Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ ธันวาคม 2541








 
นิตยสารผู้จัดการ ธันวาคม 2541
จบเกมกีฬาสู่เกมธุรกิจ จะบริหารศูนย์กีฬามูลค่า 12,000 ล้านบาทต่ออย่างไร?             
 

   
related stories

เอเชี่ยนเกมส์-บางกอก เปิดศักราชใหม่กีฬาพาณิชย์
พิชัย รัตตกุล Saviour ของ BAGOC
กว่าจะเป็น 3 สนามหลักของเอเชี่ยนเกมส์ครั้งที่ 13
ถนนทุกสายสู่…เอเชี่ยนเกมส์
เจเอสแอล งานนี้มีแต่กล่อง-เงินไม่เกี่ยว
ธุรกิจกับเอเชี่ยนเกมส์ : เส้นทางของผลประโยชน์
ลิขสิทธิ์เอเชี่ยนเกมส์ กระจายรายได้เพื่อชาติ - เพื่อชื่อ
รัตนสินได้เผยโฉมงานเอเชี่ยนเกมส์
ทำความรู้จัก ISL-เจ้าตลาดการเป็นสปอนเซอร์

   
search resources

Sports




จบการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ครั้งที่ 13 ศักดิ์ชาย ทัพสุวรรณ ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย, นริศ ชัยสูตร อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ อนันต์ กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการบริษัทบางกอกแลนด์ เตรียมเล่นเกมใหม่ที่ยากกว่าเก่า คือต้องแข่งกันบริหาร 3 สนามหลัก ที่ทุ่มงบไปแล้วกว่า 12,000 ล้านบาท เพื่อไม่ให้เป็นศูนย์กีฬาหรือสปอร์ตคอมเพล็กซ์ร้าง เกมนี้อาจจะต้องเหนื่อย และยืดเยื้อกว่าเก่า !!

นการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ครั้งที่ 13 นี้ เมืองไทยมีสนามแข่งขันหลักอยู่ 3 สนามคือ สนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถาน สนามเมืองทองธานี และสนามกีฬาธรรมศาสตร์ รังสิต ทั้ง 3 สนามจะเป็นที่เชิดหน้าชูตาให้กับประเทศไทยในเรื่องของความสวยงามใหญ่โต และสมบูรณ์แบบที่สุด

"ผู้จัดการรายเดือน" ไม่มีข้อมูลยืนยันว่า สนามของเราดีขนาดไหนเมื่อเทียบกับนานาประเทศ แต่เมื่อฟังเสียงคณะกรรมการการแข่งขันทั้งฝ่ายไทย และสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย หรือโอซีเอ ต่างยืนยันว่าสนามในเมืองไทยเป็นสนามชั้นเยี่ยมโดยเฉพาะสนามราชมังคลาฯ นั้นยิ่งใหญ่และสวยงามมาก

ทั้ง 3 สนามนี้ทั้งรัฐบาลไทยและภาคเอกชนหว่านเงินไปแล้วไม่ต่ำกว่า 12,000 ล้านบาทก่อนหน้าการแข่งขัน ดังนั้นภายหลังการแข่งขันสิ้นสุด ผู้รับผิดชอบจึงต้องเตรียมแผนการรองรับการใช้อย่างต่อเนื่อง เพื่อจะได้มีรายได้เข้ามาเลี้ยงตนเองได้ ไม่ต้องสร้างภาระให้ตัวเองและรัฐบาล และแผนการหนึ่งที่ทุกฝ่ายมองตรงกันก็คือ การเป็นศูนย์ประชุมเพื่องานสัมมนา และแสดงสินค้าขนาดใหญ่ซึ่งปัจจุบันในเมืองไทย มีเพียงศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ครองตลาดมานาน เพิ่งมี ไบเทศหรือศูนย์แสดงสินค้านานาชาติ กรุงเทพมหานครก้าวมาเป็นคู่แข่งที่สำคัญเมื่อต้นปี 2541 ที่ผ่านมาเท่านั้น

