Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ ตุลาคม 2541








 
นิตยสารผู้จัดการ ตุลาคม 2541
"อยุธยาซีเอ็มจี" จับตลาดใหม่ออกกรมธรรม์ "อยุธยาผู้สูงวัย"             

 


   
search resources

อยุธยาซีเอ็มจี




ชิต พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการ อาวุโสฝ่ายการตลาด บริษัท ประกันชีวิตศรีอยุธยา ซีเอ็มจี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแนวทางการทำการตลาดประกันชีวิตในปัจจุบันว่า "ทางบริษัทจำเป็นต้องสร้างผลิตภัณฑ์ ใหม่ๆ ขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ และพยายามเข้าไปจับกลุ่มลูกค้าที่ยังไม่มีใครจับมาก่อน"

ทีมงานของประกันชีวิตศรีอยุธยา ซีเอ็มจี จึงได้เริ่มทำการสำรวจตลาด และพบว่า อัตราการเจริญเติบโตของกลุ่มผู้สูงวัยที่มีอายุระหว่าง 55-74 ปี มีการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วกว่า อัตราการเจริญเติบโตของจำนวนประชากรทั้งหมดอย่างต่อเนื่องจนถึงปี ค.ศ. 2005 (พ.ศ.2548) โดยอยู่ในอัตราประมาณ 10-12% ของจำนวนประชากรทั้งหมดที่คาดว่าจะอยู่ระหว่าง 61-65 ล้านคน หรือประมาณ 1.5 ล้านคนที่จะกลายมาเป็นลูกค้าเป้าหมายของอยุธยา ซีเอ็มจี

และผลการสำรวจวิจัยครั้งนี้พบว่า มีประชากรที่มีอายุมากกว่า 55 ปีเพียง 14% เท่านั้นที่มีการทำประกันชีวิตไว้ และส่วนใหญ่เป็นคนที่มีรายได้จากเงินบำนาญเฉลี่ยเดือนละประมาณ 10,000 บาท ซึ่งถือเป็นเม็ดเงินที่น้อยมากหากเทียบกับรายได้อื่น แม้ว่าคนกลุ่มนี้จะไม่มีปัญหาในเรื่องรายได้ที่จะใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน แต่ค่าใช้จ่ายสุดท้ายในการจากไปของชีวิตย่อมมีผลกระทบต่อการเงินอย่างแน่นอน หากไม่มีการออมไว้สำหรับค่าใช้จ่ายส่วนนี้

"ค่าใช้จ่ายในการจัดพิธีศพโดยเฉลี่ยทั่วไปจะประมาณ 30,000 บาท แต่ถ้าหากต้องการงานพิธีที่ดูดีสำหรับคนระดับกลางและระดับสูงจะอยู่ที่ระดับแสนบาทขึ้นไป ซึ่งการเก็บเงินสะสมสำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวอาจจะต้องใช้เวลานานหลายปี และเงินก้อนนี้จะยังไม่เป็นที่ต้องการจนกว่าวันนั้นจะมาถึง และนี่คือสาเหตุที่ตอบว่า ทำไมผู้สูงวัยจำเป็นต้องมีการประกันชีวิตที่เหมาะสมกับความต้องการนั้นๆ" วิชิตชี้แจง

"ผู้สูงอายุ" จึงเป็นเป้าหมายที่ทางประกันชีวิตศรีอยุธยา ซีเอ็มจี ให้ความสำคัญด้วยการออกแผนประกันใหม่ชื่อ "โครงการอยุธยาผู้สูงวัย" ขึ้นในปลายเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งแผนประกันใหม่จะให้ความคุ้มครองผู้สูงวัยยาวนานถึงอายุ 90 ปี ด้วยอัตราเบี้ยประกันในวงเงินที่ลูกค้าสามารถจะรับได้ตามระดับของความคุ้มครอง ที่มีระยะการจ่ายเบี้ยเพียง 10 ปีเท่านั้น

หากยังไม่มีทางออกในการออม กรมธรรม์ "โครงการอยุธยาผู้สูงอายุ" เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการออมที่จะสร้างหลักประกันในวาระสุดท้ายของชีวิต ว่าจะไม่ถูกทอดทิ้งจากบุตรหลาน รวมทั้งไม่เป็นการสร้างภาระให้แก่พวกเขาในอนาคต ยิ่งกว่านั้น ยังเป็นโอกาสที่ลูกหลานจะแสดงความกตัญญู ด้วยการซื้อกรมธรรม์นี้สำหรับญาติผู้ใหญ่อันเป็นที่รักของเขาอีกด้วย

