Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ ธันวาคม 2544








 
นิตยสารผู้จัดการ ธันวาคม 2544
หยาดฝนนอกพิภพ             
โดย อเนกระรัว
 





จากการที่ดาวหาง Temple-Tuttle ซึ่งทำตัวไม่ต่างกับรถบรรทุกขนหินขนดิน ที่ปราศจากความรับผิดชอบ (แน่นอนต้อง เกิน 30 ตัน) ปล่อยเศษหินเศษน้ำแข็งเรี่ยราดไปตามทางที่มันผ่านอย่างไม่เกรง อกเกรงใจใคร เที่ยวแล้วเที่ยวเล่าทุกๆ 33 ปี มาเป็นเวลานานโขแล้ว และด้วยเหตุ ประจวบเหมาะที่โลกของเราโคจรผ่านเส้นทางที่เจ้า Temple-Tuttle เคยแวะเวียน มาในอดีต ก็เลยได้เจอเข้ากับเศษซากที่มันทิ้งไว้ (ดีที่เจอแค่เศษยังไม่เจอตัวจริงแบบจะจะ) ทำให้บนพิภพโลกมีกิจกรรมพิเศษในคืนที่ 18 พฤศจิกายนที่ผ่านมา คือ หาที่เหมาะๆ ยลโฉมหยาดฝนจากนอกพิภพ

หัวค่ำวันที่ 18 พฤศจิกายน เวลาประมาณ 19.00 น. ผมขับรถออกจากบ้าน มุ่งสู่จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นการขับรถเยือน จังหวัดสุพรรณบุรีครั้งแรกของผม ทิวทัศน์สองข้างทางยามค่ำไม่ค่อยเห็นอะไรมาก มีแต่ถนน 3 เลนบ้าง 4 เลนบ้าง บางช่วง 5 เลนบ้าง และสิ่งก่อสร้างที่เป็นสถานที่ ทำการจังหวัด รู้สึกเป็นทึ่งนัก ถ้าจังหวัดอื่นๆ ในประเทศไทยจะเจริญอย่างนี้บ้างจะดีไม่น้อย แต่จะทำอย่างไรให้เป็นไปได้ อย่างเหมาะสมเป็นเรื่องน่าคิด ผมถึงที่หมายเวลาประมาณ 2 ทุ่มครึ่ง เป็นบ้าน ไร่นาสวนของผู้รู้จักและนัดหมายให้เป็นสถานที่เหมาะสำหรับชมฝนดาวตกกลุ่มดาวสิงโต (Leonid Meteors)

เที่ยวนี้ผมขนอุปกรณ์มาเพียบ กล้องดูดาวคู่ใจ กล้องสองตา 3 อัน ไว้แจกเพื่อนฝูง กล้องถ่ายรูปพร้อมขาตั้งและ สายกดชัตเตอร์และฟิล์มขาวดำความไวแสง 3200 ASA นิตยสาร Sky and Telescope ประจำเดือน พ.ย. หนังสือแผนที่ดาวฉบับกระเป๋า A Field Guide to the Star & Planets โดย Donald Menzel กะว่าจะใช้โอกาสนี้ชมดาวและเทหวัตถุกลางฟากฟ้าด้วย ได้เวลา หาของใส่ท้องและได้ชื่นชมกับบรรยากาศรอบข้างพักหนึ่ง ผมก็หาทำเลและติดตั้งอุปกรณ์ให้เป็นที่พอใจ เสร็จสรรพก็เป็นเวลา ประมาณเกือบห้าทุ่ม โชคดีที่ท้องฟ้าปราศจากเมฆฝนแต่ยังไม่ดีถึงที่สุด เพราะท้องฟ้า ยังไม่โปร่งใสร้อยเปอร์เซ็นต์ ยังมีชั้นของเมฆระยะสูงคลุมอยู่เป็นวงกว้าง อย่างไรก็ตามทำเลนี้ก็ยังดีกว่าฟ้าเมืองหลวงที่เจิดจ้าด้วยแสงไฟแห่งความศิวิไลซ์ ที่คลุกเคล้ากับเมฆหมอกของมลพิษ

