โทรศัพท์มือถือกลายเป็นปัจจัยที่ 5 สำหรับผู้คนในแผ่นดินจีนไปแล้ว ทั้งๆ
ที่สนนราคาของมันตกเท่ากับรายได้ตลอดปีของชาวบ้านย่านเมืองซีอาน หรือประมาณเครื่องละ
300 ดอลลาร์
ระหว่างการเดินทางบนรถไฟมุ่งหน้าสู่มณฑลซินเจียง ให้บังเอิญว่าปลายของโทรศัพท์มือถือโผล่พ้นขอบกระเป๋าเสื้อของหนุ่มวิศวกรก่อสร้างนายหนึ่ง
คนอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียง ทั้งแม่บ้าน นักศึกษา และผู้ใช้แรงงาน จึงได้โอกาสเปิดประเด็นเม้าท์สนุกปาก
วิพากษ์บริการโทรศัพท์มือถือสองสามยี่ห้อที่กำลังแข่งขายอยู่ในจีน
ตลาดโทรศัพท์มือถือในจีนกำลังแข่งเดือดทีเดียว ระหว่าง 3 ค่ายยักษ์ ได้แก่
ค่ายอีริคสัน, ค่ายโนเกีย และค่ายโมโตโรล่า สองเจ้าแรกจากย่านสแกนดิเนเวียนั้นดูว่าจะครองใจขาเม้าท์กลุ่มนี้พอๆ
กัน แต่โมโตโรล่าจากสหรัฐฯ กลับต่ำด้อยไปกว่า กง ฟานกี นักศึกษาวัย 22 ปี
บอกว่า "ผมได้ยิน มาว่ามือถือเจ้านี้เค้ามีปัญหาน่าดู"
เมื่ออดีตกาลหมาดๆ ยี่ห้อโมโตโรล่าเคยเฟื่องจัด ขนาดที่ว่าชื่อยี่ห้อนี้เป็นคำทับศัพท์สำหรับเรียกตัวโทรศัพท์มือถือ
ในหมู่ผู้บริโภคชาวจีนแผ่นดินใหญ่ แต่แล้วคู่แข่งหลายเจ้าดาหน้ากันเข้ามาแย่งทึ้งส่วนแบ่งตลาด
เป็นการสนุกมือ โดยนำเสนอเทคโนโลยีดิจิตอลเป็นจุดขาย ซึ่งก็ประสบความสำเร็จสมใจ
ด้วยความที่พวกบิ๊กโมโตโรล่ามัวลังเลไม่ยอมพัฒนาเทคโนโลยีของตนให้เข้าสู่ระบบดิจิตอล
มาถึงปีนี้ยอดขายโทรศัพท์มือถือภายใต้โลโกตัวเอ็มอันคุ้นตา (เดี๋ยวนี้ เปลี่ยนการตีความเป็นปีกไปแล้ว)
ต้องตกฮวบอย่างเห็นได้ชัด หนำซ้ำรายได้จากผลิตภัณฑ์หมวดอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ด้านเซมิคอนดักเตอร์ก็คาดการณ์ได้ว่าจะหดตัวลงมาก สืบเนื่องจากอิทธิฤทธิ์ของวิกฤตการเงินที่บั่นทอนกำลังซื้อในย่านเอเชีย
สำทับด้วยปัญหาสินค้าล้นตลาดอีกหนึ่งโสตตลาดจีนคือถังข้าวสารคนขายมือถือ
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม โมโตโรล่าไม่อาจถอนตัวออกจากภูมิภาคเอเชียได้ ด้วยว่าตลาดทั้งหมดของโมโตโรล่าประกอบขึ้นด้วยตลาดเอเชียเป็นสัดส่วนถึงหนึ่งในสี่ทีเดียว
แต่ในภาวะที่กำลังซื้อในเอเชียส่วนใหญ่ถดถอยลงไปมากนี้ หนทางชดเชยที่โมโตโรล่าต้องเลือก
ย่อมหนีไม่พ้นการลุยหนักในประเทศที่เศรษฐกิจยังขยายตัวไม่หยุดยั้ง ซึ่งจะเป็นถิ่นอื่นใดไปไม่ได้เลยนอกจากประเทศจีน
นอกจากแนวโน้มที่ว่าเศรษฐกิจของจีนมีโอกาสขยายตัวฝ่ากระแสวิกฤตเอเชียแล้ว
จีนยังเป็นขุมทองแหล่งใหญ่ของอุตสาหกรรมโทรศัพท์มือถือโดยแท้
รอสส์ โอไบรอัน ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยด้านโทรคมนาคมในจีน แห่งค่าย พิรามิด
รีเสิร์ช ฟันธงไว้ว่า จีนนั้นคือตลาดโทรคมนาคมซึ่งขยายตัวเร็วที่สุดในโลก
