การแยกตัวไปทำงานอยู่เบื้องหลัง โดยไม่พบปะสังสรรค์ กับผู้ร่วมงานหรือบุคคลภายนอกเป็นเรื่องล้าสมัยเสียแล้วสำหรับ
มืออาชีพด้านเทคนิคยุคนี้ "สภาพการณ์ในปัจจุบันที่ความเร็ว ต้นทุนและคุณภาพเป็นปัจจัยสำคัญในการทำธุรกิจ
ทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคไม่อาจแยกตัวไปทำงานตามลำพังได้อีกแล้ว"
แฮรี อี แชมเบอร์ (Harry E. Chambers) เสนอไว้ในหนังสือ Effective Communication
Skills for Scientific and Technical Professionals แชมเบอร์บอก มืออาชีพด้านเทคนิคจะต้องเข้ามา
เกี่ยวข้องกับธุรกิจให้มากขึ้นและมีวิธีการสื่อสารความคิดอ่าน ของตนออกมาให้เป็นที่เข้าใจได้
เนื่องจาก "งานทางด้านเทคนิค วิทยาการในปัจจุบันมีภาวะการแข่งขันสูงมาก
การมีทักษะใน การสื่อสารจะช่วยให้คุณมีศักยภาพในการแข่งขันได้มากขึ้น"
ความเป็นจริงเกี่ยวกับการสื่อสาร
แชมเบอร์เสนอแนวคิดในการเพิ่มพูนทักษะการสื่อสารให้
กับผู้ที่เป็นมืออาชีพทางด้านเทคนิค โดยกล่าวถึงความเป็นจริง เกี่ยวกับการสื่อสารที่ควรตระหนักถึง
และประเมินจุดอ่อน เพื่อหาทางปรับปรุงให้ดีขึ้น 6 ประการด้วยกัน
1. คุณให้ความสำคัญกับการทำงานมากกว่าผู้คนรอบข้าง ผู้เชี่ยวชาญทางด้านเทคนิคมักมีความรู้ความสามารถทางด้าน
เทคนิควิทยาการต่างๆ แต่กลับขาดการฝึกฝนและพัฒนาทักษะทางด้านความเป็นผู้นำ
เช่น ทักษะด้านการสื่อสารให้มี
ประสิทธิภาพ
2. คุณอุทิศตนและมุ่งมั่นอย่างมากกับงานที่ทำ ความที่มือ อาชีพด้านเทคนิคใฝ่ใจกับตัวงานอย่างมาก
บางครั้งอาจทำให้
เส้นแบ่งระหว่างความสามารถเชิงอาชีพกับบุคลิกส่วนตัวไม่ชัดเจน แชมเบอร์บอกทัศนคติเช่นนี้มักนำไปสู่การไม่ได้รับการยอมรับ
3. คุณมีแนวโน้มที่จะแสวงหาความเป็นเลิศและสมบูรณ์ พร้อมในเชิงวิชาชีพ
อย่าลืมว่าการติดยึดอยู่กับคุณภาพอาจทำให้ คุณสูญเสียสิ่งอื่นไป เช่นเวลาหรือความจำกัดของงบประมาณ
4. คุณค่อนข้างยึดอยู่กับยุทธศาสตร์ความสำเร็จที่ล้าสมัย แต่เดิม มืออาชีพด้านเทคนิคถูกคาดหวังว่าจะสร้างความเป็น
เอกลักษณ์ได้จากการกุมความรู้หรือข้อมูลสำคัญเฉพาะไว้เพียง ผู้เดียว แต่ในยุคนี้ผู้เชี่ยวชาญจะต้องรู้จักเผยแพร่ข้อมูลอย่างมี
ประสิทธิภาพ
5. แบบแผนความคิดที่เป็นเหตุเป็นผลและเป็นแบบเชิง เส้นตรงของคุณอาจทำให้เกิดการสื่อสารผิดพลาด
มืออาชีพทาง ด้านเทคนิคในบางแขนงอาจพบปัญหาในการสื่อสารหรือทำให้ เกิดความสับสนได้จากการที่มีแบบแผนความคิดที่ขาดรายละเอียด
และจะยิ่งยุ่งยากหากประเด็นที่ต้องการพูดไปพาดพิงผู้อื่นในเชิง วิพากษ์วิจารณ์หรือเป็นข่าวในเชิงลบ
6. คุณต้องสื่อสารกับกลุ่มคนที่กว้างขึ้น เมื่อมืออาชีพด้าน เทคนิคต้องสื่อสารกับลูกค้าและแหล่งทุน
ควรกล่าวถึงขีดความ สามารถที่อาจยืดหยุ่นหรือขยับขยายได้ในแง่การตัดสินใจ
แชมเบอร์บอก "คุณควรจัดวางความต้องการให้สอดคล้องกับ ความสามารถที่แท้จริง
และกำหนดขอบข่ายที่จะใช้ในการ
ประเมินวัดความสำเร็จหรือการได้รับการยอมรับ"
ปรับปรุงทักษะในการสื่อสาร
เมื่อได้ประเมินความเป็นจริงในแง่การสื่อสารดังกล่าวแล้ว ขั้นต่อมาคือการใช้ยุทธศาสตร์และกลยุทธ์ที่นำเสนอในหนังสือเพื่อ
ปรับปรุงทักษะการสื่อสาร แชมเบอร์บอกรากฐานของยุทธศาสตร์ เหล่านี้ ก็คือการเข้าใจถึงองค์ประกอบสำคัญ
2 ประการของ การสื่อสาร คือ เนื้อหาของสารที่จะสื่อ และผลกระทบเชิงอารมณ์
ความรู้สึกของสารที่จะมีต่อผู้รับสาร การเชื่อมโยงประเด็นทั้งสอง นี้เข้าด้วยกันจะทำให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพ
ซึ่งผู้เขียนได้แจก แจงรายละเอียดไว้ในหนังสือบทต่อบทอย่างในบทว่าด้วย "กระบวนการในการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ"
เป็นการสรุป บทเรียนทางด้านการสื่อสารไว้อย่างน่าสนใจ อาทิ
-ควรเปิดโอกาสให้ผู้อื่นได้วิพากษ์วิจารณ์คุณอย่าง สร้างสรรค์และสม่ำเสมอ
-หลีกเลี่ยงกับดักที่อาจเกิดจากการที่คุณตอบคำถาม ที่คุณตั้งไว้เอง
-ให้คิดไว้เสมอว่าลูกค้าหรือแหล่งทุนนั้นย่อมเปลี่ยนใจ เปลี่ยนความต้องการได้เสมอ
นอกจากนั้นยังมีเนื้อหาว่าด้วย
การรับฟังและการวิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่น การสื่อสารกับหัวหน้า การสื่อสารข้อมูลเชิงเทคนิคกับผู้ที่ไม่ได้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้
การพัฒนาทักษะการฟังอย่างมีประสิทธิภาพ การสื่อสารกับลูกค้า การรับมือกับการเมืองในองค์กร
และการสื่อสารในระหว่าง การประชุม
หนังสือของแชมเบอร์เหมาะกับมืออาชีพด้านเทคนิคทุก
ระดับที่ต้องการขจัดปัญหาที่ไม่น่าเกิดขึ้นจากความผิดพลาด ในการสื่อสาร เป็นการเพิ่มคุณภาพในเชิงวิชาชีพอีกทางหนึ่ง