ทศท.ว่าจ้างกลุ่มคูเปอร์แอนด์ไลแบรนด์ กลุ่มเลแมน บราเดอร์ส และกลุ่มมอร์แกน
สแตนเลย์
ทั้ง 3 กลุ่มมีแนวคิดในการประเมินทรัพย์สินถาวรที่แตกต่างกันไป ทั้งในเรื่องของทรัพย์สินร่วมการงาน
หรือสัมปทานที่ให้กับเอกชน และค่าดัชนีที่ใช้ในการประเมินอุปกรณ์ปลายทาง
ทศท.จึงต้องปรับผลประเมินให้อยู่บนฐานเดียวกัน คือ ให้รวมทรัพย์สินร่วมการงาน
และทรัพย์สินรอการตรวจรับ
คูเปอร์แอนด์ไลแบรนด์ มี 2 แนวคิด แนวทางแรก ให้รวมทรัพย์สินร่วมการงานเฉพาะ
3 บริษัท คือ คอมลิงค์ จัสมิน และอคิวเมนท์ เป็นทรัพย์สินของ ทศท. ประเมินได้
68,515 ล้านบาท
แนวทางที่ 2 ให้รวมทรัพย์สินร่วมการงานทั้งหมด และทรัพย์สินร่วมการงานรอตรวจรับเป็นทรัพย์สิน
ทศท. ประเมินได้ 187,193 ล้านบาท
ราคาประเมินสุทธิ ณ ก.ย.2540 หลังจากปรับให้อยู่บนฐานเดียวกัน คือ 196,543
ล้านบาท
เลหแมน บราเดอร์ส มีความเห็นว่า ไม่ควรรวมทรัพย์สินร่วมการงานทั้งหมด ผลประเมินจึงมีเพียงทรัพย์สินของทศท.
เป็นมูลค่ารวม 48,148 ล้านบาท เมื่อนำมูลค่าทรัพย์สินร่วมการงาน และทรัพย์สินรอการตรวจรับมารวมแล้ว
จะออกมาเป็นมูลค่าสูงถึง 177,757 ล้านบาท ราคาประเมินสุทธิ ณ 30 ก.ย.40 คิดเป็นมูลค่า
192,879 ล้านบาท
มอร์แกน สแตนเลย์ มีความเห็นว่า ควรรวมทรัพย์สินร่วมการงานทั้งหมด ประเมินออกมาเป็น
155,352 ล้านบาท และเมื่อนำมูลค่าทรัพย์สินร่วมการงานรอการตรวจรับมารวม มูลค่า
ทศท.เพิ่มเป็น 204,678 ล้านบาท
ทศท.เลือกเอาผลการประเมินของมอร์แกน สแตน เลย์ ซึ่งตีมูลค่าทรัพย์สินให้
ทศท.สูงสุดเป็นหลัก ให้เหตุผลว่า เป็นมูลค่าที่เหมาะสม และให้ประโยชน์สูงสุดต่อ
ทศท.ที่จะนำไปใช้ต่อไป
สิ่งที่ไม่ควรมองข้ามสำหรับการประเมินสินทรัพย์ถาวรของ ทศท.เลยก็คือ มูลค่าทรัพย์สินถาวรของ
ทศท. ตามราคาบัญชีสุทธิ ตามงบการเงินไม่ว่าจะเป็นปี 2539 หรือ 2540 ทรัพย์สินร่วมการงานมีสูงกว่าทรัพย์สิน
ทศท.ทั้งสิ้น
30 กันยายน 39 ทรัพย์สินทศท. 65,057 ล้านบาท ทรัพย์สินร่วมการงาน 84,157
ล้านบาท
30 กันยายน 40 ทรัพย์สินทศท. 72,448 ล้านบาท ทรัพย์สินร่วมการงาน 111,618
ล้านบาท
ส่วนผลประเมินมูลค่าทางการค้า แม้ว่าทั้ง 3 กลุ่ม ที่ปรึกษาจะใช้วิธีส่วนลดกระแสเงินสด
มาเป็นเกณฑ์หลักภายใต้สมมติฐาน 5 ตัว เหมือนกันคือ รายได้ ค่าใช้จ่าย เงินลงทุน
อัตราส่วนลด และตัวทวีคูณ เพื่อคำนวณมูลค่าสุดท้ายของธุรกิจ แต่ผลประเมินก็ยังแตกต่างกัน
- คูเปอร์ฯ ประเมินมูลค่าทางการค้าของ ทศท.ก่อนหักหนี้ 355,000 ล้านบาท
และ 346,000 ล้านบาทหลังหักหนี้แล้ว
- เลแมนฯ ประเมินได้ 130,000-160,000 ล้านบาทก่อนหักหนี้ และ 111,000-141,000
ล้านบาท
- ส่วนมอร์แกน ประเมินได้ 210,000-237,000 ล้าน บาทก่อนหักหนี้ และ 206,000-233,000
ล้านบาทหลังหักหนี้
- ทศท.ประมวลผลข้อมูล ใช้สมมติฐานตามที่ ทศท.ใช้ในการวางแผนการเงิน ได้ผลประเมินมูลค่าทางการค้าอยู่ระหว่าง
144,700-201,800 ล้านบาท
ส่วนทางด้าน กสท.มีที่ปรึกษาประเมิน 2 ราย คือ กลุ่มภัทรธนกิจ และกลุ่มกรุงไทยธนกิจ
กลุ่มภัทรธนกิจประเมินราคาทรัพย์สินของ กสท. ณ 30 กันยายน 40 ในส่วนอสังหาริมทรัพย์ของกิจการโทรคมนาคมและไปรษณีย์รวมกันได้
11,501 ล้านบาท ส่วนของอาเธอร์แอนเดอร์สันประเมินได้ใกล้เคียงกัน คือ 11,553
ล้านบาท
เครื่องจักรและอุปกรณ์ กลุ่มภัทรฯ ประเมินได้ 34,428 ล้านบาท กลุ่มกรุงไทยธนกิจ
ประเมินได้ 25,497 ล้านบาท กสท.เลือกของกลุ่มภัทรธนกิจ
ทางด้านมูลค่าในธุรกิจย่อย เช่น บริการเกี่ยวกับวิทยุคมนาคม ข้อมูลกลุ่มภัทรฯ
ประเมินได้ 34,251 ล้านบาท ไปรษณีย์ 5,603 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 39,854 ล้านบาท
ส่วนกลุ่มกรุงไทยธนกิจ ประเมินไว้ 25,274 ล้านบาทและ 5,277 ล้านบาท รวม 30,501
ล้านบาท กสท.เลือกใช้ผลประเมินของกลุ่มภัทรฯ
ทางด้านมูลค่าทางการค้า กล่มภัทรฯ ประเมินในส่วนของธุรกิจโทรคมนาคมไว้ที่
57,000-97,000 ล้านบาท มูลค่ากลาง 71,900 ล้านบาท ส่วนกรุงไทยธนกิจประเมิน
ไว้ที่ 74,900 ล้านบาท
มูลค่าการค้าของธุรกิจไปรษณีย์ กลุ่มภัทรฯ ประเมินให้ ติดลบ 8,400 พันล้านบาท-7,100
พันล้านบาท มูลค่ากลาง 1,800 ล้านบาท ส่วนกรุงไทยธนกิจประเมินไว้ที่ 16,500-18,900
พันล้านบาท กสท.เลือกผลประเมินของกรุงไทยธนกิจ