เพราะผู้บริโภคในจีนนับวันแต่จะคลั่งไคล้โทรศัพท์มือถือหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ
ด้วยตัวเลขศักยภาพการขยายตัวที่ชวนน้ำลายหก ในชุมชนนูโวริชแห่งนี้จะมีผู้ใช้มือถือเพิ่มขึ้นเกือบ
1 ล้านรายต่อเดือน เมื่อถึงปลายปีนี้ จำนวนผู้จดทะเบียนใช้มือถือทั้งหมดน่าจะทะลุหลัก
22 ล้านราย อันจะทำให้จีนขึ้นแท่นตลาดมือถือใหญ่อันดับ 3 ของโลก เป็นรองอยู่แค่เพียง
สหรัฐฯ และญี่ปุ่นเท่านั้น
แต่นั่นยังไม่เพียงพอที่จะอธิบายได้ว่าทำไมโมโตโรล่าจึงให้น้ำหนักแก่ตลาดจีนเสียนักหนา
สาเหตุสำคัญอยู่ที่ว่าจีนเคยเป็นทั้งหมูในอวย และเป็นทั้งถังข้าวสารให้แก่โมโตโรล่ามานานกว่าหนึ่งทศวรรษ
ล่าสุดเมื่อปี 1997 รายได้ของโมโตโรล่าในจีนเคยมีสัดส่วนเป็น 11% ของรายได้รวมทั้งโลกของค่ายทีเดียว
แต่แล้วโมโตโรล่ากลับสูญเสียตลาดสำคัญแหล่งนี้ ไปสู่อ้อมกอดของคู่แข่งสแกนดิเนเวียนอย่างอีริคสันไปอย่างไม่น่าให้อภัย
เป้าหมายของโมโตโรล่าจึงขีดเส้นเด่นชัดไว้ได้เลยว่า โมโตโรล่าจะต้องดึงตลาดจีนกลับคืนมาเพื่อประคองตัว
ฝ่ามรสุมเศรษฐกิจในยุคนี้ให้ได้ ขณะที่โมโตโรล่ายอมลดการลงทุนในที่อื่นๆ
แต่โมโตโรล่ากลับเดินหน้าลงทุนเพิ่มในจีนถึง 1,300 ล้านดอลลาร์ งบประมาณตัวนี้ครอบคลุมถึง
โครงการสร้างโรงงานผลิตโทรศัพท์มือถือและเซมิคอนดักเตอร์แห่งใหม่ด้วย "เราถือว่าจีนเป็นตลาดใหญ่สุดอันดับสองของโลกสำหรับเราครับ
อันนี้นับเฉพาะตลาดส่วนที่อยู่นอกสหรัฐฯ นะครับ" ริค ยูนต์ส รองกรรมการ
ผู้จัดการฝ่ายภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของโมโตโรล่าเปิดเผย และบอกด้วย "ผมขอเรียนอย่างนี้เลยครับว่า
จีนคือตลาดที่สร้างรายได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ให้แก่รายรับยอดรวมของเราครับ"
ทว่า ตอนปฏิบัตินั้นมักไม่ง่ายดังสร้างมโนภาพ โมโตโรล่าต้องเผชิญการท้าทายใหญ่หลวงที่เกิดขึ้น
หลังจากที่ตนเพลี่ยงพล้ำครั้งสำคัญในเมืองจีน เรื่องนี้สะท้อนอยู่ในข้อเท็จจริงที่ว่า
ทุกวันนี้ถ้าถามคนจีนว่า โทรศัพท์มือถือเรียกเป็นภาษาจีนว่าอะไร คำตอบที่ได้รับคือ
'อ้ายลี่ซิน' อนิจจา ศัพท์คำนี้ที่แท้ก็คือยี่ห้ออีริคสันที่เรียกขานกันในภาษาจีนนั่นเอง
พวกคู่แข่งของโมโตโรล่าสามารถแซงหน้าโมโตโรล่า โดยนำเทคโนโลยีดิจิตอลเข้ามาเผยแพร่ในจีนได้ก่อนถึงกว่า
1 ปี ตอนนี้โมโตโรล่าอยู่ล้าหลังห่างไกลอีริคสันหลายขุม อีริคสันกลายเป็นผู้นำตลาดเจ้าใหม่
ทั้งในด้านยอดจำหน่ายเครื่องมือถือ และในด้านยอดขายอุปกรณ์สถานีเครือข่าย
ซึ่งรองรับศักยภาพการให้บริการโทรศัพท์มือถือ นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมโทรคมนาคมประมาณว่า
ส่วนแบ่งตลาดโทรศัพท์มือถือของโมโตโรล่าหดตัวฮวบฮาบจาก 70% เหลือราว 26%
โมโตโรล่าตั้งเป้า : ผงาดใหม่ใหญ่กว่าเดิม
