Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กันยายน 2543








 
นิตยสารผู้จัดการ กันยายน 2543
ทำอย่างไรให้ได้ผลกำไรในธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์             
 


   
search resources

E-Commerce
Retail




ปัจจุบันผู้ประกอบการคนไทยจำนวนมาก ได้แสวงหาชื่อเสียง และความมั่งคั่งโดยการลงทุน ก่อตั้งการดำเนินธุรกิจแบบอิเล็กทรอนิกส์

ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ (e-business) แบ่งออกได้สองกลุ่ม คือ กลุ่มที่เป็นบริษัท ที่ตั้งใหม่ เพื่อเข้ามาประกอบธุรกิจค้าปลีกทางอิเล็กทรอนิกส์โดยเฉพาะ (e-tailing) และกลุ่ม ที่เป็นผู้ค้าปลีกดั้งเดิม (traditional retailers) อยู่ แล้วแต่ใช้ระบบการค้าทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเพิ่มช่องทางทางธุรกิจ

หากถามว่ามีผู้ลงทุนทางธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์กี่รายที่ประสบความสำเร็จ คำตอบคือ มีจำนวน ที่น้อยมาก บริษัทค้าปลีกทางอิเล็กทรอนิกส์นำเสนอภาพลักษณ์ของบริษัท ที่ก่อตั้งขึ้นใหม่

"เมื่อสามารถระดมเงินทุนจากแหล่งเงินทุนได้แล้ว เงินทุนนั้น จะถูกใช้ไปอย่างรวดเร็วในแผนโฆษณา เพื่อทำให้ บริษัทเป็นที่รู้จัก และสามารถดึงดูดให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเข้ามาหาข้อมูลในเว็บไซต์ ของตนเองได้" สตีเฟน ฮิวจ์ส กรรมการ บริษัทไพร้ซวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส (PwC) ฝ่าย ที่ปรึกษาด้านวาณิชธนกิจ และการลงทุนกล่าว

อย่างไรก็ตามมีคำถามเกิดขึ้นว่า ผลกำไรจากธุรกิจใหม่นี้จะเป็นไปตาม ที่คาดหวังหรือไม่ "เราจะคาดหวังได้อย่างไรว่าจะสามารถสร้างผลกำไรจากบริษัทค้าปลีกทางอิเล็กทรอนิกส์ ที่โดยเฉลี่ยแล้วก่อตั้งมาได้ไม่เกิน 3 ปี แต่ก็มีข้อยกเว้นเพียงหนึ่งหรือสองบริษัทเท่านั้น " ฮิวจ์สบอก

ในขณะที่ธุรกิจการค้าปลีกแบบดั้งเดิม ซึ่งมีรากฐานลูกค้า ที่ใหญ่กว่าเพราะไม่ต้องมีข้อจำกัดว่าจะต้องเป็นผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตเท่านั้น ยังต้องประสบความยากลำบาก ที่จะสามารถทำกำไรได้ในระยะเวลาสั้น

ถึงกระนั้น กลุ่มค้าปลีกแบบดั้งเดิม ที่แสวงหาผลกำไรเพิ่มเติมจากธุรกิจ ทางอิเล็กทรอนิกส์ จะใช้การผสมผสานกันระหว่างสองระบบ จึงเป็นกลุ่ม ที่มีโอกาสประสบความสำเร็จในตลาดการค้าอิเล็กทรอนิกส์มากกว่ากลุ่ม ที่ก่อตั้ง เพื่อธุรกิจค้าปลีกทางอิเล็กทรอนิกส์โดยเฉพาะ (pure play)

"ผู้ประกอบการดั้งเดิม ที่ใช้อินเทอร์เน็ตเพิ่มช่องทางการจำหน่าย (multi channel retailer) หลายแห่งเริ่มมีการ รายงานผลกำไร ที่ได้จากการค้าฝ่ายอินเทอร์เน็ตบ้างแล้ว" ฮิวจ์สกล่าว

