วอลโว่แคร์" เป็นโครงการที่สวีเดนมอเตอร์สจับมือกับธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด
เพื่อเป็นหนึ่งในช่องทางสนับสนุนการบริการหลังการขาย และให้ลูกค้าที่เป็นเจ้าของรถยนต์วอลโว่ทุกรุ่นทุกคัน
มีโอกาสได้รับเอกสิทธิ์และสิทธิประโยชน์ครอบคลุมทุกด้านของชีวิต นับตั้งแต่
บัตรเครดิต VOLVO-STANDARD CHARTERED-VISA โดยสมาชิกที่ถือบัตรนี้จะได้รับส่วนลดค่าอะไหล่
และอุปกรณ์ตกแต่ง 7.5% ส่วนลด 30% สำหรับการใช้บริการอู่ซ่อมสีและตัวถัง
ส่วนลด 20% สำหรับสินค้าที่ระลึกของวอลโว่ และ 30% สำหรับทุกหลักสูตรของ
"VOLVO GOLF ACADEMY" และบัตรนี้สามารถใช้ได้ทันทีกรณีฉุกเฉินตลอด
24 ชม. โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายค่าบริการในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และส่วนลด
50% สำหรับการบริการในต่างจังหวัด รวมทั้งผู้ที่เป็นสมาชิกบัตรนี้ยังสามารถผ่อนชำระค่างวดรถยนต์
และค่าชุดบำรุงรักษารถยนต์ได้อีกด้วย
นอกจากสิทธิพิเศษต่างๆ ด้านรถยนต์แล้ว ลูกค้าของสวีเดนมอเตอร์สที่เป็นสมาชิกบัตรนี้
ยังจะได้รับส่วนลดและบริการพิเศษจากพันธมิตรของธุรกิจของบริษัทฯ ที่เข้าร่วมในโครงการนี้
ได้แก่ โรงแรมและรีสอร์ตในเครือดุสิตธานี เครืออมารี เครือเซ็นทรัล และเครือโนโวเทล
ส่วนบริการด้านสุขภาพจะได้รับส่วนลดพิเศษที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ สมิติเวช
บางกอกเนอร์สซิ่งโฮม และพญาไท 2 ตลอดจนสินค้าและบริการด้านอื่นๆ ด้วย อาทิ
สิทธิพิเศษจากสายการบินฟินแอร์ ปั๊มน้ำมัน Q8 เป็นต้น
ยิ่งไปกว่านั้น สมาชิกของ "วอลโว่แคร์" ยังมีส่วนในการร่วมทำบุญกับบริษัทฯ
ด้วยคือ ทุกๆ 100 บาทที่ได้จากการสมัครสมาชิก ทางบริษัทฯ จะนำเข้าสมทบทุน
"กองทุน วอลโว่แคร์เพื่อสังคม" สำหรับใช้ในการสนับสนุนกิจกรรมเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมต่อไป
โครงการวอลโว่แคร์จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการและให้บริการได้เต็มรูปแบบในเดือนมกราคม
2542 ที่จะถึงนี้ โดยผู้ใช้รถยนต์วอลโว่ทุกรุ่น ไม่ว่าจะเป็นปีใดก็ตามสามารถสมัครเป็นสมาชิกได้
โดยเสียค่าธรรมเนียมปีละ 2,000 บาท ทั้งนี้ทางบริษัทฯ ได้เตรียมแคมเปญพิเศษสำหรับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์วอลโว่ใหม่ทุกคันตั้งแต่วันที่
1 ม.ค. 42 เป็นต้นไป จะได้รับสิทธิในการยกเว้นค่าธรรมเนียม "วอลโว่แคร์"
ในปีแรก
"ผมมั่นใจว่าเราจะได้สมาชิกไม่ต่ำกว่า 6,000 รายในปีแรก และผมไม่ได้หวังรายได้จากตรงนี้มากมายนัก
แต่สิ่งที่ผมต้องการคือ การสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้ามากกว่า โดยเฉพาะลูกค้าเก่าของเรา
ซึ่งหากเราเสียลูกค้ากลุ่มนี้ไป เราจะแย่ เพราะลูกค้าใหม่ไม่ใช่จะหากันได้ง่ายๆ"
เป็นคำกล่าวของ เจฟฟรีย์ โรว์ ผู้อำนวยการบริหารอาวุโสและ ผู้จัดการทั่วไป
บริษัทสวีเดนมอเตอร์ส จำกัด (มหาชน)
สำหรับยอดจำหน่ายรถยนต์วอลโว่ในปีนี้ เจฟฟรีย์คาดว่าจะขายได้ประมาณ 850
คัน ตั้งแต่ต้นปีจนถึงสิ้นเดือนกันยายนสามารถขายได้ประมาณ 700 คันแล้ว โดยเฉพาะยอดขายในเดือนกันยายนสูงถึง
132 คัน ที่เป็นเช่นนั้นเนื่องจากในเดือนตุลาคมจะมีการปรับราคาใหม่ ลูกค้าจึงรีบซื้อก่อนที่จะมีการปรับราคา
ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของสวีเดนมอเตอร์ส มาจากการให้บริการหลังการขาย ซึ่งรวมค่าอะไหล่และค่าแรงด้วยคิดเป็น
66% ส่วน 33% มาจากยอดขายรถยนต์ และอีกประมาณ 1% มาจากค่าสปอนเซอร์ชิป ในขณะที่รายได้รวมของปี'40
ที่ผ่านมา 45% มาจากรายได้จากการขายรถยนต์ และ 55% มาจากบริการหลังการขาย
จากตัวเลขรายได้รวมทั้ง 2 ปีของสวีเดนมอเตอร์ส เป็นการยืนยันว่า กลุ่มลูกค้าเก่ามีความสำคัญกับบริษัทฯ
มากในภาวะปัจจุบัน ฉะนั้นพัฒนาการบริการหลังการขายจึงเป็นกิจกรรมหนึ่งที่ถูกละเลยไม่ได้
เจฟฟรีย์ ยอมรับว่าการบริหารหลังการขายของบริษัทฯ ที่ผ่านมาไม่ดีเท่าที่ควร
จนกระทั่ง INVAR ENBERG ตำแหน่ง VICE PRESIDENT AFTER MARKET ได้เข้ามารับหน้าที่ในการพัฒนาปรับปรุงการบริการหลังการขายของบริษัทฯ
ตั้งแต่ต้นปี'40 จึงทำให้ตัวเลขความพึงพอใจที่สำรวจจากลูกค้าเริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้น
และสวีเดนมอเตอร์สได้มีการพัฒนาการบริการหลังการขายมาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
"ทุกเดือนเราจะมีการสัมภาษณ์ลูกค้าของเราเกี่ยวกับการให้บริการหลังการขายของเรา
และเราก็พบว่า เราเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นในปีนี้ โดยเมื่อเดือน ม.ค.-ก.ย.
ความพึงพอใจเพิ่มขึ้นประมาณ 15% ทำให้ตัวเลขความพึงพอใจรวมใกล้ 80% แล้ว
จากที่เราตั้งไว้ประมาณ 82-84% ซึ่งจะเห็นผลในไตรมาสแรกของปี'42" เจฟฟรีย์กล่าว
โดยอิงวาร์ได้เสริมว่า
"เราลงทุนมหาศาล เพื่อจะสร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้ามากที่สุด นับตั้งแต่การฝึกอบรมพนักงานผู้ให้บริการตั้งแต่หน้าร้าน
จนถึงหลังร้าน คือตั้งแต่พนักงานต้อนรับจนถึงช่าง ครบทั้งศูนย์บริการทั้ง
26 แห่งให้เป็นมาตรฐานเดียวกันหมด นอกจากนั้น เรื่องราคาอะไหล่ก็ยังเป็นส่วนสำคัญ
ที่เราพยายามออกไปสำรวจตลาดและเปรียบเทียบราคา ซึ่งพบว่า ราคาเราค่อนข้างถูกกว่ารถยุโรปรายอื่น
แต่กระนั้น เราก็มีโครงการที่จะขายชิ้นส่วนอะไหล่เป็นแพ็กเกจราคาพิเศษ เพื่อให้ลูกค้าประหยัดค่าใช้จ่ายมากขึ้น
อีกทั้งในส่วนของพาร์ตเนอร์ชิปที่ร่วมมือกับเรา ก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ช่วยให้บริการลูกค้าเราให้ครบวงจรยิ่งขึ้น
เช่น ปั๊มน้ำมัน Q8 และโครงการวอลโว่แคร์ที่เราตั้งขึ้น"
และในเดือนธันวาคมนี้ สวีเดนมอเตอร์สจะเปิดตัวสินค้าใหม่ที่เป็นสินค้าเกี่ยวกับการบำรุงรักษารถยนต์
โดยจะมีรูปโฉมใหม่ และมีคอนเซ็ปต์เป็น "ร้านค้า" โดยเฉพาะ
สำหรับทิศทางตลาดรถยนต์ในปีหน้านี้ เจฟฟรีย์ ผู้บริหารของสวีเดนมอเตอร์สได้ให้ความเห็นว่า
"อัตราการเติบโตจะใกล้เคียงกับปีนี้ จะไม่เติบโตมากนัก และช่วงนี้การที่บริษัทแม่ของบีเอ็มและเบนซ์เข้ามาดำเนินธุรกิจเอง
จะทำให้การแข่งขันสนุกยิ่งขึ้น แต่จะเป็นผลดีต่อลูกค้าที่จะทำให้มีทางเลือกมากขึ้น
และต่อไปนี้แทบทุกบริษัทจะเน้นไปที่การรักษาฐานลูกค้าเก่าไว้ เนื่องจากเป็นการลงทุนที่น้อยกว่าการหาลูกค้าใหม่
ที่มีกิจกรรมเยอะและมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าถึง 5 เท่า ซึ่งเราต้องเหนื่อยมากขึ้นอย่างแน่นอน"