ชื่อของดีลอยท์ ทู้ช โธมัทสุ ไชยยศ เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะบริษัทตรวจสอบบัญชีรายใหญ่รายหนึ่งในไทยและมีอายุเก่าแก่ ก่อตั้งเมื่อปี 2482 ให้บริการตรวจสอบและรับรองงบดุลบัญชี รวมทั้งบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่อง แต่ที่เพิ่งมาฮือฮาและรู้จักมากขึ้นก็ตอนที่บริษัทเป็นผู้ตรวจสอบและรับรองงบดุลของ บง.เอกธนกิจ ซึ่งถูกปิดกิจการและผู้ตรวจสอบรายหนึ่งของบริษัทถูกพักใบอนุญาตเป็นเวลา 3 เดือน

ส่วนกิจการด้านการให้คำปรึกษานั้น มีการดำเนินงานผ่านบริษัทตรวจสอบบัญชีอยู่ระยะหนึ่ง และเพิ่งเข้ามาเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา โดยมีมร.รอย เอช.โอเว่น เป็นผู้จัดการใหญ่

ก่อนที่จะเข้ามาเปิดตัวนั้น มร.โอเว่นเป็นกรรมการคนหนึ่งของทีมดีลอยท์ แอนด์ ทู้ช นานาชาติที่ทำงานให้กับองค์การปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ปรส.) ในประเทศไทยและกระทรวงการคลัง ในการประเมินราคาบริษัทหลักทรัพย์ 22 แห่ง ที่ถูกระงับใบอนุญาตประกอบกิจการ

มร.โอเว่นกล่าวถึงการมาเปิดสำนักงานในไทยว่า "ลูก ค้าสามารถเข้าถึงบริการระดับโลกของดีลอยท์ (global resources) ซึ่งในตอนนี้เราเห็นว่าลูกค้าในไทยมีความต้องการบริการของที่ปรึกษากันมาก มีอุปสงค์สูงมากในเรื่องนี้ ลูกค้าต้องการให้ช่วยแก้ไขปัญหา ที่ได้รับผลกระทบมาจากวิกฤตเศรษฐกิจ การจัดองค์กรใหม่ หรือปรับปรุงการดำเนินงานของธนาคารให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น"

ดีลอยท์มีแผนงานในการเปิดบริษัทที่ปรึกษาในไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย เพื่อรองรับความต้องการบริการที่ปรึกษาในช่วงสถานการณ์วิกฤติเศรษฐกิจ โดยประเทศที่เปิดไปแล้วก่อนหน้านี้ ได้แก่ สิงคโปร์ เปิดดำเนินการเมื่อ 4 ปีก่อน และมีอัตราการเติบโตสูงมาก นอกจากนี้ก็มีสำนัก งานที่ฮ่องกงด้วย

ส่วนมร.โอเว่นนั้นเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งในภูมิภาคนี้เป็นครั้งแรก หลังจากประจำที่นิวยอร์กมาเป็นเวลานาน เขาจะรับผิดชอบในการให้คำปรึกษาแก่ลูกค้าสถาบันการเงิน เกี่ยวกับการวางแผนเพื่อรับผลกระทบ ที่เกิดขึ้นจากภาวะวิกฤติเศรษฐกิจระดับประเทศและภูมิภาคที่ตกต่ำลง กระบวนการปรับโครงสร้างองค์กรภายในและหน่วยธุรกิจ ตลอดจนแผนการจัดการสินทรัพย์เพื่อรองรับแผนการเพิ่มทุนใหม่

ทั้งนี้มร.โอเว่นมีประสบการณ์เกี่ยวกับวิกฤติเศรษฐกิจ ตกต่ำมาแล้วในสหรัฐฯ โดยเฉพาะในยุคที่เกิดวิกฤติตลาดทุนเมื่อปี 1987 เขาจึงมีความถนัดในการแก้ไขปัญหาของกิจการในยุคเศรษฐกิจตกต่ำเป็นอย่างดี ซึ่งในปีที่แล้วเมื่อถูกโอนย้ายมาดูแลธุรกิจในภูมิภาคเอเชียนั้น เขาได้งานร่วมกับธนาคารพาณิชย์ไทยขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ในการพัฒนาแผนการเพิ่มทุนและนโยบายการจัดการสินเชื่อที่มีความเสี่ยงของธนาคาร และได้ทำงานร่วมกับคณะกรรม การสินเชื่อของธนาคารต่างชาติอีกหลายแห่งที่รวมตัวกัน เพื่อดูแลลูกหนี้เงินกู้รายใหญ่ในไทย