ยูนต์สกับผู้บริหารอื่นๆ ของโมโตโรล่า ยอมรับว่า บริษัทเผชิญความลุ่มๆ
ดอนๆ ในเมืองจีน ส่วนหนึ่งเนื่องจากตัวเองก้าวผิดนั่นแหละ อย่างไรก็ดี ขวัญกำลังใจของทีมงานยังดีอยู่มาก
ด้านหนึ่งพวกเขาเดินนโยบายลดต้นทุน จนสามารถบอกได้ว่า โมโตโรล่ายังมีศักยภาพการทำกำไรอยู่ไม่น้อยภายในดินแดนแห่งนี้
ในอีกด้านหนึ่งพวกเขามองอนาคตอย่างเปี่ยมหวังว่าถ้าทุกอย่างเดินไปตามแผน
(ซึ่งก็ดูจะเป็น "ถ้า" ที่ออกจะหนักหนาอยู่เหมือนกัน) โมโตโรล่าจะหวนกลับคืนสู่ความเป็นเจ้าตลาดมือถือ
ภายในปลายปีนี้ด้วยการเปิดตัวเครือข่ายระบบดิจิตอลระบบใหม่
ความมุ่งมั่นของโมโตโรล่าดูจะน่าจับตาเอาจริงๆ ด้วยว่า แม้แต่บริษัทคู่แข่งเองก็ต้องยอมรับว่าบริษัทคงสามารถตีคืนส่วนแบ่งกลับไปได้บ้าง
เพียงแต่มันหมายถึงการฟันฝ่าอุปสรรคสาหัส ประเภทสวรรค์แกล้งระคนนรกสาปหลายประการ
อาทิ คุณภาพในอดีตสร้างความเสียหายแก่ตัวแบรนด์เนมไปไม่ใช่น้อย, ผลกำไรหดหาย,
และพวกบริษัทคนจีนที่เน้นกลยุทธ์ตัดราคา ได้แห่กันแจ้งเกิดอย่างมหาศาลราวกับดอกเห็ดหน้าฝน
เหล่านี้จะทำให้ช่วง 2-3 ปีข้างหน้า กลายเป็นระยะเวลาลำบากยากเย็นทีเดียว
สำหรับการหวนกลับมาผงาดใหม่ใหญ่กว่าเดิมดังที่โมโตโรล่าตั้งเป้าไว้
โมโตโรล่า ช่างเป็นกรณีศึกษาที่มองข้ามไม่ได้ในเรื่องการลงทุนของต่างชาติในประเทศจีน
และที่น่าจับตากว่านั้นคือ ลีลาไหวพลิ้วอย่างไรที่บริษัทรายนี้จะใช้เพื่อจัดการแก้ไขปัญหาตัวเอง
โมโตโรล่านับเป็นบริษัทอเมริกันรายแรกๆ ที่เข้าลงทุนในจีน เมื่อปี 1986 โมโตโรล่ากำเงินก้อนโตร่วม
100 ล้านดอลลาร์ ไปเจรจาตกลงกับทางการจีน เพื่อจะพาโลโกตัวเอ็มอันเลื่องลือของตนเข้าบุกตลาดจีน
นับแต่นั้นบริษัทประสบความสำเร็จน่าประทับใจ สามารถจ้ำพรวดๆ ขยายตัวได้อย่างสม่ำเสมอ
และมีฐานะเป็นนักลงทุนอเมริกันใหญ่อันดับ 2 ในจีน รองจาก เจเนอรัล มอเตอร์ส
นอกจากนั้น โมโตโรล่ายังเป็นบริษัทอเมริกัน เจ้าแรกที่ได้รับอนุญาตให้ถือหุ้นเต็ม
100% ในกิจการของตนที่เมืองจีน ภายในสิ้นทศวรรษนี้ การลงทุนของโมโตโรล่าในจีนจะทะลุหลัก
2,500 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่าที่อื่นใดในโลกนอกปริมณฑลประเทศแม่
ตัวเลขเช่นนี้เป็นพยานยืนยันได้ว่า ผู้บริหารโมโตโรล่าเชื่อมั่นเหลือเกินว่ายังมีหนทางทำเงินอีกมหาศาลนักในเมืองจีน
และถึงแม้ต้องประสบความลำบากกับเรื่องโทรศัพท์มือถือซึ่งเป็นธุรกิจหลักของตัวเอง
แต่โมโตโรล่ายังมีกิจการด้านอื่นอีกหลายหลากในประเทศนี้ที่ทำกำไรได้ดี ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์วิทยุสื่อสาร
ที่ขายดิบขายดีอย่างระเบิดเถิดเทิง โดยมีกระทรวงรักษาความปลอดภัยสาธารณะของจีนนี่แหละเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุดรายหนึ่ง
