โลกวันนี้ดูสับสนอย่างไรไม่รู้ เศรษฐกิจเสื่อม สงครามแทรก ผู้คนแก่งแย่งเบียดเบียน เอาแก่ใจ ไร้ คุณธรรม ที่เป็นเช่นนี้อาจเป็นเพราะการถอยห่างจาก สิ่งสวยๆ งามๆ ขาดการหล่อหลอมจิตใจให้ชโลมด้วย สุนทรี แทนความแข็งกร้าว กร้าน และแห้งแล้งดังพื้น ผิวดาวพุธ หรือไม่ก็คุกรุ่นร้อนรนและกดดันดังบรรยา กาศดาวศุกร์ ว่าแล้วเราหยุดรับเรื่องราวรอบตัว ชั่ว ขณะแล้วมาเล่นกีตาร์ต่อ (จากคราวที่แล้ว) กันดีกว่า

คุณสมบัติพิเศษของกีตาร์ที่สำคัญอย่างหนึ่ง คือ มีความยืดหยุ่นสูง คือจะหัดเล่นอยู่วันสองวันเพื่อเล่น ประกอบเพลงร้อง หรือจะหัดเล่นอยู่สักปีสองปี เพื่อ โชว์เพลงบรรเลงเดี่ยวสักเพลงหนึ่งก็ได้ เหมาะอย่างยิ่ง สำหรับงานรื่นเริงทัศนาจร ปิกนิก งานเลี้ยงรับตำแหน่ง ใหม่ งานอำลาครบเกษียณอายุ หรือเทศกาลต่างๆ (ยัง ไม่นับเนื่องในโอกาสเลิกจ้างและงานประท้วงทั่วไป) นอกจากจะเป็นเครื่องดนตรีประกอบการร้องเพลงที่ แพร่หลายแล้ว กีตาร์ยังเป็นเครื่องดนตรีเพียงไม่กี่ชิ้น ที่สามารถใช้บรรเลงเพลงเดี่ยวได้สมบูรณ์ในตัว

กีตาร์เป็นเครื่องดนตรีที่มีช่วงเสียงกว้างครอบ คลุมแนวเบสไปจนถึงช่วงเสียงร้อง (Tenor สำหรับชาย และ Mezzo Soprano สำหรับหญิง) แต่โดยรวมจะอยู่ใน แนวเสียงทุ้มจึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับบรรเลงประกอบ การร้องเพลง นี่เป็นสาเหตุสำคัญข้อหนึ่งในความนิยม นำกีตาร์มาเล่นประกอบเพลงร้อง และผู้คนจำนวน มากก็เล่นกีตาร์เพื่อการนี้โดยเฉพาะ นอกจากนั้น การฝึกเล่นในแนวนี้ยังเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดที่จะทำให้ กีตาร์กลายเป็นเครื่องดนตรีในมือของผู้คนทั่วไป

ก่อนที่จะลงมืออื่นใด ท่านจะต้องศึกษา พื้นฐานของดนตรีสากลเบื้องต้นที่สุดคือรู้จักการ เรียกชื่อของตัวโน้ตซึ่งจะใช้อักษรภาษาอังกฤษจาก ตัว A ถึงตัว G ทั้งหมด 7 ตัว แต่เนื่องจากระบบ เสียงของดนตรีสากลมีขั้นเสียงอยู่ 12 ขั้นเสียง จึง มีช่วง "ครึ่งเสียง" ประกอบอยู่ซึ่งใช้สัญลักษณ์ คล้ายตัวบีเล็ก b สำหรับเสียงที่ต่ำลงครึ่งเสียง เรียกว่า Flat และสัญลักษณ์ # สำหรับเสียงที่สูง ขึ้นครึ่งเสียงเรียกว่า Sharp เสียง 12 เสียง จะถูก จัดเรียงเป็นบันไดเสียง (Scale) ต่างๆ ในการ บรรเลงดนตรีประกอบเสียงร้อง จะบรรเลงเป็น เสียงของตัวโน้ตหลายๆ ตัวพร้อมๆ กันเป็นเสียง ประสานที่เรียกว่า คอร์ด คอร์ดจะทำหน้าที่ประสาน ประกอบและเกื้อหนุนแนวทำนองของเพลงให้ไพเราะ คอร์ดจึงมีความสัมพันธ์กับแนวทำนองของเพลง และบันไดเสียงของแนวทำนองนั้นๆ ความรู้ที่อยู่ เบื้องหลังการสร้างคอร์ดแนวทำนองและบันไดเสียง จะมีความซับซ้อนพอสมควร ท่านอาจศึกษาได้จาก หนังสือความรู้พื้นฐานทางดนตรี สำหรับท่านที่ไม่ สะดวกใจในการค้นคว้าศึกษา ท่านสามารถใช้วิชา การ "นกแก้วนกขุนทอง" ร่วมกับการสังเกตได้