ระหว่างรอเวลาให้ฝนสาด เพื่อเป็นการอุ่นเครื่อง ผมก็เริ่มร่ายว่าตอนนี้มีอะไรน่าสนใจในท้องฟ้าบ้าง ด้วยความ ที่ร้างวงการมานานก็ได้ปล่อยไก่ไปหลาย ตัวและกว่าจะหาดาวเหนือเจอก็ต้องคลำ อยู่ครู่หนึ่ง ผมเริ่มต้นด้วยคำถามว่ามีดาวเคราะห์อยู่กลางฟ้าอยู่สองดวง ให้ท่านทั้งหลายลองหาดูว่าเป็นดวงไหนและคือดาวอะไร ถ้าทบทวนความรู้ดารา ศาสตร์สมัยเป็นนักเรียนจะพบว่าดาวเคราะห์ที่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่ามีอยู่ ห้าดวงคือ ดาวพุธ ดาวศุกร์ ดาวอังคาร ดาวพฤหัส และดาวเสาร์ ดาวพุธ และดาวศุกร์ตัดทิ้งไปได้เพราะอยู่ในวงโคจรที่ใกล้ดวงอาทิตย์มากกว่าโลก เพราะ ฉะนั้นจะเห็นดาวสองดวงนี้ ได้เฉพาะช่วงหัวค่ำหรือใกล้รุ่ง ความรู้อีกอย่างคือดาวเคราะห์จะมีตำแหน่งอยู่ไม่ห่างจากเส้น Ecliptic หรือเส้นทางที่ดวงอาทิตย์เคลื่อนผ่านกลุ่มดาวจักรราศีที่บอกถึงเดือนต่างๆ กะคร่าวๆ คือแนวที่อยู่ประมาณกึ่งกลางท้องฟ้าจากทิศตะวันออกไปทางทิศตะวันตก ข้อสังเกตอีกอย่างคือ ดาวเคราะห์จะ แตกต่างจากดาวฤกษ์คือ ดาวเคราะห์จะไม่กะพริบหรือกะพริบน้อยมาก ใน ขณะที่ดาวฤกษ์นั้นกะพริบ ชัดเจนโดยเฉพาะดาวที่สว่างมากๆ ที่เป็นเช่นนี้เพราะดาวเคราะห์ยังอยู่ใกล้โลกในลักษณะที่ยังมีขนาด ขณะที่ดาวฤกษ์อยู่ไกลจากโลกมากจนเห็นเป็นเพียงจุด ซึ่ง จะกะพริบเพราะบรรยากาศมีการเคลื่อน ไหว ไม่นานก็มีผู้สามารถระบุผู้ต้องสงสัย ไว้ได้ 2 ราย ดวงหนึ่งสว่างมากมีสีขาวอม เหลืองอยู่กลางกลุ่มดาวคนคู่หรือ Gemini นั่นคือดาวพฤหัส และอีกดวงเป็นดาวสีขาวเหลืองซีดและสว่างน้อยกว่าอยู่บริเวณ กลุ่มดาววัว Taurus คือดาวเสาร์ มีคนถาม ถึงดาวอังคาร เป็นที่รู้กันดาวอังคารมีสีออกขาวแดง ซึ่งหาผู้ต้องสงสัยอยู่ในข่าย ไม่ได้ ความจริงคือดาวอังคารอยู่ลับขอบ ฟ้าทางทิศตะวันตกไปแล้วขณะนั้น

เพื่อเป็นการพิสูจน์ผมตั้งกล้องดูดาวไปยังดาวพฤหัส ในกล้องจะเห็นดาว ดวงกลมที่มีแถบคาด 2 แถบ ซึ่งเป็นเครื่อง หมายการค้าของดาวพฤหัส พร้อมดวงจันทร์บริวารที่เห็นเป็นจุดขาวเล็กๆ เรียง อยู่ในแนวเดียวกันสี่ดวง จากนั้นก็หันกล้องไปดูดาวเสาร์ซึ่งจะเห็นมีวงแหวนชัดเจนและยังได้เห็นดวงจันทร์บริวารสอง ดวง หลายคนรู้สึกตื่นเต้นเพราะได้ชมดาวสองดวงนี้ชัดๆ กับตาเป็นครั้งแรก จากนั้นผมก็พาทัวร์ชม Nebula M42 ที่กลุ่มดาวนายพรานและ Andromeda Galaxy M31 ซึ่งแนะนำให้ดูด้วยกล้องสองตาจะเห็นได้สว่างกว่าเพราะบริเวณนั้นยังมีเมฆจางๆ เห็น ได้ไม่สว่างนัก

