อนันต์ อัศวโภคิน จะอายุครบ 48 ปี ในวันที่ 11 สิงหาคม 2541 นี้ เขาเป็นชาวราศีกรกฎที่มีช่วงชีวิตที่เหนื่อยล้าที่สุดในการทำธุรกิจ
ถึงแม้บริษัทหลักของเขาคือแลนด์แอนด์เฮ้าส์นั้น จะได้แบงก์ไทยพาณิชย์ช่วยโอบอุ้มอยู่อย่างไม่น่าเป็นห่วง
จนยังมีบ้านออกมาขายอยู่ตลอดเวลา แต่เขายังมีปัญหาภาระหนัก ที่เกิดจากการวางยุทธวิธีให้บริษัทแม่สยายปีกไปร่วมทุนกับบริษัทอื่นๆ
อย่างมากมายในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ประกอบกับแผนระดมกู้เงินต้นทุนต่ำจากต่างประเทศมาขยายกิจการเหล่านั้น
กลับกลายเป็นภาระที่หนักอึ้งที่สุดทั้ง 2 เรื่อง
สิ้นปี 2540 แลนด์แอนด์เฮ้าส์ยังคงมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ
4,000 ล้านบาท และหนี้บางก้อนก็จะถึงกำหนดชำระคืนอีกในปีนี้ ซึ่งอนันต์กำลังขอเจรจาเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขและวันครบกำหนดชำระหนี้ออกไป
ซึ่งเขามั่นใจว่าจะทำได้สำเร็จ
และเพื่อเป็นการแก้ปัญหาสภาพคล่อง อนันต์ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ไปตั้งแต่ต้นปีว่าจะขอเพิ่มทุนบริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์จาก
3,590 ล้านบาท เป็น 8,500 ล้านบาท โดยหวังเม็ดเงินก้อนใหญ่ที่จะเข้ามาประมาณ
6-7 พันล้านบาท แต่ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมนี้ ยังไม่ได้กำหนดวันขายหุ้นเพิ่มทุนตัวนี้แต่อย่างใด
ในขณะเดียวกันบริษัทต่างๆ ที่เข้าไปร่วมทุน นอกจากสยามสินธร และคริสเตียนี
แอนด์ นีลเส็นแล้ว ส่วนใหญ่ก็เป็นบริษัททางด้านอสังหาริมทรัพย์ เช่น อาคาร
ให้เช่า คิวเฮ้าส์สาธร คิวเฮ้าส์อโศก คอนโดบ้านสวนธน ของบริษัทสยามธานี โครงการในบริษัทแอล
เอช เมืองใหม่ ที่ไปร่วมทุนกับนักลงทุนต่างจังหวัดทำโครงการบ้านจัดสรร เช่น
ที่จังหวัดภูเก็ต เชียงใหม่ ขอนแก่น และโคราช ซึ่งทีมงานก็ต้องแบกภาระเข็นโครงการที่เหลือขายอย่างสุดๆ
เหมือนกันหมด โดยที่ไม่ต้องคิดกันว่าจะสร้างโครงการใหม่ต่อเนื่อง เพื่อหวังเม็ดเงินก้อนใหม่กันเลยล่ะ
ในการเข้าไปร่วมทุนกับบริษัทอื่นส่วนใหญ่ อนันต์จะส่งขุนพลคนเก่าแก่จากบริษัทแม่เข้าไปนั่งในตำแหน่งบริหาร
เช่น ธงชัย จิระดิลก เป็นกรรมการในบริษัทสยามสินธร จุมพล มีสุข ไปนั่งที่บริษัทควอลิตี้
จำกัด (มหาชน) ซวง จิระโรจน์ รับตำแหน่งที่สยามรีเทล บริษัทลูกของสยามสินธรที่ไปทำศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์
แต่กับการร่วมทุนในบางบริษัท อนันต์ใช้สไตล์วัดใจกับผู้บริหารที่ไม่ใช่คนเก่าแก่ของแลนด์ฯ
แต่เป็นคนที่อนันต์ชื่นชมในมันสมอง เช่น การไปลงทุนกับ วินัย พงศธร ในแปซิฟิคแอสเซ็ทส์
จำกัด (มหาชน) ที่ประสบปัญหาการขาดทุนอยู่ในตอนนี้ หรือการไปร่วมทุนในบริษัทเวฟ
กับ สุทธิพงษ์ จิราธิวัฒน์ ซึ่งวันนี้หนีทิ้งโครงการไปแล้ว และยังทำให้อนันต์ตกเป็นจำเลยในการค้ำประกันเงินกู้อีกด้วย
ว่ากันว่าอนันต์แค้นสุทธิพงษ์มาก จนเอ่ยปากพูดกับคนใกล้เคียงบ่อยๆ ว่า "อย่าไปคบอีกเลย"
ดังนั้นบนความสำเร็จของอนันต์นั้น จึงมีอยู่หลายโครงการเหมือนกัน ที่ผิดพลาดเพราะไว้ใจคน
บริษัท เอ็มแอลแอนด์เอช คอปอเรชั่น ซึ่งเข้าไปลงทุนทางด้านที่อยู่อาศัยในประเทศฟิลิปปินส์และอินโดนีเซียนั้น
อนันต์ก็เคยคาดว่าเมื่อเป็นการลงทุนร่วมกับบริษัทใหญ่ๆ ที่มีรัฐบาลถือหุ้น
จึงน่าจะเป็นแหล่งที่สร้างเม็ดเงินให้กลับมาช่วยบริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ได้แน่นอน
แต่กลับกลายเป็นว่าทั้ง 2 ประเทศประสบกับปัญหาเศรษฐกิจและการเมืองรุนแรงกว่าบ้านเราหลายเท่า
ทำให้อนันต์ตั้งใจที่จะขายหุ้นที่เข้าไปลงทุนใน 2 ประเทศนี้ทิ้งไป ซึ่งแน่ละ
ในช่วงเวลาเช่นนี้การขายหุ้นไม่ใช่เป็นเรื่องที่ง่ายนัก
เพราะสไตล์ของผู้บริหารที่ทำงานหนักอย่างติดดิน รักลูกน้อง และเสมอต้นเสมอปลายมาโดยตลอด
ได้กลายเป็นกลยุทธ์หนึ่งของความสำเร็จของเขา วันนี้ "ผู้จัดการรายเดือน"
จึงได้ยินคนเก่าแก่ของแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ที่ไปนั่งอยู่ในบริษัทร่วมทุนอื่นๆ
พูดว่า
"ในช่วงภาวะเศรษฐกิจอย่างนี้ อยากกลับมาช่วย แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จริงๆ เลย"