เมื่อ 10 กันยายนที่ผ่านมา มีพิธีเซ็นสัญญาที่จะเรียกว่าขนาดยักษ์ก็ไม่ผิดนักเกิดที่ห้องบอลรูม
โรงแรมรีเจ้นท์ เป็นการเซ็นสัญญาที่มีผู้ร่วมลงนามด้วยเกือบร้อยคน ประกอบไปด้วยผู้แทน
จากสถาบันการเงินทั้งไทยและต่างประเทศ โดยมี ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นประธานในพิธี
ผู้แทนที่มาร่วมงานด้วยเป็นจำนวนมากนั้น มาเพื่อฟังคำกล่าว (speech) ของคน
4 คนแล้วเซ็นชื่อเท่านั้น แต่ความหมายของพิธีนี้มีมากกว่านั้น มันเป็นการยอมรับหลักเกณฑ์และแนวทางในการปรับปรุงโครงสร้างหนี้
ซึ่งมีความหมายอย่างสำคัญ ยิ่งต่อภาคธุรกิจเอกชนในยามนี้
3 เดือนหลังจากนี้ คงจะพอเห็นรูปร่างการแก้ไขปัญหาหนี้ว่ามีความคืบหน้ามากแค่ไหน
ซึ่งเชื่อว่าต้องมีอยู่บ้าง เพราะในงานนี้มีสักขีพยานคนสำคัญเป็นเจ้าหน้าที่ไอเอ็มเอฟ
ที่คอยติดตามดูทุกขั้นตอนว่าไทยจะปฏิบัติได้จริงตามที่มีการลงนามใน LOI หรือไม่
ก็หวังว่าบรรดาเจ้าหนี้ทั้งหลายจะให้ความเป็นธรรมแก่การแก้ไขปัญหาลูกหนี้ของตัว
สกู๊ปข่าวปกฉบับนี้ ว่าด้วยเรื่องฐานะของธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งผู้บริหารได้ให้สัมภาษณ์เป็นพิเศษกับทีมงานผู้จัดการ
แต่เป็นการสัมภาษณ์ก่อนหน้าการรายงานงบดุลฉบับตรวจสอบ ซึ่งผู้บริหารมีความเชื่อมั่นต่อสถานะของธนาคารเป็นอย่างมาก
โดยเฉพาะโบนัสที่ได้รับจากมาตรการ 14 ส.ค. ของทางการที่ทำให้ธนาคารยืดอายุลมหายใจไปได้อย่างสบายๆ
ถึงกลางปีหน้า แต่ตอนนี้ธนาคารก็พยายามแก้ปัญหาของตัวเอง เช่น การตั้งบริษัทบริหารหนี้
ความร่วมมือกับลูกหนี้ในการที่จะสร้างดีมานด์ในสินค้าของลูกหนี้ ฯลฯ อย่างไรก็ดีในเรื่องการตั้ง
SCB Club ที่ฟังดูเป็นแนวคิดหรูเลิศมากนั้น ยังมีความล่องลอยอยู่มาก
สกู๊ปข่าวอื่นๆ ฉบับนี้อัดแน่นไปด้วยสาระ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเคเบิลทีวีที่ตอนนี้กลายเป็นกิจการผูกขาดไปแล้ว
เรื่องของสตาร์บล็อคที่แผนฟื้นฟูไม่ผ่านการตัดสินของศาล แม้ว่าเจ้าหนี้รายใหญ่จะยินยอม
แต่มีเจ้าหนี้รายเล็กไม่โอเค ทว่าเนื้อหาการฟื้นฟูกิจการก็ฟังดูทะแม่งชอบกลอยู่
นอกจากนี้เรื่องราวของผาแดง หุ้นขวัญใจนักลงทุนยุคเก่า ตอนนี้ อาสา กลับมาแล้ว
รอพิสูจน์ฝีมือของเขากันว่าจะพาผาแดงหวนกลับสู่คืนวันอันรุ่งโรจน์อีกได้หรือไม่
ด้านสกู๊ปข่าวอื่นๆ และคอลัมน์ประจำก็ยังคงเป็นเช่นเดิมค่ะ พบกันใหม่ฉบับหน้า