ช่วงเที่ยงคืนครึ่งเริ่มสังเกตเห็นหยาด ฝนดาวตก ผู้คนเลยหันมาสนใจดูดาวตกกัน มีคนเริ่มนับและมีการวางข้อตกลงในการบอก ทิศทางเพื่อบอกให้ผู้อื่นรู้จะได้ดูด้วย บางคน เริ่มหันไปมองในทิศทางที่คนส่วนใหญ่ไม่มอง เพื่อเพิ่มพื้นที่ครอบคลุม ประมาณตีหนึ่งกว่า จากฝนพรำก็กลายเป็นลงเม็ด ลีลาของหยาด ฝนก็มีสีสันเพิ่ม ทั้งลากยาว มาเป็นคู่ มีการเอฟเฟกต์ระเบิดโชว์ ช่วงนี้ฝนดาวตกจะเกิดในลักษณะกระจัดกระจาย แต่ส่วนใหญ่จะวิ่ง ออกจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เวลาผ่านไป 1 ชั่วโมงนับจำนวนดาวตกได้สองร้อยกว่า ดวง ผมก็ชมไปถ่ายรูปไป ผมใช้เลนส์ขนาด 28 mm f 1:2.8 เปิดหน้ากล้องด้วยสาย ชัตเตอร์ที่ล็อกได้ ถ่ายรูปหนึ่งผมเปิดหน้ากล้องนาน 2 ถึง 5 นาที เนื่องจากมุมของ ภาพที่จับได้ยังแคบเมื่อเทียบกับท้องฟ้า เพราะฉะนั้นการจะได้ภาพดาวตกเข้ามาในกล้องได้สวยก็ต้องขึ้นกับโชคเป็นหลัก เวลาผ่านไปสองชั่วโมง ทีมนับดาวเริ่มสลายตัว ผมไม่ได้สนใจการนับจำนวนแล้วแต่สนใจหามุมถ่ายภาพมากกว่า

ช่วงตีสองครึ่งผมให้ความสนใจไปยังทิศตะวันออกเฉียงเหนือเพราะกลุ่มดาวสิงโต (Leo) โผล่ขึ้นจากขอบฟ้า ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่าดาวตกส่วนใหญ่จะมีจุดเริ่มต้นจากใจกลางกลุ่มดาวสิงโตและ กระจายไปรอบทิศ บริเวณกลุ่มดาวสิงโต จะสังเกตเป็นดาวตกขนาดเล็กพุ่งออกมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนดาวตกที่มีขนาดใหญ่ มีหางยาว หรือมีการระเบิดโชว์จะเกิดขึ้นในอัตราที่ต่ำกว่า จากการสังเกต ช่วงสูง สุดจะอยู่ระหว่างตี 1 ครึ่งถึงตี 3 ผมถ่ายรูปจนฟิล์มหมดประมาณตีสามกว่า ขณะ นั้นผู้คนส่วนใหญ่รู้สึกว่าดูจนอิ่มและสลาย ตัวไปนอนกันหมดแล้ว เหลือผมยังรู้สึกอยากคอยดูต่ออีกเผื่อจะเห็นอะไรแปลกใหม่ขึ้นมาบ้าง ในที่สุดใกล้ตีสี่ผมก็ไม่สามารถเอาชนะความง่วงได้ แต่ก่อนนอน ผมก็ยังเห็นดาวตกมาเป็นระยะๆ ไม่ขาด แม้จะไม่ถี่นัก

การได้มาชมหยาดฝนจากนอกพิภพในครั้งนี้ ทำให้เกิดความรู้สึกหวนระลึกถึงวัยเด็กที่เต็มไปด้วยจินตนาการและความฝัน แม้ปรากฏการณ์นี้ก็เป็นเพียงส่วนเสี้ยวที่เล็กมากท่ามกลางวัฏจักร แห่งธรรมชาติ แต่อย่างน้อยก็ยังเป็นสิ่งละอันที่ช่วยโปร่งและชดเชยชีวิตแห่งจินตนาการที่ขาดหายไป และอย่างน้อยประโยชน์ในเชิงรูปธรรมก็คือมีเงินสะพัดจากการท่องเที่ยวและจับจ่ายสู่ชนบท เท่าที่ทราบผู้เชี่ยวชาญว่าปีหน้าก็จะมีอีก ผมก็ไม่ขัดข้อง ก็คิดว่าจะหาโอกาสอีกเช่น กัน แล้วมาว่ากันอีกที สวัสดีครับ

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us