หลังจากใช้เวลานานกว่า 3 ปี โครงการอะเดรียติค พาเลซ โรงแรมหรูระดับ 5
ดาวได้ฤกษ์เปิดตัวในเฟสแรกไปเรียบร้อยแล้ว บนพื้นที่กว่า 4 ไร่ จากพื้นที่ทั้งหมด
9 ไร่ ริมชายหาดพัทยา ภายใต้การลงทุนของบริษัทเชิงทะเล จำกัด โดยใช้เงินลงทุนทั้งสิ้น
1,600 ล้านบาท ถือได้ว่าเป็นโครงการใหญ่ที่มาช่วยปลุกชีพอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวให้มีความคึกคักยิ่งขึ้น
โครงการนี้เกิดขึ้นจากความทะเยอทะยานของผู้บริหารหนุ่มรุ่นลูกหลานของวิเชียร
จิระพชรพร เจ้าของโรงแรมโฟร์วิงส์ ผู้ก่อตั้งบริษัทเชิงทะเลนั่นเอง เดิมบริษัทเชิงทะเลดำเนินธุรกิจการก่อสร้างเป็นหลัก
และขณะเดียวกันก็ดำเนินธุรกิจเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ด้วย ในช่วงนั้นเศรษฐกิจไทยกำลังบูมสุดขีด
กระแสการลงทุนโครงการอสังหาฯ ผุดเป็นดอกเห็ด ผู้ถือหุ้นและผู้บริหารของบริษัทจึงมองหาช่องทางในการสร้างรายได้ให้มากยิ่งขึ้น
ในที่สุดก็มาลงเอยที่โครงการอะเดรียติค พาเลซ เนื่องจากธุรกิจบริการประเภทเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์และโรงแรมถือเป็นธุรกิจของครอบครัว
ที่ทุกคนมีความคุ้นเคยเป็นอย่างดี นับตั้งแต่โรงแรมโฟร์วิงส์ ซึ่งถือเป็นโรงแรมโครงการแรกของตระกูลจิระพชรพรที่เจ้าสัววิเชียรริเริ่มขึ้น
และให้บริหารงานโดยบริษัท จิระพชรพร ซึ่งมีผู้ถือหุ้นเป็นกลุ่มเดียวกับบริษัท
เชิงทะเล ที่รับผิดชอบโครงการอะเดรียติค พาเลซที่พัทยา ที่นำทีมโดยสมพจน์
กยาวัฒนกิจเขตของวิเชียร ในฐานะกรรมการผู้จัดการ
"ในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังดี เรามองว่าธุรกิจโรงแรมมีอนาคตที่ดี และจากการสำรวจของเราก็พบว่าโรงแรมส่วนใหญ่ที่อยู่ในแถบพัทยา
ชลบุรี เป็นโรงแรมระดับ 3-4 ดาว ระดับ 5 ดาวมีน้อยมาก เราจึงคิดลงทุนในโครงการใหญ่เช่นนี้
เพื่อเป็นทางเลือกใหม่สำหรับนักท่องเที่ยวที่จะมีเพิ่มขึ้นในอนาคต"
จากนั้นไม่นานพายุเศรษฐกิจได้พัดกวาดเอาโครงการเห็ดอสังหาฯ ให้ล้มหายตายจากไปจำนวนมาก
แต่อะเดรียติค พาเลซ ยังคงยืนหยัดอยู่ได้ สามารถก่อสร้างได้สำเร็จด้วยอำนาจเงินที่แข็งแกร่ง
และความมุ่งมั่นที่แน่วแน่ของบรรดาผู้บริหาร
แม้ว่า อะเดรียติค พาเลซ จะเป็นโรงแรมในเครือของโฟร์วิงส์ แต่ทั้งสองโรงแรมได้แยกการบริหารงานออกอย่างชัดเจน
กระทั่งชื่อก็มิได้ใช้ชื่อเดียวกัน โดยสมพจน์ได้ให้เหตุผลว่า
"เราต้องแยกตัวโปรดักส์ของเราให้ชัดเจน โดยอะเดรียติค พาเลซ จะเป็นโรงแรมหรูสไตล์ยุโรป
ที่มีบริการหลากหลายที่ครบวงจร สำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่มบีบวก ขึ้นไปที่ต้องการมาพักผ่อนในเมืองไทย
ส่วนที่โฟร์วิงส์จะรองรับนักธุรกิจชาวต่างชาติเป็นหลัก ซึ่งในแง่ของการตลาดแล้วทั้งสองโรงแรมยังมีส่วนเอื้อกัน
ในแง่ของการส่งลูกค้าที่เสร็จสิ้นจากการทำธุรกิจและต้องการไปท่องเที่ยวพักผ่อน
ทางโฟร์วิงส์ก็สามารถส่งไปพักที่อะเดรียติคได้ทันที"
นับตั้งแต่อะเดรียติค พาเลซได้เปิดให้บริการอย่างไม่เป็นทางการเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
ปรากฏว่า โรงแรมมียอดของผู้มาใช้บริการสูงอย่างต่อเนื่องคิดเป็น 65% ของห้องพักทั้งหมดจำนวน
407 ห้อง ยิ่งไปกว่านั้น สมพจน์ได้เปิดเผยถึงตัวเลขการจองห้องพักในช่วงปลายปีนี้ว่ามีสูงถึง