โครงการใหม่ของอยุธยา ซีเอ็มจีนี้จึงเป็นการยิงนัดเดียวได้นก 2 ตัว เนื่องจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของกรมธรรม์ ใหม่นี้ไม่ได้มีเพียงแต่กลุ่มผู้สูงวัย (อายุ 55-70 ปี) เท่านั้น ที่ตระหนักดีว่า ค่าใช้จ่ายในการจัดพิธีการต่างๆ นับวันจะมีอัตราที่เพิ่มสูงขึ้นมาก จึงมีความต้องการซื้อแผนการประกันนี้เพื่อเตรียมพร้อมให้กับตัวเอง เนื่องจากไม่ต้องการให้ภาระต่างๆ ตกอยู่กับบุตรหลานมากเกินไป แต่บริษัทยังมุ่งเป้าไปที่กลุ่มของบุตรหลาน (อายุ 25-40 ปี) ที่ต้องการซื้อแผนการประกันนี้ เพื่อเป็นการตอบแทนพระคุณของญาติผู้ใหญ่ของเขา

"แผนนี้เป็นแผนที่เราออกมาเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มพิเศษคือ กลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งสอดคล้อง กับการที่ในปี 2542 เป็นปีผู้สูงอายุสากล และบริษัทเราได้มีการจัดโครงการ "รักในหลวง ห่วงผู้สูงวัย" ร่วมกับสมาคมนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สถาบันเวชศาสตร์ผู้สูงอายุ กระทรวงสาธารณสุข เพื่อระดมทุนช่วยเหลือผู้สูงวัยถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเจริญพระชมพรรษาครบ 6 รอบในปี'42 พอดี ด้วยการบริจาคเงิน 72 บาทจากทุกกรมธรรม์ที่อนุมัติตั้งแต่

วันที่ 1 พ.ค. 41-13 เม.ย. 42 เข้าสมทบโครงการนี้ โดยแบ่งเป็น 3 ส่วนคือ จากผู้ถือกรมธรรม์ 24 บาท จากตัวแทน 24 บาท และบริษัทสมทบให้อีก 24 บาท" วิชิตอธิบาย โดยโครงการ "รักในหลวง ห่วงผู้สูงวัย" นี้ตั้งเป้าไว้ที่ 4 ล้านบาท จากยอดขายกรมธรรม์ใหม่ประมาณ 60,000 กรมธรรม์ ซึ่งรวมถึงกรมธรรม์ "อยุธยาผู้สูงวัย" ด้วย โดยตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.-30 ก.ย.ที่ผ่านมา บริษัทมียอดกรมธรรม์ใหม่ทั้งสิ้น 15,845 กรมธรรม์ รวมเป็นเงินที่บริจาคแล้วประมาณ 1,100,000 บาท ส่วนเบี้ยประกันภัยรวมตั้งแต่ต้นปี'41 ถึง 31 ส.ค. มีกว่า 1,800 ล้านบาท ซึ่งตัวเลขนี้ทำให้บริษัทยังคงส่วนแบ่งการตลาดไว้ที่ประมาณ 5% และยังคงเป็น 1 ใน 5 ของบริษัทประกันชีวิตชั้นนำของไทยอยู่

"เราหวังว่า การเติบโตจะอยู่ในระดับเดียวกับปีที่แล้ว ไม่เพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่ลดลง และในช่วงนี้เป็นโอกาสที่เราดูแลลูกค้าเก่ามากขึ้น รวม ทั้งพัฒนาระบบต่างๆ มากยิ่งขึ้น ล่าสุดเราเพิ่ง เซ็นสัญญาซื้อระบบ GRACE SY-STEM ซึ่งเป็นระบบแรกในเมืองไทยที่ให้ความคล่องตัวในการที่จะชดเชยสินไหมให้เร็วยิ่งขึ้น" วิชิตกล่าว นอกจากนั้นเขายังแสดงความเห็นต่อแนวทางการทำการตลาดในภาวะปัจจุบันด้วยว่า

"ยิ่งภาวะเศรษฐกิจลำบากมากเท่าไร หรือการแข่งขันยิ่งมากเท่าไร ยิ่งเป็นโอกาสในการทำงานของเรา ในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่ต้องมีการคิดสร้างสรรค์ให้มากกว่าปกติ รวมทั้งต้องพยายามทำในสิ่งใหม่ๆ ผมและทีมงานจึงสนุกกับงานมากขึ้น และท้ายสุด ลูกค้าจะได้รับสิ่งที่ดีมากที่สุด คือได้รับการดูแล ใส่ใจมากที่สุด เพราะในภาวะเศรษฐกิจที่เฟื่องฟูลูกค้าอาจจะไม่ได้รับการเอาใจใส่เท่าที่ควร เพราะยังไงก็ขายได้ไม่ต้องง้อ แต่ในภาวะเช่นนี้ การทำอะไรก็ตามต้องเน้นไปที่ลูกค้าเป็นสำคัญ ฉะนั้นลูกค้าจะได้รับแต่การบริการที่ดี"

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us