สถิติจากการค้าปลีกในยุโรปแสดงให้เห็นว่า ต้นทุน เพื่อการหาลูกค้าทางอินเทอร์เน็ตของบริษัทค้าปลีกแบบหลายช่องทาง (multi channel retailer) อยู่ในอัตรา ที่ต่ำกว่า จากสถิติปีที่แล้วต้นทุนต่อลูกค้าสำหรับบริษัทค้าปลีกแบบหลายช่องทางเท่ากับ 11 ล้านเหรียญ สหรัฐ เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่ม ที่ก่อตั้ง เพื่อธุรกิจค้าปลีกทางอิเล็กทรอนิกส์โดยเฉพาะ ซึ่งมีต้นทุนสูงถึง 82 ล้านเหรียญสหรัฐ

ข้อแตกต่างนี้มีผลมาจากชื่อเสียงของบริษัท ที่เป็นที่รู้จักกันมานาน การประหยัดจากขนาด (economies of scale) แรงงาน ที่มีความชำนาญ และระบบการขนส่ง ที่มีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ดี บริษัทค้าปลีกแบบหลายช่องทางบางรายก็ยังประสบปัญหาการขาดทุนในการทำธุรกิจทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-business activi-ties) ดังนั้น ถ้าบริษัทไหนเป็นหนึ่งในผู้ที่กำลังประสบปัญหานี้ หรือกำลังคิดจะลงทุน แต่ไม่อยากประสบปัญหาการขาดทุนเหมือนบริษัทหลายแห่งในแถบยุโรป และสหรัฐอเมริกา ฮิวจ์สมีคำแนะนำ ที่ครอบคลุมวัฏจักร (life-cycle) ในการดำเนินธุรกิจทางอินเทอร์เน็ต

"ในระบบเศรษฐกิจแบบเก่าคงใช้เวลาเป็น 10 ปี เพื่อจะจัดตั้งธุรกิจค้าปลีก ที่มีเครือข่ายครอบคลุมทั้งประเทศ และต้องใช้เวลามากกว่านั้น หากมีความประสงค์ ที่จะสร้างเครือข่ายทั่วโลก"

กลยุทธ์แบบเดิมๆ ที่ใช้การรอคอย และดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นแบบเก่าๆ (wait and see) คงใช้ไม่ได้ผลอีกแล้วในยุคปัจจุบัน เพราะไม่สามารถละเลยถึง ความจริง ที่ว่าอินเทอร์เน็ตมีอิทธิพลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วตลอด เวลา "ในธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ ณ วันที่คุณรู้ว่ายอดขาย 5% ของคุณถูกคู่แข่งช่วงชิงไป คุณคงไม่มีเวลาเพียงพอ ที่จะตอบโต้ได้แล้ว"

ในช่วงแรกของการเกิดธุรกิจค้าปลีกทางอิเล็กทรอนิกส์ ไม่มีใครรู้ว่าอินเทอร์เน็ตจะเป็นเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จะเข้ามามีบทบาทต่อการดำรงชีวิตของคน ในปัจจุบันมากขนาดนี้ ดังนั้น ความรับผิดชอบในการพัฒนาอินเทอร์เน็ตมักจะถูกมอบหมายไปสู่กลุ่มย่อยในองค์กร เช่น เทคโนโลยีสารสนเทศ

"แต่ขณะนี้ผลกระทบของกลยุทธ์ทางธุรกิจอิเล็กทรอนิกส ์มีความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจโดยรวม เกินกว่าจะอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของคนกลุ่มย่อย" ฮิวจ์สบอก

ดังนั้น ผู้บริหารระดับสูง และคณะกรรมการจึงมีความจำเป็นต้องเข้ามามีบทบาทโดยตรงในการกำหนดกลยุทธ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้เกิดความสอดคล้องกันระหว่างกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ และกลยุทธ์ทางธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์