80% แล้ว โดยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากยุโรป นอกจากนั้นเขายังเล่าถึงแผนการตลาด
ที่ทางโรงแรมได้จัดตั้งสำนักงานด้านการตลาดและการขายไปยังภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะที่สิงคโปร์และฮ่องกงกำลังมีแคมเปญส่งเสริมการตลาดกันอย่างคึกคัก
"งบประมาณ 1,600 ล้านบาท ที่เราทุ่มเทไปกับอะเดรียติค พาเลซนั้น เราไม่ได้มุ่งหวังที่จะทำให้โรงแรมของเราเป็นเพียงโรงแรมธรรมดาอีกแห่งหนึ่งของพัทยาเท่านั้น
แต่เรายังมีโครงการที่จะพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อแขกของเราโดยเฉพาะ"
สมพจน์เล่า ซึ่งในขณะนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินงานโครงการ "สปา"
เช่นสถานที่บริการด้านความงามจากต่างประเทศ ที่เขาคิดว่าดีที่สุดในประเทศไทยบนเนื้อที่อาคาร
3 ชั้นบริเวณเฟส 1 ของอะเดรียติค พาเลซ ส่วนแหล่งบันเทิงอื่นของโรงแรม อาทิ
ล็อบบี้เลาจน์ ดิสโก้เธอ ห้องคาราโอเกะ และไวน์บาร์ ยังอยู่ในระหว่างการดำเนินการ
โดยจะเริ่มให้บริการได้ในช่วงต้นเดือนกันยายนนี้
นอกจากนี้ ยังมีฝ่ายการตลาดที่สมพจน์ได้ลงทุนจ้างที่ปรึกษาจากต่างประเทศมาดูแล
ในเรื่องของการตลาดและการขาย รวมทั้งแคมเปญ และกิจกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นในอะเดรียติค
พาเลซ โดยใสช่วงนี้ได้มีการจัดบุฟเฟต์น้ำชาทุกๆ มื้อเที่ยงที่คอฟฟี่เฮาส์ของโรงแรม
และมีการจัดมุมน้ำชาสำหรับคนรักชาที่จะมีชาให้เลือกไม่ต่ำกว่า 50 รส 50 ชนิด
ทั้งยังมีการจัดแสดงแฟชั่นโชว์ทุกวันสุดสัปดาห์ เพื่อให้แขกของอะเดรียติค
พาเลซ ได้รับความสุขอย่างเต็มที่ตลอดระยะเวลาของการพักผ่อน
เพิ่งเปิดเฟส 1 ได้ไม่นาน สมพจน์ก็ไม่รอช้า เร่งเจรจากับผู้ร่วมทุนต่างชาติ
เพื่อก่อสร้างโครงการเฟส 2 ที่มีจำนวนห้องพักถึง 600 ห้อง รวมทั้งมีการให้บริการในส่วนของ
MEDICAL CENTER หรือศูนย์พักฟื้นสุขภาพที่ครบวงจร ซึ่งโครงการนี้คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ
2 ปีนับจากนี้จะแล้วเสร็จ
การที่สมพจน์กล้าลงทุนจำนวนมหาศาลสวนกระแสเศรษฐกิจ เพราะเขามีความเชื่อมั่นว่า
นับวันนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจะเข้ามาท่องเที่ยวในเมืองไทยมากขึ้น จากค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลง
ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถใช้เงินได้คุ้มค่าและหรูหรามากขึ้นในประเทศไทย หากเทียบปริมาณเงินที่เท่ากันในช่วงก่อนมีการลดค่าเงินบาท
และเขายังหวังว่านักท่องเที่ยวชาวไทยที่นิยมไปต่างประเทศ ก็จะหันกลับมาเที่ยวในประเทศไทยกันมากขึ้น
เพราะเขาจะได้รับการบริการที่สะดวกสบายครบวงจรมากขึ้นเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้ในการสนับสนุนอย่างเต็มที่พร้อมทั้งยืนยันว่า
ในอนาคตต่างชาติจะเข้ามาประชุมในประเทศไทยมากขึ้น ดังนั้นการมีโรงแรมระดับ
5 ดาวที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนักจะเป็นการรองรับกลุ่มลูกค้าระดับบนที่สามารถจับจ่ายได้อย่างเต็มที่
"แม้ว่า โรงแรมอะเดรียติค พาเลซ จะเกิดขึ้นจากความทะเยอทะยานของเรา
แต่แรงผลักดันจากความตั้งใจและประสบการณ์ของเราต่างหาก ที่เป็นสิ่งที่ทำให้ทุกอย่างเป็นจริงและสามารถดำเนินต่อไปได้"
สมพจน์กล่าวอย่างมุ่งมั่น