หรือไม่ว่าจะเป็นเครื่องเพจเจอร์ที่โมโตโรล่าผลิตเองก็สามารถครองตลาดในจีนได้ราวครึ่งหนึ่ง
ทั้งๆ ที่มีเพจเจอร์ราคาถูกกว่าจากฮ่องกง เกาหลีใต้ ตลอดจนที่ทำในจีน เบียดแย่งส่วนแบ่งอยู่อย่างไม่ลดละ
มั่นใจขยายตัวด้านเซมิคอนดักเตอร์
เมื่อโมโตโรล่าเข้าทำธุรกิจในเอเชีย โมโตโรล่าประสบความสำเร็จสูงมากกับการขยายตัว
ในสไตล์แผ่ซ่านออกไปเท่าที่สายสัมพันธ์จะเอื้ออวยถึง ธุรกิจที่อยู่ในประเทศจีนของโมโตโรล่าจึงใช่ว่าจะจำกัดวงอยู่แต่เฉพาะด้านโทรคมนาคม
อันเป็นธุรกิจแกนกลางของบริษัท ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของบริษัทที่แพร่หลายทั่วจีนมีหลายหลากประเภทกว้างขวาง
ตั้งแต่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกติดตั้งในรถยนต์ ไปจนถึงบัตรสมาร์ทการ์ด, เครื่องเซรามิก,
ควอตซ์, เครื่องคริสตอล และแน่นอนว่ารวมทั้งเซมิคอนดักเตอร์ หรือ "ชิป"
เจ้าสมองและความจำขนาดจิ๋ว ซึ่งซ่อนอยู่ข้างในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกทั้งหลาย
ไล่ตั้งแต่กล้องถ่ายภาพไปจนถึงคอมพิวเตอร์ เซมิคอนดักเตอร์ทำรายได้คิดเป็นกว่า
20% ของยอดขายทั่วโลกของโมโตโรล่า หรือประมาณครึ่งหนึ่งของผลิตภัณฑ์ด้านโทรศัพท์มือถือ
ภายในยุทธศาสตร์การผลิตที่โมโตโรล่าวาดไว้ ธุรกิจหมวดเซมิคอนดักเตอร์นั้นเป็นเสี้ยวส่วนสำคัญขององค์รวมระดับโลก
ขณะนี้บริษัทกำลังก่อสร้างโรงงานมูลค่า 720 ล้านดอลลาร์ที่เมืองท่าเทียนสิน
เพื่อผลิตแผ่น "เวเฟอร์" ซึ่งเป็นตัวแผ่นวัสดุสำหรับทำเซมิคอนดักเตอร์
โรงงานแห่งนี้จะเป็นโรงงานผลิตแผ่นเวเฟอร์แห่งแรกของโมโตโรล่า ที่ตั้งอยู่นอกสหรัฐฯ
และคาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องผลิตได้ในต้นปีหน้าเท่านั้นยังไม่พอ บริษัทยังมีแผนจะขึ้นโรงงานเซมิคอนดักเตอร์อีกอย่างน้อย
1 แห่งในจีน ภายในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ตลอดจนจะตั้งโรงงานด้านออกแบบด้วย
แผนขยายตัวด้านเซมิคอนดักเตอร์ของโมโตโรล่านับว่าอาจหาญนัก เมื่อคำนึงถึงว่าภาวะตลาดเซมิคอนดักเตอร์ของโลกกำลังทรุดตัวฮวบฮาบอยู่ในเวลานี้
และเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ว่าคนโมโตโรล่าจะไม่รู้ เล่ากันว่าแต่เดิมนั้นทางโมโตโรล่าประมาณการไว้ว่า
ความต้องการเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกจะขยายตัว 15% ในปี 1998 แต่ ณ วันนี้
โมโตโรล่ายอมรับแล้วว่าดีมานด์ดังกล่าว นอกจากจะไม่ขยายแล้ว ยังซ้ำจะหดตัวลงหลายเปอร์เซ็นต์ทีเดียว
อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่พวกนายใหญ่ของโมโตโรล่ากล้าสวนกระแส เป็นเพราะการวิเคราะห์ว่าสถานการณ์จะเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ต้นปีหน้า