ผู้ประกอบการค้าปลีกจำนวนมากมักจะรีบร้อน ที่จะเข้าลงทุนในธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์โดยขาดการวางแผนที่ดีจึงไม่สามารถทำกำไรจากการค้าได้ ถึงแม้ว่าการดำเนินธุรกิจทางอิเล็กทรอนิกส์ จะเป็นการทำการค้ารูปแบบใหม่ "แต่ก็ยังคงต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของการค้าแบบดั้งเดิม ที่ต้องคำนึงถึงกฎของอุปสงค์ และอุปทาน รวมทั้งรูปแบบการดำเนินธุรกิจ ที่มีจุดมุ่งหมายในการสร้างผลกำไร และกระแสเงินสด"

ผู้ประกอบการค้าปลีกส่วนใหญ่ใช้เว็บไซต์เพียง เพื่อโฆษณาสินค้าของตน ซึ่งการทำเช่นนี้ไม่ได้เพิ่มความสามารถในการแข่งขันในระยะยาวเลย ผู้ประกอบการควรจะใช้ประโยชน์ในการทำธุรกิจทางอิเล็กทรอนิกส์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยไม่มองข้ามไปว่าข้อดีของเว็บไซต์ คือ โอกาสในการเข้าถึง ตลาดใหม่ๆ กลุ่มลูกค้าใหม่ และสามารถสร้างพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ๆ ได้โดยง่ายในวงกว้าง

ผู้ที่จะสามารถประสบความสำเร็จ ในการทำธุรกิจทางอิเล็กทรอนิกส์ คือ ผู้ที่สามารถสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้าตั้งแต่ก้าวแรก ที่ลูกค้าเข้าไปในเว็บไซต์ จนกระทั่งเมื่อสินค้าได้ถูกส่งถึงประตูผู้รับ

"ผู้ประกอบการจะต้องให้ความสำคัญอย่างมากในการจัดการให้กระบวนการเหล่านี้ดำเนินไปอย่างราบรื่น" ฮิวจ์สบอก เนื่องจากการทำธุรกิจแบบนี้ ผู้ประกอบการไม่สามารถทราบถึงความไม่พอใจของลูกค้าเมื่อเขาโกรธ หรือไม่พอใจเมื่อไม่สามารถได้รับข้อมูลที่ต้องการจากเว็บไซต์ได้

คู่แข่งทางการค้าอยู่ห่างกันเพียงแค่คลิกเดียว การเปลี่ยนไปใช้บริหารเว็บไซต์อื่นๆ เป็นเรื่องง่ายมาก ดังนั้น ผู้ประกอบธุรกิจทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ก็ต่อเมื่อสามารถสร้างกลุ่มลูกค้าประจำ (stickiness) โดยการศึกษาความต้อง การของลูกค้า และนำข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้า ไปใช้ให้เป็นประโยชน์ในการพัฒนาปรับปรุงบริการให้เป็นที่พอใจของลูกค้า

สำหรับผู้ค้าปลีกธุรกิจทางอิเล็ก ทรอนิกส์ (pure player) หลายรายประสบปัญหาทางการเงินเนื่องจากผลกำไร ที่ได้รับมักจะไม่ได้เป็นไปตาม ที่คาดหวัง และการสนับสนุนทางการเงินก็ อาจจะสะดุดลงก่อน ที่จะสามารถทำกำไรได้

"ในหลายกรณี ที่อัศวินม้าขาว ที่เข้ามาช่วยกอบกู้ฐานะทางการเงินก็คือ ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิม" ฮิวจ์สบอก

ยกตัวอย่างเช่น การลงทุนของ Ahold ใน peapad.com และ Estee Lauder ใน gloss.com การร่วมลงทุน นี้เป็นการประสานจุดแข็งระหว่างผู้ค้าปลีกธุรกิจทางอิเล็กทรอนิกส์ และผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิม

ผู้ค้าปลีกธุรกิจทางอิเล็กทรอนิกส์ บางรายอาจจะต้องปิดกิจการไป แต่ผู้ที่สามารถยืนหยัดอยู่ได้จะเป็นบริษัท ที่ได้รับผลตอบแทนอย่างคุ้มค่า

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us