หลังจากวันที่ 2 ธันวาคม 2541 ซึ่งเป็นวันที่ ปรส. ประมูลขายสินเชื่อธุรกิจล็อตสุดท้ายนั้น
ลูกค้าในโครงการสารินซิตี้โครงการใหญ่ยักษ์บนถนนธนบุรีปากท่อกิโลเมตรที่
17 ก็คงได้รับรู้กันไปแล้วว่าเจ้าของ โครงการรายใหม่เป็นใคร
ในขณะที่กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่และ เจ้าของโครงการคนเก่า เช่น วิศรุต ชัยปาณี
เมธี เอื้ออภิญญากุล แห่งกลุ่มเหมืองบ้านปู และชนินทร์ ว่อง กุศลกิจ แห่งค่ายน้ำตาลมิตรผล
ผู้ซึ่งพลอยเจ็บปวดกับโครงการนี้เช่นเดียวกับลูกค้าทุกราย ได้พยายามแสดงความรับผิดชอบอย่างถึงที่สุด
หากช่วงเวลาที่ผ่านมาเมื่อโครงการไปติดอยู่กับปรส. การดำเนินการใดๆ ก็เลยทำได้ยาก
แต่ด้วยศักดิ์ศรีรวมทั้งการมองการณ์ไกลที่ว่า หากยังจะต้องการเดินอยู่บนถนนสายเรียลเอสเตทต่อไป
ควรจะรีบหาทางช่วยเหลือลูกค้าให้ได้มากที่สุด ผู้บริหารกลุ่มนี้จึงได้ตัดสินใจไม่รอขั้นตอนการประมูลของ
ปรส. โดยติดต่อไปยังบริษัทซีคอนบริษัทรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ ที่กำลังดำเนินการก่อสร้างโครงการหมู่บ้านเศรณี
ซึ่งเป็นโครงการที่ติดอยู่กับ ปรส.เช่นกัน ให้เข้าไปรับสร้างบ้านให้กับลูกค้าจำนวนอีกหลายรายที่ได้ผ่อนบ้านส่วนหนึ่งมาแล้ว
หลังจากบริษัทซีคอนเข้าไปตรวจสอบโครงการ ก็พบถึงความตั้งใจจริงของกลุ่มผู้บริหารที่จะช่วยเหลือลูกบ้าน
รวมทั้งเห็นความคืบหน้าของระบบสาธารณูปโภคทั้งหมดที่ทำไว้อย่างได้มาตรฐาน
ทางซีคอนก็เลยยอมเซ็นสัญญาที่จะให้ความร่วมมือไปแล้วเมื่อประมาณเดือนกันยายน
2541 ที่ผ่านมา
หลังจากนั้นทางผู้บริหารสารินซิตี้ก็ได้สำรวจความต้องการบ้านของลูกค้าที่ซื้อไปแล้ว
ว่าถ้าซีคอนมาสร้างบ้านต่อให้ โดยต้องทำตามเงื่อนไขที่ว่าต้องจ่ายดาวน์เพิ่มขึ้นจาก
20% เป็น 30% จะยอมหรือไม่ และคราวนี้เพื่อเป็นการประกันความเสี่ยงว่าไม่มีการนำเงินไปใช้ผิดประเภทอีก
ลูกค้าจะต้องจ่ายเงินผ่านบัญชีกลางที่ทางซีคอน และบริษัทสารินเป็นผู้เบิกเงินร่วมกัน
และเบิกได้เพื่อใช้ในงานก่อสร้างเท่านั้น
ภายหลังจากการสำรวจ ก็พบว่ามีลูกค้าในบ้านกลุ่มแรกที่ขายไปแล้ว ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวราคาประมาณ
1.5-3 ล้าน บาท ยินยอมมาเป็นจำนวนมาก ส่วนจะแบ่งงวดผ่อนชำระเงินดาวน์ที่เหลืออย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับการตกลงกัน
ถ้าลูกค้าอยากได้บ้านเร็ว ก็ต้องผ่อนเงินดาวน์ประมาณ 8 งวด เพราะทางซีคอนสามารถสร้างบ้านได้ภายในเวลา
7-8 เดือน แต่ถ้ามีปัญหาเรื่องจำนวนเงินต่องวดที่อาจจะสูงไปก็ขยายเวลาออกไปก็ได้
ทางกลุ่มผู้บริหารของสาริน ซิตี้ และซีคอน คาดหวังว่าเมื่อลูกค้ามองเห็นความตั้งใจจริงของบริษัทก็อาจจะเข้ามาผ่อนบ้านต่อเพิ่มขึ้น