ยิ่งกว่านั้นทางโมโตโรล่าวิเคราะห์ไว้แล้วว่า ในที่สุดแล้วจีนจะกลายเป็นผู้ซื้อเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ที่สุดของโลก
และโมโตโรล่าก็เตรียมรับความสำเร็จไว้อย่างแข็งขัน "มันจะเกิดขึ้นในปีไหนนั้นขึ้นอยู่กับว่าคุณไปคุยกับใคร
แต่แน่นอนว่ามันน่าจะเป็นช่วงต้นๆ สหัสวรรษหน้านี่แหละ" ยูนต์สฟันธงอย่างมั่นอกมั่นใจ
โมโตโรล่ากำลังจัดทำแผนขั้นสุดท้าย เพื่อนำเงินลงทุนใหม่อีกจำนวนหนึ่งเข้าลงในโรงงานแห่งหนึ่งที่เมืองซูโจว
ซึ่งอยู่ทางภาคตะวันออกของจีน ยูนต์สกล่าวว่า โรงงานนี้จะผลิตทั้งวิทยุสื่อสาร
อุปกรณ์พื้นฐานสำหรับระบบโทรศัพท์มือถือ เครื่องเพจเจอร์ และเครื่องมือถือ
เป้าหมายปลายทางสำหรับโรงงานแห่งนี้วาดวางไว้ว่าในอีกสัก 10 ปี โรงงานแห่งนี้จะกลายเป็นคู่แข่งของโรงงานปัจจุบัน
ที่ตั้งอยู่ทางเทียนสิน
บริษัทได้เริ่มงานปฏิรูปโครงสร้างภายในองค์กรของตนครั้งสำคัญในระดับโลก
เพื่อหนุนเสริมการกลับขึ้นผงาดภายในประเทศจีน โมโตโรล่าประกาศในเดือนกรกฎาคมว่า
จะหั่นต้นทุนและลดการแข่งขันภายในระหว่างแผนกงานต่างๆ ซึ่งเป็นจุดอ่อน และภาพด่างพร้อยของตัว
อีกทั้งเป็นจุดที่นักวิเคราะห์บางคนกล่าวโทษว่า คือต้นเหตุของการตัดสินใจผิดพลาดฉกาจฉกรรจ์หลายครั้ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การชะลอไม่ยกระดับเทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือขึ้นสู่ระบบดิจิตอล
งัดทุกกลยุทธ์พลิกฟื้นฐานะ
เจ้าตลาดแห่งระบบ CDMA
แคมเปญโฆษณาระดับโลกเพื่อเร่งเสริมภาพลักษณ์ตัวเอง เป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งที่โมโตโรล่าจะนำมาใช้
อย่างไรก็ตาม ไอเดียแคมเปญที่วางกันไว้ได้รับการวิจารณ์จากหลายฝ่าย รวมทั้งจากผู้บริหารของบริษัทบางคนว่า
ออกจะสะเหร่อปนเชยไปหน่อย เรื่องนี้อาจเป็นการเสียมากกว่าได้สำหรับ ตลาดจีน
ซึ่งมีระดับความเห่อเหิมในเรื่องแบรนด์สูงมาก แคมเปญโฆษณาชุดใหม่นี้ จะเล่นกับโลโกรูปตัวเอ็มของบริษัท
ซึ่งออกแบบให้มีสไตล์แลดูคล้ายกับปีกค้างคาว หนังโฆษณานี้มีทั้งช็อตท้องฟ้าที่เมฆลอยเลื่อน
แล้วก็มีเสียงพูดขึ้นว่า "เขาว่ากันว่าคนเราบินไม่ได้ โมโตโรล่าติดปีกให้กับคุณ"
เมื่อเอาไอเดียแคมเปญนี้ไปเทียบกับของทางอีริคสันแล้วออกจะน่าห่วง เมื่อเร็วๆ
นี้เอง อีริคสันเพิ่งเปิดแคมเปญโปรโมชั่นจ๊าบสุดๆ ในจีน โดยใช้ดารานักร้องนักแสดงฮ่องกงระดับซูเปอร์สตาร์อย่าง
หลิวเต๋อหัว เป็นพรีเซ็นเตอร์ ขณะที่ทางโมโตโรล่ายังไม่ได้สร้างสรรค์โฆษณาพิเศษอะไร
เพื่อใช้ในจีนเป็นการเฉพาะเลย
ความหวังของโมโตโรล่าที่จะฟื้นฟูที่ทางของตนในตลาดโทรศัพท์มือถือจีน ฝากไว้กับการเปิดตัวเครือข่ายระบบดิจิตอลระบบใหม่เป็นสำคัญ
บริษัทหวังไว้ว่าจะสามารถทำได้ตอนปลายปีนี้ ทว่าบริษัทจีนที่จะต้องเป็นผู้บริหารเครือข่ายนี้
