่น่าจะมีปัญหาทางด้านการขาย ประกอบกับทางกลุ่มที.ซี.ซี.โฮลดิ้งเองในขณะนั้นก็กระจัดกระจายกันอยู่ตามที่ต่างๆ นั้น ควรจะมีอาคารสำนักงานใหญ่เป็นของตนเองเพื่อความสะดวกในการบริหารงานเช่นกัน

ในวันนี้แม้ว่างานก่อสร้างคืบหน้าไปมาก แต่งานทาง ด้านการขายที่ได้วางแผนรุกมาตั้งแต่ปีที่แล้วนั้น ก็ประสบปัญหาทางด้านการขายบ้างพอสมควร เช่นเดียวกับการขายพื้นที่ออฟฟิศบิลดิ้งโดยทั่วไป และนอกจากทีมงานขายของสุรัสวดีเองแล้ว ยังมีทางบริษัทริชาร์ด เอลลิส เข้ามาช่วยขายอีกทางด้วย

"ความยากของการขายตึกขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของภาวะเศรษฐกิจที่เลวร้ายจริงๆ" สุรัสวดียอมรับ

แต่อย่างไรก็ตามเธอหวังว่าเมื่อภาวะเศรษฐกิจดีขึ้น จุดเด่นหลายๆ ประการของโครงการนี้จะเป็นต่อโครงการอื่นๆ แน่นอน เช่น 1. เป็นโครงการที่มีพื้นที่สำนักงานใหญ่มากประมาณ 3,300 ตารางเมตรต่อชั้น ไม่มีเสาอยู่ตรงกลาง เปิดเป็นที่โล่งกว้าง ทำให้จัดห้องได้ง่าย 2. เป็นจุดที่มีทำเลที่ดีมากเพราะอยู่ใจกลางศูนย์ธุรกิจที่ใกล้ทางขึ้นลงทางด่วนขั้นที่ 1 และขั้นที่ 2 และ ใกล้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส 3. มีระบบการสื่อสารที่ทันสมัยเตรียมไว้รองรับอย่างเพียงพอในอนาคต 4. ระบบความปลอดภัยในเรื่องอัคคีภัยได้ถูกติดตั้งไว้อย่างมีประสิทธิภาพ

"ลูกค้าที่สนใจโครงการนี้ส่วนใหญ่เป็นลูกค้ารายใหญ่ที่ต้องการพื้นที่มาก มีทั้งกลุ่มนักลงทุนชาวไทย และต่างประเทศ"

สำหรับราคาขายจะกำหนดไว้ที่ราคาประมาณ 400 บาทขึ้นไปต่อตารางเมตร บริษัทในเครือที.ซี.ซี.โฮลดิ้งจะใช้พื้นที่ตึกเพื่อพนักงานของบริษัทต่างๆ ในเครือประมาณ 2.5 หมื่นตารางเมตร หรือประมาณ 7 ชั้น

ถ้าหากผ่านไปบนถนนสายนี้จะเห็นได้ว่าบนถนนสาธร กำลังมีโครงการตึกสูงที่กำลังก่อสร้างนับ 10 โครงการ แต่มีหลายโครงการเหมือนกันที่มีวี่แววว่ากำลังมีปัญหา เพราะหยุดการก่อสร้างมานับเดือนแล้ว ดังนั้นจึงคาดว่าอีก 2-3 ปีข้างหน้าพื้นที่อาคารสำนักงานใหม่บนถนนสายนี้ต้องมีตัวเลขที่น้อยลงแน่นอน โอกาสของตึกใหญ่สมบูรณ์ แบบอย่างเอ็มไพร์ทาวเวอร์ จึงยังไม่น่าเป็นห่วง ถึงแม้ต้องใช้เวลาบ้างก็ตาม เพราะสงครามเศรษฐกิจในครั้งนี้ที่เป็นปัญหาในเรื่องการขาย อาจจะยืดเยื้อกว่าที่คิด สุรัสวดีเองก็คงต้องอดทนคอย

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us