ในขณะเดียวกันเมื่อทราบว่าผู้ประมูลโครงการนี้จากปรส.เป็นใครแล้ว ผู้บริหารจะต้องไปเจรจากับเจ้าหนี้รายใหม่
และ ปรส.เอง ซึ่งไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะอย่างน้อยเจ้าหนี้รายใหม่ก็คงเห็นประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นต่อไปเหมือนกัน
ถึงแม้จะทำให้ยอดมูลหนี้ลดลงก็ตาม
ย้อนกลับไปเมื่อประมาณปี 2539 ซึ่งเป็นปีที่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำสุดๆ ในยามนั้นบริษัทมืออาชีพยักษ์ใหญ่ทางด้านบ้านจัดสรรรายอื่นๆ
แทบจะหยุดการก่อสร้างโครงการใหม่ๆ หรือเฟสใหม่ๆ กันถ้วนหน้า แต่บริษัทสารินพร็อพเพอร์ตี้บริษัทที่เพิ่งเปิดมาเพียง
7 ปี มีโครงการพัฒนาที่ดินเพียง 4 โครงการ กลับสวนกระแสคือกล้าก้าวกระโดด
เปิดโครงการใหญ่ในพื้นที่ 6,000 ไร่ด้วยมูลค่ากว่า 40,000 ล้านบาท โดยมีบริษัทเคทีจีวาย
อินเตอร์แอสโซซิเอทส์ เป็นผู้รับผิดชอบในการวางผังเมือง พร้อมๆ มีการโหมโฆษณาในสื่อต่างๆ
รวมทั้งการเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ใช้งบไปไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท
เราขายเมือง ไม่ได้ขายบ้าน คือจุดยืนของบริษัทในตอนนั้น โดยวางแผนไว้ว่าจะใช้เวลาในการพัฒนาและสร้างเมืองนี้ประมาณ
10 ปี แบ่งการพัฒนาออกเป็น 4 โซน ประกอบด้วย 1. สารินพาร์คแกลลอรี่ เป็นบ้านเดี่ยวที่ดินเปล่าและอาคารพาณิชย์จำนวน
1,061 ยูนิต พื้นที่ 500 ไร่ มูลค่า 1,500 ล้านบาท 2. สาริน ซิลเวอร์เลค
เป็นบ้านเดี่ยว ริมน้ำและที่ดินเปล่าจำนวน 702 ยูนิต 3. เป็นชุมชนพักอาศัย4.
เป็นส่วนพาณิชยกรรมและบริการสาธารณะ
สาริน ซิตี้ เป็นเรื่องราวในวงการอสังหาริมทรัพย์ที่พูดถึงกันอยู่นานในครั้งนั้น
แล้วในที่สุดโครงการนี้ก็ไปไม่ถึงดวงดาวจริงๆ เมื่อสถาบันการเงินหลักที่ปล่อยกู้
และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ด้วยนั้นถูกรัฐบาลสั่งปิด
กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของโครงการสารินซิตี้ นอกจากวิศรุต เมธี และชนินทร์
แล้วก็ยังมีบงล.เอกธนา บงล.ไอทีเอฟ บง.เอกธนกิจ และบง.ยูไนเต็ด เม็ดเงินที่ได้มาจากสถาบันการเงินนี้ว่ากันว่าไม่ต่ำกว่า
5,000 ล้านบาทในขณะเดียวกันยังมีการกู้เงินจากสถาบันการเงินที่ยังไม่ปิด
และกลุ่มผู้ถือหุ้นเองที่จำต้องควักกระเป๋าเอาเงินมาหล่อเลี้ยงโครงการไปเรื่อยๆ
เม็ดเงินส่วนใหญ่ถูกหว่านลงไปอย่างหนักในเรื่องของระบบสาธาร-ณูปโภค ในขณะที่บ้านเดี่ยวที่ขายได้ในเฟสแรกๆ
นั้นเริ่มงานก่อสร้างไปเพียง 10 กว่าหลังเท่านั้น
การร่วมมือกับทางซีคอน เพื่อแสดงให้เห็นว่ายังไม่ยอมทิ้งลูกบ้าน แทบจะกล่าวได้ว่าเป็นทางเลือก
ทางเดียวที่ยังเหลืออยู่จริงๆ สำหรับ ก้าวย่างต่อไปบนถนนสายเรียลเอสเตทนี้ของกลุ่มนี้