คือ ไชน่า เทเลคอมส์ เกรท วอลล์ ยังไม่ได้กำหนดเวลาแน่นอนชัดเจน และกำลังรอให้รัฐบาลปักกิ่งอนุมัติเสียก่อน
อย่างไรก็ตาม โมโตโรล่ามิได้นิ่งนอนใจ หากกำลังจะเริ่มเดินเครื่องการผลิตในโรงงานใหม่
2 แห่งที่เมืองหางโจว ซึ่งจะผลิตเครื่องมือถือและโครงสร้างพื้นฐานสำหรับสนับสนุนเครือข่ายใหม่ที่ว่านี้
เครือข่ายใหม่ของโมโตโรล่าจะอาศัยเทคโนโลยีที่เรียกว่า CDMA ซึ่งโมโตโรล่ายืนยันว่าให้คุณภาพเสียงดีเยี่ยมกว่าระบบอื่น
"เชื่อมั่นมากครับว่า CDMA จะเป็นพลังที่สำคัญมากในประเทศจีน"
เค.พี. โต หัวหน้าผู้แทนในประเทศจีนของโมโตโรล่าบอก
CDMA นั้นใช้กันกว้างขวางในสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ อีกทั้งกำลังเริ่มเจาะเข้าไปตามประเทศอื่นๆ
ในเอเชีย แต่เมื่อเปรียบเทียบ CDMA กับ GSM ซึ่งเป็นคู่แข่งรายสำคัญภายใต้มาตรฐานดิจิตอลอีกระบบหนึ่งแล้วออกจะน่าเป็นห่วง
ทั้งนี้ GSM เริ่มใช้กันในยุโรปเมื่อปี 1992 และคุยว่ามีผู้ใช้ทั่วโลกอยู่
100 ล้านราย ขณะที่ CDMA ยังมีเพียง 12 ล้านราย จึงทำให้ GSM ได้เปรียบในแง่ที่ใช้สะดวกกว่า
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในหมู่ผู้ที่ต้องเดินทางบ่อย
จนถึงเวลานี้ มีเครือข่ายทดลองของระบบ CDMA ปรากฏขึ้นในเมืองใหญ่ของจีนอย่างน้อย
4 แห่งแล้ว ทว่าการให้บริการเชิงพาณิชย์แก่ลูกค้ายังไม่เรียบร้อย ต้องรอให้มีการเปิดตัวเครือข่ายเสียก่อน
ปัญหาคงจะมีอยู่แน่ๆ เพราะไชน่า เทเลคอมส์ เกรท วอลล์ ได้ดำเนินการทดลองมาปีครึ่งแล้ว
โดยไม่ได้มีข่าวคราวว่ามีความติดขัดบกพร่องอะไร ผู้สังเกตการณ์บางรายจึงสงสัยว่า
พวกเจ้าหน้าที่รับผิดชอบด้านโทรคมนาคมกำลังพิจารณาทบทวนเรื่องนี้อยู่หรือเปล่า
การณ์กลับจะน่าเป็นห่วงซ้ำซ้อนเข้าไปอีก เมื่อมีข่าวออกมาว่าประธานาธิบดีเจียงเจ๋อหมินเพิ่งมีคำสั่งเมื่อต้นเดือนสิงหาคมนี้เอง
ให้หน่วยงานของกองทัพถอนตัวจากธุรกิจ ซึ่งไม่ใช่ภาระหน้าที่ทางทหาร เรื่องนี้ย่อมกระทบไชน่า
เทเลคอมส์ เกรท วอลล์ โดยตรง เพราะบริษัทมีกองทัพปลดแอกประชาชนเป็นผู้ถือหุ้นอยู่ครึ่งหนึ่ง
(อีก 50% ที่เหลือเป็นของไชน่า เทเลคอม ยักษ์ใหญ่รัฐวิสาหกิจด้านโทรศัพท์)
ความเปลี่ยนแปลงในข้อนี้จุดประกายคำถามขึ้นเกี่ยวกับอนาคตของบริษัทนี้ และอาจจะทำให้บริษัทเกิดอุปสรรคในการหาเงินทองมาใช้จ่ายก็ได้
ทั้งหมดนี้กลายเป็นขวัญกำลังใจแก่บรรดาคู่แข่งหลักๆ ของโมโตโรล่า ซึ่งยังคงยึดมั่นอยู่กับมาตรฐาน
GSM จอห์น กิลเบิร์ตสัน กรรมการผู้จัดการ ของอีริคสันในประเทศจีน บอกว่าเทคโนโลยี
CDMA นั้น "ตาย" แล้วในเมืองจีน และดักคอไว้ว่าป่วยการที่พวกผู้บริหารโมโตโรล่าจะยังพูดไปเป็นอย่างอื่น
เพราะมันคือการหลอกตัวเอง
