Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ ตุลาคม 2541








 
นิตยสารผู้จัดการ ตุลาคม 2541
TUF+SC : Deal of the Year             
 

   
related stories

ธีรพงศ์ จันศิริ : เบื้องหลังอาณาจักร TUF




การรวมตัวกันระหว่าง TUF กับ SC ได้กลายเป็นกรณีศึกษากับบริษัทหลายแห่งที่ในอดีตยึดหลักแตกแล้วโต หลายๆ แห่งทำธุรกิจเดียวกันแต่เพื่อกันคนอื่นเข้ามาแย่งตลาด ก็จะใช้วิธีตั้งบริษัทขึ้นมาใหม่แล้วแข่งกันเอง วิธีดังกล่าวทำได้กรณีเศรษฐกิจขาขึ้นเท่านั้น ดังนั้นการที่ TUF เข้าไปซื้อ SC กลับเป็นการขยายเครือข่ายแม้ว่าจะไม่ใช่บริษัทในเครือแต่เป็นเพียงบริษัทร่วมลงทุน คือ มีผู้ถือหุ้นเป็นกลุ่มเดียวกัน ส่งผลให้การรวมกิจการ เข้าด้วยกันครั้งนี้จึงเป็นไปด้วยความพอใจของทั้งสองฝ่าย ที่สำคัญหุ้นจำนวนประมาณ 80% อยู่ในมือผู้ถือหุ้นใหญ่ของ SC จึงไม่มีปัญหาอะไรในการรวมกิจการครั้งนี้

"ดีลนี้เราเข้าไปศึกษาใช้เวลาเพียง 2 เดือนในการดูโครงสร้างว่าจะรวมกันได้หรือไม่ ซึ่งไม่ยากเพราะทั้งสองตระกูลนี้สนิทกันอยู่แล้ว มีการถือหุ้นไขว้กันไปกันมา จุดประสงค์ใหญ่ของการรวมกัน คือ ลดต้นทุนทั้งการขาย การทำงาน เพราะบางอย่างซื้อร่วมกันได้ ระบบบัญชีอาจ จะใช้ร่วมกัน ในที่สุดจะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มในองค์กรให้สูงขึ้น และการรวมกันไม่มีความขัดแย้งกันเพราะทั้งสองทำธุรกิจเดียวกัน ใช้ความชำนาญเดียวกันหมด" ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการ บล. แอสเซท พลัส กล่าวในฐานะที่เข้าไปเป็นที่ปรึกษาการรวมกิจการครั้งนี้ของ TUF

วิธีการซื้อ SC ครั้งนี้ TUF จะจัดทำคำเสนอซื้อหุ้นสามัญจำนวน 28.8 ล้านหุ้น (Tender Offer) หรือคิดเป็น 80% ของทุนชำระแล้วทั้งหมดของ SC เมื่อรวมกับที่ TUF ได้ซื้อหุ้นไว้แล้วก่อนหน้านี้จะมีผลทำให้เป็นผู้ถือหุ้นใน SC ทั้งหมด 100% แล้วจะมีฐานะเป็นบริษัทย่อยของ TUF ทันที

ทั้งนี้ TUF จะออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 17 ล้านหุ้น เพื่อนำมาชำระค่าหุ้นกับ SC ในสัดส่วน 1.7 หุ้น SC ต่อ 1 หุ้น TUF "วิธีนี้ดีที่สุดในช่วงที่เศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวยในการใช้เงินสดจำนวนมากๆ เพราะสภาพอย่างนี้ใครๆ ก็อยากเก็บเงินเอาไว้ แต่สมมติว่าถ้า TUF ใช้เงินสดซื้อ SC ดีลนี้จะต้องใช้เงินประมาณ 2,880 ล้านบาท" ดร.ก้องเกียรติ กล่าว

หลักเกณฑ์การกำหนดแลกหุ้นครั้งนี้ ดร.ก้อง-เกียรติ เล่าว่ากว่าจะได้ระดับนี้ได้ดูมาหลายอย่าง เช่น discount cash flow ราคาหุ้นย้อนหลัง มูลค่าทางบัญชี ในที่สุดจึงสรุปออกมาได้ในสัดส่วนดังกล่าว

"ถ้าไม่ 1.7 หุ้น SC ต่อ 1 หุ้น TUF ก็ต้องสูงกว่า เพราะในทางปฏิบัติไม่ว่าที่ไหนในโลกบริษัทที่จะไปซื้อใครจะต้องมีแรงจูงใจให้ผู้ถือหุ้นที่จะไปถูกซื้อพอใจ เช่นเดียวกับ TUF ต้องให้แรงจูงใจผู้ถือหุ้น SC ด้วย จ่ายแพงขึ้นบ้างเพื่อขายแล้วมาถือหุ้นใน TUF และประโยชน์ก็จะเกิดขึ้นแก่ทั้งสอง โดย TUF จะมีการเติบโตในอนาคต ส่วน SC ได้ประโยชน์ตรงที่มาถือหุ้นใน TUF ซึ่งมี P/E และสภาพคล่องดีกว่า" ดร.ก้องเกียรติ กล่าว

ด้านระยะเวลาในการทำ Tender Offer จะแล้วเสร็จประมาณไตรมาส 1 ปี 2542 และเงื่อนไขอีกอย่างของ TUF ที่มีต่อ SC คือ หลังจากดีลนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว SC จะต้องเพิกถอนหลักทรัพย์จดทะเบียนออกจากตลาดหลักทรัพย์ (delist) ทันทีแม้ว่าการทำ Tender Offer จะไม่ได้ครบตามความตั้งใจไว้ก็ตาม

"ถ้าไม่ได้ครบ 80% ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถ้าผู้ถือหุ้น SC ไม่อยากขายก็ถือไว้เช่นเดิม แต่เมื่อถูก delist แล้วก็ไม่มีประโยชน์อะไรเพราะไม่สามารถ trade ได้อีกต่อไป" ดร.ก้องเกียรติ กล่าว

การที่ TUF เลือก SC เพราะเป็นบริษัทที่มีความเหมาะสมในการลงทุนที่สุดในขณะนี้ SC เป็นผู้ผลิตและส่งออกอาหารทะเลกระป๋องรายใหญ่ของประเทศ มีผลประกอบการดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการรวมกิจการเข้าด้วยกันนี้ จะทำให้กลุ่มบริษัทมีสินค้าครอบคลุมทางด้านอาหารทะเลกระป๋องหลากหลายประเภทขึ้น ขณะเดียว กันช่วยขยายฐานลูกค้าในตลาดต่างประเทศอีกด้วย

หลังจากรวมกิจการกันแล้วจะส่งผลให้ TUF มีรายได้จากการขายเพิ่มเป็น 11,925 ล้านบาทและกำไรสุทธิ 859 ล้านบาท และสิ้นปี 2541 คาดว่ารายได้จะถีบตัวสูงถึง 24,000 ล้านบาท

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us