ในสนามราชมังคลากีฬาสถาน ที่หัวหมากนั้นเป็นสนามที่ใหญ่ที่สุดขนาดจุผู้ชมถึง 40,000-60,000 ที่นั่ง เป็นสนามที่มีประวัติศาสตร์ทางด้านการก่อสร้างยาวนานถึง 10 ปี ใช้เงินไปประมาณ 1,188 ล้านบาท ซึ่งเป็นค่าก่อสร้างที่หลายคนในวงการก่อสร้างยืนยันว่าทำได้ในราคาที่ถูกมาก เพราะเป็นสัญญาที่ทางการกีฬาแห่งประเทศไทยทำไว้กับผู้รับเหมาก่อสร้างตั้งแต่ ปี 2531

ในสนามแห่งนี้มีจุดเด่นในหลายๆ เรื่อง เช่น ในส่วนของสนามฟุตบอลนั้น วิศวกรได้ออกแบบสนามให้เป็นสนามลอยฟ้า ด้วยการยกพื้นสนามขึ้นมาสูงกว่า 6 เมตร หญ้าที่ใช้ในสนามเป็นหญ้าเบอร์มิวดาที่สามารถทนต่ออากาศร้อนในเมืองไทยได้ดี

จุดเด่นของความใหญ่ จุที่นั่งได้ประมาณ 4-6 หมื่นคน ในสนามฟุตบอลถ้าเอาเก้าอี้ออกจะจุได้ถึงแสนคน

ส่วนในตัวอาคาร ที่มีความสูงกว่า 60 เมตร หรือเทียบเท่ากับตึก 15 ชั้น เพื่อให้ได้เกิดประโยชน์สูงสุด ภายในตัวอาคารจึงถูกแบ่งการใช้งานออกเป็นหลายส่วนด้วยกันคือ ส่วนหนึ่งได้ถูกจัดสำหรับเป็นที่ประทับ และห้องวีไอพี และบริเวณชั้น 2 มีการแบ่งออกเป็นห้องๆ สำหรับเป็นที่ทำการของสมาคมกีฬาต่างๆ ทั้งหมด 42 ห้อง รวมไปถึงห้องประชุมใหญ่อีก 2 ห้อง ส่วนชั้นล่างจะเป็นพิพิธภัณฑ์กีฬา

ระบบเสียงภายในสนามก็มีมูลค่ากว่า 28 ล้านบาท มีการติดตั้งลำโพง ทั้งหมด 2 ชุดไว้บนหลังคาอัฒจรรย์ โดยในลำโพง 1 ชุดจะมีลำโพงบรรจุอยู่ประมาณ 70-80 ตัว ทำให้สามารถได้ยินเสียงอย่างชัดเจน ไม่ว่าอยู่ในบริเวณไหนของสนาม

ที่พิเศษอีกอย่างหนึ่งก็คือโคมไฟที่สามารถทำเป็นตัวหนังสือได้ และสามารถกะพริบไปตามจังหวะของเพลง โดยผ่านการควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ลงทุนไปกว่า 45 ล้านบาท

ส่วนแผนงานในการบริหารสนามแห่งนี้ต่อไปในระยะยาวนั้น เพื่อไม่ให้เป็นสนามกีฬาร้าง และสามารถเลี้ยงตัวเองได้ ทางการกีฬาฯ เคยวาดหวังไว้ว่าจะให้เอกชนเข้ามาเช่าสนามเป็นรายปี ซึ่งสามารถจัดกิจกรรมอะไร ก็ได้ตามที่เขาต้องการ ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นเพียงเกมกีฬาเท่านั้น เพราะการแข่งขันแมตช์ใหญ่ๆ ที่ต้องใช้พื้นที่ขนาดสนามใหญ่แห่งนี้ไม่น่าจะมีบ่อยนัก

"เรากำลังยกร่างเตรียมเสนอรายละเอียดต่อทางท่านผู้ว่า กกท.ว่าต่อไปจะต้องมีค่าใช้จ่ายอย่างไรบ้าง และเตรียมให้เอกชนเข้ามาประมูลเช่าต่อไป" ธีระ โพธิ์พานิช ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาสถานที่กีฬา และผู้จัดการสนามแห่งนี้ กล่าว และยอมรับว่ารัฐบาลต้องเตรียมเงินอุดหนุนไว้ก้อนหนึ่ง แน่นอนกว่าเรื่องต่างๆ จะเรียบ ร้อย