คอร์ด ยังแบ่งแยกเป็นหลายๆ ชนิด ซึ่ง จะมีส่วนประกอบของตัวโน้ตที่ต่างกัน ทำให้ได้ เสียงประสานที่ต่างออกไป ชนิดของคอร์ดต่างๆ ได้แก่ Major, Minor (ตัวย่อ m), 7th, diminished 7th (ตัวย่อ dim) หรือ augmented (ตัวย่อ aug) เป็นต้น เบื้องต้นท่านไปหาซื้อหนังสือภาพคอร์ดกีตาร์ (Chord Chart) ซึ่งจะเป็นภาพตำแหน่งการกดนิ้ว ลงบน Fret กีตาร์สำหรับ คอร์ดต่างๆ จากนั้นเลือก จดจำคอร์ดที่ใช้บ่อยๆ โดยดูจากหนังสือเพลงที่มี คอร์ดประกอบเนื้อร้องและ ถ้าท่านใช้หูแยกเสียงให้ดี ท่านอาจขยับบันไดเสียง เพลงต่างๆ ให้มาเล่นที่ บันไดเสียงง่ายๆ เพื่อลด จำนวนคอร์ดที่ต้องจำลง ได้ ยกตัวอย่างคอร์ดหากินเช่น C (ซี), Am (เอไมเนอร์), F (เอฟ), G7 (จีเซเว่น) ซึ่งเป็นกลุ่มคอร์ดในบันไดเสียง C ที่แพร่หลายมากที่สุด ท่านควรจดจำคอร์ดที่ใช้บ่อย ให้แม่น เพราะเวลาเล่นเพลงจะดูคอร์ดหรือเปลี่ยนนิ้ว ไม่ทัน

นอกจากเรื่องของเสียงหรือตัวโน้ตแล้ว ดนตรี ยังมีเรื่องของจังหวะด้วย จังหวะคือการ ก้าวเดินของบท เพลง อาจมีช้ามีเร็วได้ แต่การจะช้าจะเร็วจะต้องสอด คล้องกับบทเพลงมิใช่ตามอำเภอใจ บทเพลงก็มีลักษณะ คล้ายบทกลอนคือมีจังหวะที่มีรูปแบบ Pattern ในการ เล่นดนตรีที่ถูกต้องจะต้องมีการนับจังหวะ จังหวะของ ดนตรีจะแบ่งเป็นห้องๆ ดนตรีสากลที่นิยมทั่วไปจะมี การแบ่ง 4 จังหวะหรือ 3 จังหวะในหนึ่งห้อง เพลงที่มี 3 จังหวะในหนึ่งห้องเรียกว่า จังหวะวอลซ์ (Waltz) ในการเล่นกีตาร์ประกอบร้องท่านต้องเล่นคอร์ด (หรือ ตีคอร์ด) เป็นจังหวะสม่ำเสมอตามเพลง เพลงแต่ละ เพลงอาจมี Pattern ของการตีคอร์ดไม่เหมือนกัน ให้ สังเกตจากดนตรีต้นฉบับ ถ้าท่านจับคอร์ดคล่องแล้วให้ ลองเล่นคอร์ดกีตาร์ตามจังหวะของเพลงโดยเล่นไปพร้อม กันกับเทปหรือซีดี