ปัญหาที่รอเล่นงานโมโตโรล่ายังมีแง่มุมอื่นอีกหลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ประเด็นความแพร่หลายทั่วโลกซึ่งเป็นจุดแข็งของ GSM ที่โมโตโรล่ามองข้ามละเลยไปด้วยว่า
โมโตโรล่าตั้งเป้าหมายว่าจะกระโดดเลยข้าม GSM ไปสู่ CDMA นอกจากนั้น ในการตั้งเครือข่าย
CDMA ขึ้นมาใหม่ จะต้องกินเวลาร่วม 2-3 ปีจึงจะถึงจุดคุ้มทุน ซึ่งอาจเข้าตำราที่ว่ากว่าถั่วจะสุก
งาก็ไหม้ เพราะกว่าจะถึงตอนนั้น คาดได้ว่าเทคโนโลยีของมือถือก็จะก้าวกระโดดไปอีก
เข้าสู่สิ่งที่เรียกว่า "รุ่นที่สาม" ซึ่งจะทำให้มาตรฐานที่มีกันอยู่เวลานี้ล้าสมัยไปแบบยกแผง
แน่นอนว่า โมโตโรล่าไม่ได้ฝากผีฝากไข้ไว้กับเครือข่าย CDMA เพียงอย่างเดียว
บริษัทยังผลิตและจำหน่ายเครื่องโทรศัพท์มือถือระบบ GSM ทั้งในเมืองจีนและทั่วโลกด้วย
มือถือ GSM รุ่น StarTAC ของโมโตโรล่าซึ่งเปิดตัวเมื่อปีที่แล้วเป็นที่นิยมกันมาก
แม้บริษัทไม่ยอมเปิดเผยว่าทำรายได้จากเสี้ยวส่วนนี้ไปสักกี่มากน้อย แต่นักวิเคราะห์คาดว่าโมโตโรล่าคงจะได้ส่วนแบ่งตลาด
GSM ไปในราว 20-25% ซึ่งไล่เลี่ยกับค่ายโนเกีย แต่น้อยกว่าอีริคสันราว 10%
ปัจจัยด้านเทคโนโลยีกับคุณภาพดูจะลดความสำคัญในเชิงการตลาดลงเรื่อยๆ สำหรับผู้บริโภคในจีน
เพราะพูดกันหนาหูว่า คนย่านนี้ออกจะแคร์กับภาพลักษณ์และความโด่งดังของยี่ห้อมากกว่าอื่นใด
เพอร์ตี ไซโมวารา ซึ่งบริหารงานให้แก่ค่ายโนเกียในจีนให้ความเห็นว่า "ตลาดที่นี่แฟชั่นจ๋ามากอย่างน่าอัศจรรย์ใจ
แค่คุณมองดูสไตล์การแต่งตัวของผู้คนตามท้องถนน คุณจะเห็นได้เลยว่าคนที่นี่แฟชั่นจัดขนาดไหน
พอมาถึงเรื่องของโทรศัพท์มือถือ คนที่นี่จะยิ่งเน้นแฟชั่นมากเข้าไปใหญ่"
ระวังการแข่งขันจากบริษัทท้องถิ่น
แม้ขณะนี้ คู่แข่งที่น่ากลัวที่ สุดของโมโตโรล่ายังเป็นพวกฝรั่งด้วยกัน
แต่ในอนาคตอันใกล้นี้ คู่แข่งจากท้องถิ่นจะมีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจุดแข็งของกลุ่มนี้มักอยู่ที่เงื่อนไขราคา
ในการทำตลาดที่มีการแข่งขันรุนแรงอย่างเช่นในจีนนี้ โมโตโรล่าต้องใช้กลยุทธ์แบบเดียวกับใครต่อใคร
คือการลดราคาตัวเครื่องจนเหลือส่วนของกำไรบางเฉียบเหลือเกิน แม้ตลาดในจีนปัจจุบันนี้จะมีผู้ผลิตเครื่องโทรศัพท์มือถือที่เป็นบริษัทชาวจีนอยู่เพียงรายเดียว
แต่สำหรับอนาคตแล้วย่อมหนีไม่พ้นว่า จะมีผู้ผลิตที่เป็นบริษัทชาวจีนทยอยกันแจ้งเกิดมากขึ้นเรื่อยๆ
และผู้ผลิตกลุ่มนี้มักจะมุ่งจับแต่ผู้บริโภคประเภทรสนิยมสูงแต่รายได้ต่ำ
"ปัญหาที่ทั้งโมโตโรล่าและอีริคสันล้วนแต่ต้องขับเคี่ยวภายในตลาดจีน
ช่างเป็นปัญหาแบบเดียวกับที่บริษัทต่างชาติในจีนล้วนต้องเจออยู่เวลานี้ ถ้าราคาของคุณสูงเกินไป
คุณก็เตะตัวเองออกไปจากตลาด แต่ถ้าคุณไม่มีจุดแข็งด้านบริการ หรือคุณภาพมาเสนอให้ต่างไปจากบริษัทจีน