สนามกีฬาธรรมศาสตร์ ที่รังสิตก็เช่นกัน สำหรับการดูแลทรัพย์สินขนาดใหญ่ในมูลค่า 6,700 ล้านบาท ภายหลังการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์สิ้นสุดจะเป็นภาระของมหาวิทยาลัยเพียงอย่างเดียวเป็นไปไม่ได้แน่นอน ทางผู้บริหารจึงได้ทำเรื่องเสนอต่อกระทรวงการคลัง เพื่อเสนอต่อครม.ว่าในส่วนของอาคารยิมเนเซียม ซึ่งเป็นรูปเต่า 3 ตัว อาคารศูนย์กีฬาทางน้ำ รวมทั้งเมน สเตเดี้ยมนั้น ควรจะให้ทางบริษัทหรือองค์กรเอกชน นำไปบริหารต่อเพื่อให้ทำรายได้เลี้ยงตัวเอง

"แต่ที่สำคัญก็คือผู้ที่เอาไปบริหารต้องเข้าใจว่าจุดหลักที่ต้องรักษา ไว้คือเป็นศูนย์กีฬาของทีมชาติ เพียง แต่ถ้าไม่ทำอย่างนี้เรารอให้รัฐบาลให้งบอุดหนุนอย่างเดียวไม่พอแน่นอน อย่างสระว่ายน้ำนั้น ค่าดูแลรักษาต่อเดือนประมาณ 3.5 แสนบาท เพื่อไม่ให้เกิดตะไคร่ขึ้น ทำอย่างไรให้เลี้ยงตัวเองได้ คือเรื่องสำคัญที่สุด" แก้วสรร อติโพธิ์ รองอธิการบดีฝ่ายกิจกรรมพิเศษ ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการก่อสร้างศูนย์กีฬามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์รังสิตให้ความเห็นกับ "ผู้จัดการรายเดือน"

ในโรงยิม 3 โรงดังกล่าว มีพื้นที่รวมกันประมาณ 19,500 ตร.ม นั้น บริษัทที่เข้ามาอาจจะเอาไปจัดหารายได้เช่น รับจัดแข่งกีฬาประจำปีให้กับบริษัทต่างๆ รับจัดค่ายกีฬาเยาวชนก็ได้ รวมไปทั้งในเรื่องของการรับจัดคอนเสิร์ต หรือแสดงสินค้าต่างๆ

ถึงแม้ธรรมศาสตร์จะผลักภาระในส่วนดังกล่าวออกไปได้ แต่ยังมีในส่วนของ CONVENTION HALL ซึ่งมีพื้นที่อีกประมาณ 18,000 ตร.ม ซึ่งใช้เป็นสนามแข่งบาสเกตบอล ชาย-หญิงในกีฬาเอเชี่ยนเกมส์นั้น จะเป็นส่วนที่ธรรมศาสตร์ขอเป็นผู้บริหาร เองเพื่อหารายได้ต่อไป โดยวาดแผนไว้ว่าน่าจะเป็นที่ประชุม หรือจัดแสดงสินค้าเช่นกัน

ส่วนยิมเนเซียมที่ใช้ในการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์อื่นๆ นอกเหนือจากนี้ทางธรรมศาสตร์ได้เตรียมที่จะดัด แปลงใช้ประโยชน์เองเช่น RESOURES CENTER ซึ่งใช้ในการแข่งกีฬาแฮนด์บอล นั้น จะถูกดัดแปลงให้เป็น ห้องสมุด ศูนย์คอมพิวเตอร์ ศูนย์กิจการนักศึกษา T.U. AUDITORIUM หรือสนามแข่งแบดมินตันนี้จะเป็นหอประชุม และอาคารเรียนรวม ซึ่งทั้งหมดนี้ ทาง ธรรมศาสตร์เองได้มีการออกแบบเผื่อไว้เรียบร้อยแล้ว พร้อมสำหรับที่จะดัดแปลงการใช้ต่อไป

ส่วนสนามกลางแจ้งนั้นทางธรรมศาสตร์ได้วางแผนไว้ว่าต่อไปจะเป็นอาคารเรียนรวม แต่ถ้ายังไม่มีงบประมาณ ก็จะบำรุงรักษาให้เป็นสนามกีฬาต่อไป