ในกรณีที่เล่นกีตาร์ตัวเดียวประกอบร้อง ให้ เลือกจับคอร์ดที่เสียงต่ำสุดเป็นตัวโน้ตประจำคอร์ด (Root) เช่นเล่นคอร์ด C (ชนิดใดๆ) ให้เสียงต่ำสุดเป็น ตัว C เพื่อให้เป็นแนวของเสียงเบสจะได้เสียงประสาน ที่ชัดเจน ในกรณีที่เล่นคอร์ดเดียวกันซ้ำๆ นานๆ ท่าน สามารถเลือกเล่นเสียงต่ำสุดเป็นโน้ตตัวอื่นในคอร์ดได้ แต่จะต้องวนกลับมาเล่นโน้ตประจำคอร์ดเป็นระยะๆ การเล่นคอร์ดไม่จำเป็นต้องเล่นเสียงทุกเสียงพร้อมๆ กันเสมอไป บางครั้งเราสามารถเล่นโน้ตของคอร์ด ทีละตัวสลับกันไปมาที่เรียกว่า Broken Chord ซึ่ง จะเหมาะกับเพลงช้าๆ หวานๆ

ถ้าสนุกสนานกับการเล่นคอร์ดกีตาร์ พอ แล้วและอยากจะพัฒนาต่อก็ให้ท่านหัดเล่นแนวทำนอง ดูบ้าง การเล่นแนวทำนอง ท่านจะเล่นโน้ตเป็นตัวๆ ซึ่งสามารถทำได้สองวิธีคือ หัดอ่านโน้ตเพลง หรือ หัด "อ่านเสียง" จากการฟังโน้ตกีตาร์มีสองลักษณะ คือ โน้ตสากลมาตรฐาน 5 เส้น (Treble Clef) และ โน้ตที่คิดค้นขึ้นสำหรับกีตาร์โดยเฉพาะที่เรียกว่า TAB หรือ Tablature ตัวโน้ตแบบ Tab นั้นเข้าใจง่ายกว่า เพราะใช้สายกีตาร์และเลขบอกตำแหน่งของ Fret ระบุตัวโน้ต แต่จะมีข้อเสียที่ไม่ระบุช่วงเวลาของตัว โน้ต และเลขบอกนิ้วที่เล่นตัวโน้ต ถ้าจะให้ดีควรใช้ โน้ตเพลงสำหรับกีตาร์โดยเฉพาะที่มีทั้งโน้ตมาตรฐาน และโน้ต Tab อยู่ด้วยกัน

ที่สุดของการเล่นกีตาร์อยู่ที่การเล่นเพลง บรรเลงที่มีทั้งแนวทำนอง เสียงประสานหรือคอร์ด และแนวเสียงเบสไปพร้อมๆ กัน จะเล่นด้วย Pick หรือใช้นิ้วมือขวาทั้ง 5 ก็ได้ การจะเล่นได้ครบเช่นนี้ ท่านอาจจะต้องฝึกฝนเป็นเวลานาน แต่ถ้าตั้งใจฝึกฝน ขวนขวายหาความรู้ท่านก็สามารถจะเป็นนักกีตาร์ ประจำงานเลี้ยงหรืออาจเข้าขั้นผลิตเทปซีดีขายได้ (รวมทั้งแจกและบังคับซื้อ) ตัวอย่างนักบริหารที่มีชื่อ เสียงและเป็นนักดนตรีสมัครเล่นฝีมืออาชีพก็มีให้ เห็นอยู่

คราวหน้าผมจะมาเล่าวิธีการหัดเล่นเครื่อง ดนตรีไฮเทค คีย์บอร์ด ซึ่งก็น่าสนุกไม่น้อยกว่าการ เล่นกีตาร์ ใครคิดจะเป็นนักดนตรีมือใหม่จะหัดเล่น ทั้งสองอย่างก็ได้ไม่ว่าอะไร หันมาหมกมุ่นกับดนตรีให้ ลืมโลกระยะนี้ก็ดีไม่น้อย แล้วพบกันครับ