คุณก็จะตกที่นั่งว่าลำบากที่จะทำธุรกิจที่นี่ให้ตลอดรอดฝั่ง" กรูเอซเนอร์
บอกอย่างนั้น
กระนั้นก็ตาม ความวิตกต่อภาวะการแข่งขันด้านเครื่องโทรศัพท์มือถือจะจืดไปเลย
หากนำไปเทียบกับการแข่งขันจากบริษัทท้องถิ่นในธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานของโทรคมนาคม
ซึ่งรวมถึงการผลิตอุปกรณ์ชุมสายและสถานีฐาน บริษัทของจีนอย่าง หวาเว่ย เทคโนโลยี
ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองเซินเจิ้น และ ต้าถัง เทเลโฟน คอร์ป แห่งเมืองซีอาน
คว้าส่วนแบ่งในตลาดโครงสร้างพื้นฐานไปได้แล้วราว 6% ในปีนี้ จากที่ไม่มีเอี่ยวอะไรเลยเมื่อปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ศักยภาพของบริษัทจีนที่จะก้าวกระโดดตามเทคโนโลยีใหม่ๆ ยังเป็นเรื่องที่ไม่ชัดเจน
กิลเบิร์ตสันแห่งอีริคสันวิจารณ์ว่า เมื่อ เทคโนโลยีโทรคมนาคมก้าวกระโดดไปสู่ยุคใหม่อีกยุคหนึ่ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการรับส่งข้อมูล หวาเว่ยอาจ ไม่มีศักยภาพเพียงพอที่จะกระโจนตามไปไหว
ตลาดด้านอุปกรณ์ชุมสายและสถานีฐานนับว่าโหดหินสำหรับโมโตโรล่า บริษัทเสียรังวัดด้านโครงสร้างพื้นฐานไปแยะจากการก้าวเข้ามาของ
GSM ใน ปี 1997 บริษัทอยู่ในอันดับ 4 ตามหลัง อีริคสัน โนเกีย และ อัลคาเทล
โดย ได้ส่วนแบ่งเพียง 11% จากคู่สายมือถือระบบดิจิตอล 20.2 ล้านคู่สายที่ให้บริการกันอยู่
ที่ร้ายกว่านั้นคือ แม้กระทั่งในตลาดโครงสร้างพื้นฐานระบบอนาล็อก โมโตโรล่ากลับล้าหลังคู่แข่งจากสวีเดน
กล่าวคือเป็นผู้ซัปพลายราว 38% ของคู่สายที่ใช้กันอยู่ 7.4 ล้าน คู่สาย เปรียบเทียบกับอีริคสันซึ่งคว้าเอาไป
55%
ฐานะของ โมโตโรล่า ออกจะย่ำแย่เนื่องจากข้อเท็จจริงที่ว่า บริษัทผลิตเพียงแค่สถานีฐาน
ซึ่งทำหน้าที่รับสัญญาณวิทยุเมื่อมีเครื่องมือถือเรียกเข้ามา ทว่าไม่ได้ซัปพลายชุมสาย
อันเสมือนเป็นมันสมองคอยประสานจัดแบ่งเส้นทางติดต่อให้แก่เครื่องที่เรียกเข้ามา,
คิดคำนวณค่าบริการ, และอื่นๆ ดังนั้น โมโตโรล่า จึงต้องยอมเชื่อมต่อกับคู่แข่ง
อาทิ ซีเมนส์ ให้คนอื่นเขาซัปพลายชุมสายให้ ทั้งที่บริษัทพวกนี้เองก็ผลิตสถานีฐานอยู่เช่นกัน
อีกไม่นาน ผู้บริหารของโมโต-โรล่าจะต้องเผชิญการทดสอบอันสำคัญ ยิ่งยวดอีกรอบหนึ่ง
เมื่อจะต้องเร่งเครื่องก้าวกระโดดไปสู่เทคโนโลยีมือถือ "รุ่นที่สาม"
ซึ่งคาดหมายกันว่าจะเข้าแทนที่มาตรฐานดิจิตอลที่มีอยู่เวลานี้ภายในเวลา 3-4
ปีข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม โมโตโรล่าเจ็บปวดมาเกินพอแล้วสำหรับบทเรียนว่าด้วย "ผลิตภัณฑ์ของวันนี้คือขยะของวันพรุ่งนี้"
ขณะนี้สายตาของยูนต์ส นายใหญ่ฝ่ายเอเชียแปซิฟิกของโมโตโรล่าเฝ้าแต่สอดส่ายหาสิ่งที่เรียกว่าจังหวะโอกาส
เขายอมรับว่า "จังหวะเวลานั่นแหละคือทุกสิ่งทุกอย่าง"