ผู้บริหารของธรรมศาสตร์ยังต้องรับศึกหนักอีกเรื่องก็คือ งานบริหารหมู่บ้านนักกีฬาเอเชี่ยนเกมส์อีก 5,000 ยูนิต ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ 115 ไร่ อาคารห้องพักมีทั้งสิ้น 23 อาคาร สูงตั้งแต่ 8-14 ชั้น รองรับนักกีฬาประมาณ 10,000 คน มีทั้งประเภทห้องนอนเดี่ยว และห้องนอนคู่ ภายในจะมีเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ไว้ครบครันคือตู้ เตียง เก้าอี้ ห้องน้ำ ลานซักล้าง และ ระเบียง รวมทั้งมีแอร์คอนดิชั่นพร้อมทั้งเครื่องทำน้ำอุ่นทุกห้องด้วย

งบประมาณทั้งสิ้นในการก่อสร้าง โครงการนี้ประมาณ 1,881 ล้านบาท โดยบริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้รับเหมา

ธรรมศาสตร์วางแผนมอบหมู่บ้านนักกีฬาให้ทางการกีฬาแห่งประเทศ ไทยไปแล้ว 500 ยูนิตจำนวน 3 อาคาร เพื่อใช้เป็นที่พักเก็บตัวของนักกีฬาทีมชาติ จำนวนที่เหลืออีก 4,500 ยูนิตเป็นส่วนที่ธรรมศาสตร์ต้องบริหารเอง ซึ่งกลุ่มเป้าหมายหลักก็คือ บรรดานักศึกษา เจ้าหน้าที่และคณาจารย์ต่างๆ ของมหาวิทยาลัย คาดว่าจะเปิดให้เช่าได้ก็ประมาณปีการศึกษา 2542 ราคาค่าเช่าจะถูกหรือแพงอย่างไรนั้น แก้วสรรยืนยันว่าจะต้องอยู่ภายในหลักเกณฑ์ที่สำคัญคือ จะต้องพึ่งตนเองให้ได้ ไม่เบียดเบียนงบประมาณจากส่วนราชการ ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาเท่าไหร่ ผู้อยู่อาศัยก็ต้องจ่ายเท่านั้น

ทางด้าน อนันต์ กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการบริหารบริษัทบางกอกแลนด์นั้น แน่นอนจุดสำคัญที่ทำให้เขากล้าตัดสินใจสร้างสปอร์ตคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ ในเมืองทองธานี พื้นที่ประมาณ 70,000 ตารางเมตรนั้น ก็เพราะหวังว่าเมื่อสิ้นสุดการแข่งขันกีฬา เอเชี่ยนเกมส์ ก็สามารถปรับปรุงเป็นศูนย์ประชุม หรือที่แสดงสินค้าได้เช่นกัน โดยอาจจะให้บริษัทเอกชนเข้ามารับไปบริหาร หรือบริษัทบางกอก แลนด์เองอาจจะร่วมทุนกับบริษัทอื่นตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาบริหาร ซึ่งขณะนี้แผนการดังกล่าวยังไม่เป็นที่สรุปเช่นกัน แต่เป็นที่รู้กันว่าอนันต์ต้องการให้มีบริษัทต่างชาติเข้ามาร่วมทุนบริหารศูนย์กีฬานี้มากที่สุด และเร็วที่สุด เพื่อปลดเปลื้องภาระดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารไทยพาณิชย์

ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ก็หมายความว่าหลังเกมเอเชี่ยนเกมส์ อนันต์ ศักดิ์ชาย และนริศ ต้องเริ่มเกมใหม่คือการบริหารสปอร์ตคอม เพล็กซ์และศูนย์กีฬาดังกล่าวทันที ซึ่งคงเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะง่ายนัก เพราะปัจจุบันนี้ศูนย์ประชุมใหญ่ 2 ศูนย์ที่มีอยู่ในเมืองไทย ก็เดินเกมแย่งลูกค้ากันอย่างหนักอยู่แล้ว เพียงแต่ว่างานนี้อนันต์พลาดไม่ได้ เพราะมีตัวดอกเบี้ยการก่อสร้างรุมเร้าอยู่ทุกนาที ในขณะที่ศักดิ์ชาย กับ นริศ อาจจะลอยตัวเพราะเมื่อพ้นจากตำแหน่งไป รัฐบาลก็ต้องเข้ามาโอบอุ้มต่ออยู่แล้ว

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us