ส่วนการบริการของดีลอยท์ คอนซัลติ้งในไทยนั้นมี 3 ส่วนหลักด้วยกันคือ บริการที่ปรึกษาในภาคธุรกิจการเงิน ซึ่งได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทประกันภัยและไฟแนนซ์ ส่วนที่สองคือภาคการผลิต (manufacturing companies) และส่วนที่สามเป็นกิจการโทรคมนาคมซึ่ง 3 กิจการนี้เป็นภาคที่แอคทีฟที่สุดในเวลานี้ โดยเฉพาะในกิจการโทรคมนาคมนั้นแม้ได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจไม่มากเท่า 2 กิจการแรก แต่ในภูมิภาคนี้กำลังมีการจัดระเบียบการควบคุมกิจการโทรคมนาคม จากหน่วยงานรัฐกันทั่วทั้งภูมิภาค (deregulation) ดังนั้นจึงเป็นภาค ธุรกิจที่กำลังต้องการที่ปรึกษา

นอกจากนี้บริษัทก็กำลังจะได้งานที่ปรึกษาจากหน่วยงานรัฐวิสาหกิจรายใหญ่แห่งหนึ่งด้วย

มร.โอเว่นกล่าวถึงสไตล์การทำงานของดีลอยท์คอนซัลติ้ง ซึ่งถือเป็นบริษัทที่ปรึกษารายใหญ่แห่งหนึ่ง ว่ามีสไตล์การทำงานที่ต่างออกไปจากคนอื่น คือมีการเน้นการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับลูกค้าในลักษณะ partnership มีการตั้งทีมงานร่วมกันกับลูกค้าและประสานงานอย่างใกล้ชิด

นอกจากนี้ เขาก็ให้ความสำคัญกับเรื่องรายละเอียดการปฏิบัติงานกระบวนการ / ขั้นตอนในการทำงานซึ่งที่ปรึกษาบางรายอาจจะละเลยตรงจุดนี้ หรือปล่อยให้เป็นภาระของลูกค้าในการดำเนินการ

ก่อนหน้าที่จะเริ่มงานเป็นที่ปรึกษาธุรกิจนั้น มร.โอเว่นเคยทำงานในบริษัทลงทุนในสหรัฐฯ พิจารณาเรื่องการลงทุนต่างๆ บริหารพอร์ตการลงทุน ซึ่งต้องใช้ทัศนคติการมองโลกในแง่ดี เพื่อชักชวนให้เกิดการลงทุนหลังสำเร็จการศึกษาด้านบริหารธุรกิจ เขาหันมาเริ่มงานด้านที่ปรึกษา ที่ดีลอยท์ คอนซัลติ้งฯ

เขากล่าวว่า "ผมชอบการเป็นที่ปรึกษาตรงที่มันมีความหลากหลาย ในการทำงานมากมี varieties และมันเป็นสถานการณ์จริงๆ ของชีวิตการดีลกับลูกค้า เป้าหมายในการแก้ปัญหา ซึ่งมันมีความแตกต่างหลากหลายออกไปตลอดเวลาในการทำงาน"

บริษัท ดีลอยท์ แอนด์ ทู้ช คอนซัลติ้ง กรุ๊ปเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านการจัดการชั้นนำรายหนึ่งของโลก มีที่ปรึกษากว่า 8,000 คน ประจำอยู่ใน 32 ประเทศทั่วโลกและคาดว่าจะมีรายได้ในปี 2541 ประมาณ 2,200 ล้านเหรียญ บริษัทฯ มีอัตราการเติบโตของธุรกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา คิดเป็นร้อยละ 35 โดยมีความเชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาด้านการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ การวางแผนกลยุทธ์ ขั้นตอนการปฏิบัติงานการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ และการจัดการบุคลากร